"มาบุญครอง" สิ้นมนต์ขลัง ? ร้านค้าดิ้นสู้เอาใจคอไฮเทคไม่เกี่ยงราคา

"มาบุญครอง" สิ้นมนต์ขลัง ? ร้านค้าดิ้นสู้เอาใจคอไฮเทคไม่เกี่ยงราคา

"มาบุญครอง" สิ้นมนต์ขลัง ? ร้านค้าดิ้นสู้เอาใจคอไฮเทคไม่เกี่ยงราคา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"มาบุญครอง" สิ้นมนต์ขลัง ? ร้านค้าดิ้นสู้เอาใจคอไฮเทคไม่เกี่ยงราคา

[24-ธันวาคม-2555] ปลายปีปกติจะเป็นเวลาที่ทุกคนหาซื้อของขวัญให้ตัวเองหรือคนที่รัก ซึ่งสินค้าไอทีเป็นกลุ่มสินค้าในลิสต์ยอดนิยม แต่ดูเหมือนว่าในปีนี้สถานการณ์โดยรวมจะไม่ดีขึ้นเท่าใดนัก หากถามบรรดาผู้ประกอบการในวงการไอทีทั้งหลายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าปีนี้ตลาดรวมคงมีการเติบโตไม่เกิน 10% ขณะที่ปัจจัยลบรุมกระหน่ำเพียบ ทั้งกำลังซื้อที่โดนนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลแย่งไป ทั้งความแรงของกลุ่มสินค้าใหม่สมาร์ท ดีไวซ์ ไม่ว่าจะเป็น "แท็บเลต" หรือ "สมาร์ทโฟน" ที่มาแย่งยอดขายโน้ตบุ๊ก เป็นต้น

"ประชาชาติธุรกิจ" ฉบับนี้กลับไปสำรวจบรรยากาศการซื้อขายสินค้าในแหล่งยอดฮิต "มาบุญครอง" อีกครั้งส่งท้ายสำหรับปีนี้ มาบุญครองได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่ค้าขายสินค้าไฮเทคสำคัญ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ เรียกว่าวัดอารมณ์ตลาดและเทรนด์สินค้ายอดนิยมกันได้

มู้ดจับจ่ายยังซึม

จากการพูดคุยกับร้านค้าหลายแห่ง บริเวณชั้น 4 ของห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ต่างพูดถึงสถานการณ์ตลาดในทำนองเดียวกันว่า บรรยากาศการซื้อขายยังตกอยู่ในภาวะที่เรียกได้ว่า "ค่อนข้างเงียบ" ไม่ต่างไปจากตลอด 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งทุกร้านมองว่า กำลังซื้อซึมตั้งแต่น้ำท่วมปลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับปัจจุบันมีร้านจำหน่ายสินค้าใหม่ ๆ ในลักษณะเดียวกันนี้เยอะขึ้นกว่าในอดีต จึงไม่จำเป็นต้องมาซื้อที่นี่ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ "ไอโฟน 5" เปิดตัว สถานการณ์ที่มาบุญครองกลับมาคึกคักอีกรอบ แต่เพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น

พนักงานขายประจำร้านค้าแห่งหนึ่งเปิดเผยว่า ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่มาบุญครองมีคนมาเดินเยอะที่สุดสำหรับปีนี้ เพราะตรงกับช่วงที่ไอโฟน 5 ออกวางจำหน่ายในต่างประเทศ ทำให้ทุกร้านต่างหิ้วเครื่องเข้ามาขายกันถ้วนหน้า เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาหาซื้อกันมาก แม้ในเวลานั้น "ราคา" จะขยับขึ้นไปแพงกว่าปกติระดับหมื่นบาทเลยทีเดียว แต่หลังจากไอโฟน 5 เริ่มวางจำหน่ายเป็นทางการในประเทศไทย ตลาดก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม คาดว่าจะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงสิ้นปี

ร้านค้าอีกแห่งพูดในทำนองเดียวกันว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา มาบุญครองไม่มีคนเดินเยอะเหมือนก่อน เชื่อว่า น่าจะเพราะโทรศัพท์มือถือกลายเป็นสินค้าที่ซื้อจากที่ไหนก็ได้ จึงไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ แต่เทียบปีก่อน ๆ ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่เงียบที่สุด ไม่ว่าจะเป็นตลาดสินค้าใหม่ หรือตลาดมือสอง ขณะที่ระดับราคาเครื่องใหม่ปรับลดลงมากแล้ว แต่ในกลุ่มสินค้าไฮเอนด์ก็ยังขายไม่ดีนัก เข้าใจว่ากำลังซื้ออาจยังไม่กลับมา ทำให้ร้านค้าหลายแห่งต้องปรับตัวมาขายอุปกรณ์เสริม หรือใช้วิธีไม่สต๊อกสินค้า แต่วิ่งไปซื้อจากร้านค้าส่ง เมื่อมีลูกค้าต้องการสินค้า

"ตอนนี้ใครไม่ปรับตัวคงอยู่ไม่ได้ เพราะคนมาเดินน้อยลงมาก จากเดิมช่วงเย็น ๆ คนถึงกับเดินเบียดกันในซอยเล็ก ๆ แต่ตอนนี้เดินสบาย หาของได้สะดวก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม หรือว่ามาบุญครองคงเริ่มหมดเสน่ห์ แต่เราเองก็ยังลุ้นว่าปีหน้าจะดีขึ้น ในแง่กำลังซื้อลูกค้าก็น่าจะกลับมาแล้ว รวมถึงจะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ออกมามากขึ้นในปีหน้า จะทำให้ตลาดคึกคักขึ้นเช่นกัน หลังจากระบบ 3G มาแล้ว ลูกค้าน่าจะเปลี่ยนเครื่องใหม่มากขึ้น อยู่ที่ว่าจะมาซื้อกับเรา หรือร้านอื่น"

สบช่องโก่งราคา ไอโฟน 5Ž

อย่างไรก็ตาม "ไอโฟน 5" ยังคงอยู่ในกลุ่มสินค้ายอดฮิต แม้จะมีวางขายในไทยอย่างเป็นทางการโดย 3 ค่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือแล้ว แต่ปัญหาสินค้าขาดสต๊อก ทำให้เป็นโอกาสในการขายของร้านค้าในมาบุญครองร้านค้าแห่งหนึ่งบอกว่า ปัจจัยที่ไอโฟน 5 ของค่ายมือถือหมดเร็ว เพราะร้านตู้ในมาบุญครองไปกว้านซื้อมาขายเอง พร้อมโก่งราคาขึ้นไปจากราคาปกติ 2-3 พันบาท ซึ่งขายได้เรื่อย ๆ เพราะมีลูกค้าบางกลุ่มไม่ต้องการรอเครื่องจากโอเปอเรเตอร์ จึงหันมาซื้อกับร้านที่มาบุญครอง แม้ต้องจ่ายแพงกว่า เช่น มีราคาตั้งแต่ 25,000 บาท, 28,800 บาท และ 32,500 บาท ในความจุ 16 GB, 32 GB และ 64 GB ตามลำดับ นอกจากนี้ร้านต่าง ๆ ยังสั่งสินค้าผ่านแอปเปิลสโตร์ และรับซื้อเครื่องจากผู้บริโภคที่ไปซื้อมาแล้ว ให้ส่วนต่างกำไรเล็กน้อย เพื่อให้ได้เครื่องมาขาย

สำหรับราคาเครื่องเปล่าไอโฟน 5 ใน "แอปเปิลสโตร์" อยู่ที่ 22,900 บาท, 26,500 บาท และ 29,900 บาท ตามลำดับความจุ ส่วนเครื่องเปล่าที่ขายโดยโอเปอเรเตอร์ จะอยู่ที่ 24,550 บาท, 28,250 บาท และ 31,950 บาท ถ้าผูกกับแพ็กเกจ บริการ จะมีราคาถูกลงกว่า 1 พันบาท ทุกรุ่น ทั้งมีไอโฟน 4S รุ่น 16 GB ให้ลูกค้าด้วย ราคาอยู่ที่ 20,700 บาท

ไอแพดมินิŽ ขายดีจัด

นอกจากนี้ยังมีสินค้าแอปเปิลที่มีความต้องการสูงอีกตัวคือ "ไอแพดมินิ" เพราะด้วยราคาที่ถูกกว่าไอแพดปกติถึง 5 พันบาท ขนาดที่เล็กลง และน้ำหนักเบา ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นจนถึงระดับที่ของขาดตลาดกันทีเดียว พนักงานในร้าน "ไอสตูดิโอ" แห่งหนึ่งเปิดเผยว่า หลังจากไอแพดมินิเปิดตัวกลางเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา มีลูกค้าเข้ามาซื้อจำนวนมากจนของไม่พอจำหน่าย ซึ่งในเดือน ธ.ค.ของหมดไปแล้ว และมีทยอยเข้ามาลอตละ 4-5 เครื่อง ซึ่งหมดทุกครั้งที่มีเข้ามา คาดว่าในปีหน้าสินค้าน่าจะมีเพียงพอต่อความต้องการราคา "ไอแพดมินิ" อยู่ที่ 11,200 บาท, 14,200 บาท และ 17,200 ตามลำดับ ความจุ 16 GB, 32 GB และ 64 GB ในรุ่นไวไฟ ส่วนรุ่นไวไฟ + 4G ราคาที่ 15,200 บาท, 18,200 บาท และ 21,200 บาท ตามลำดับ วางขายปีหน้า ผ่านศูนย์บริการของโอเปอเรเตอร์โทรศัพท์มือถือ

ด้วยความนิยมของไอแพดมินิ ทำให้ร้านค้าในมาบุญครองไม่พลาดหาทางทำกำไรขยับราคาขึ้นไป 1-2 พันบาท ทั้งรุ่นไวไฟ และรองรับระบบโทรศัพท์มือถือได้ด้วย หลายร้านบอกตรงกันว่า มีผู้ตามหา และตัดสินใจซื้อไปพอสมควร เพราะประกันส่งซ่อมไอสตูดิโอโดยตรง มีของเลย ทุกร้านที่ขายไอโฟนมี "ไอแพดมินิ" วางโชว์ไว้คู่กันไป

แอนดรอยด์นิ่ง

ฟากคู่แข่งของ "ไอโฟน" คือสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ "แอนดรอยด์" จากการสอบถามร้านค้าหลายแห่งยืนยันตรงกันว่า กระแสเงียบลงเมื่อไอโฟน 5 ออกมา ทำให้ยอดขายสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ นำทัพโดยซัมซุง กาแล็กซี่ S 3 ที่เคยโด่งดังเมื่อกลางปีดร็อปลงอย่างชัดเจน แม้จะมี "กาแล็กซี่ โน้ต 2" รุ่นใหม่เข้ามาช่วย ก็ไม่ได้ทำให้กระแสแอนดรอยด์กระเตื้องขึ้นมามากนัก

สำหรับราคาของ "กาแล็กซี่ S 3" ในปัจจุบัน จะอยู่ที่ 19,900 บาท และกาแล็กซี่ โน้ต 2 ที่ 20,900 บาท แต่ร้านค้าในมาบุญครองมีทางเลือกให้ลูกค้า โดยถ้าเป็นเครื่องที่หิ้วจากเวียดนาม และประเทศอื่น ๆ จะขายต่ำกว่าราคาตลาด 2-3 พันบาท ส่วนรุ่นอื่น ๆ ที่ใช้แอนดรอยด์ ได้ปรับลดราคาลงมาเช่นกัน อาทิ เอชทีซี วัน เอ็กซ์ เหลือง 16,600 บาท เดิม 2 หมื่นต้น ๆ, โมโตโรล่า เรเซอร์ แม็กซ์ จาก 17,900 บาท เหลือ 13,900 บาท และแอลจี ออพติมัส วิว ที่ราคา 17,900 บาท

โนเกียเหมือนจะกลับมา

อย่างที่ทราบกัน อดีตเจ้าตลาด "โนเกีย" เพลี่ยงพล้ำในสมรภูมิสมาร์ทโฟนมาตลอด ทำให้สถานะผู้นำตลาดสั่นคลอน ล่าสุดสถานการณ์กระเตื้องขึ้นบ้าง หลังเปิดตัวสมาร์ทโฟน "ลูเมีย" รุ่นใหม่ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน 8 ได้แก่ ลูเมีย 920 และ 820 จากการสอบถามร้านค้าหลายแห่งพบว่าผลตอบรับดีเกินคาดสำหรับลูเมียทั้งสองรุ่น โดยราคาสมาร์ทโฟน "ลูเมีย" รุ่น 920 อยู่ที่ 21,500 บาท ขณะที่ลูเมีย รุ่น 820 ราคาอยู่ที่ 16,600 บาท ทั้ง 2 รุ่น มี 5 สี

"ขณะนี้สินค้าเริ่มขาดตลาดสำหรับรุ่น 920 โดยเฉพาะสีเหลือง เพราะได้รับความนิยมมากจนน่าแปลกใจ แต่คาดว่าต้นปีหน้าน่าจะมีสินค้าเพียงพอกับความต้องการของตลาด โดยพร้อมจำหน่ายในทุกสีเหมือนเดิม" ร้านค้าแห่งหนึ่งกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook