ไอโฟน "5S-5C" เดิมพันทวงแชมป์สมาร์ทโฟน...ริบหรี่

ไอโฟน "5S-5C" เดิมพันทวงแชมป์สมาร์ทโฟน...ริบหรี่

ไอโฟน "5S-5C" เดิมพันทวงแชมป์สมาร์ทโฟน...ริบหรี่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไอโฟน "5S-5C" เดิมพันทวงแชมป์สมาร์ทโฟน...ริบหรี่

เป็นไปตามคาด สำหรับการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ประจำปีนี้ ที่ "แอปเปิล" ส่งลงตลาดพร้อมกัน 2 รุ่น คือ "ไอโฟน 5S และ 5C" แต่ที่หักมุม ทำผู้บริโภคและนักวิเคราะห์เซ็ง คือ ราคาของไอโฟนรุ่นย่อมเยาที่ไม่ได้ย่อมเยาอย่างที่คิด

"เดอะ วอลล์สตรีต เจอร์นัล" รายงานว่า การเปิดตัวของ 2 รุ่นใหม่ เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา แม้คุณสมบัติการใช้งานจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ไม่ได้สร้างสีสันแปลกแหวกแนวไปจากกลยุทธ์ของบริษัท ที่ต้องปรับตัวรับมือการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะจากคู่แข่งหลักอย่าง "ซัมซุง" รุ่นไฮไลต์อย่าง "ไอโฟน 5S" แม้จะใช้หน่วยประมวลผล A7 64-bit ที่อ้างว่าเร็วกว่าหน่วยประมวลผลรุ่นก่อนเป็นเท่าตัว แถมมาพร้อมฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือ "Touch ID" ที่จะทำให้เจ้าของสามารถปลดล็อกเครื่องหรือซื้อสินค้าจากไอทูนส์สโตร์ด้วยการใช้ลายนิ้วมือประทับกับปุ่ม Home กล้องความละเอียดสูง 8 ล้านพิกเซล มีเซ็นเซอร์รับภาพที่ใหญ่ขึ้น มีระบบ True Tone Flash ที่ช่วยให้การถ่ายรูปเปิดแฟลชเป็นธรรมชาติมากขึ้น ความอึดแบตเตอรี่เพิ่มเป็น 10 ชั่วโมง แต่ในภาพรวมก็ยังละม้ายคล้ายกับไอโฟนรุ่นเดิม ๆ ไม่ผิดเพี้ยน มีเพียงสีสันที่ดูหรูหราสมเป็นผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ กับสีทอง สีเงิน และสีเทาเข้ม

ขณะที่ราคาพร้อมสัญญาให้บริการจากโอเปอเรเตอร์จะเริ่มต้นที่ 199 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6,000 บาท) แต่สำหรับราคาเครื่องเปล่าที่ถูกวางไว้สำหรับประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างสิงคโปร์ ขนาดความจุ 16 GB ราคาจะอยู่ราว ๆ 24,700 บาท ความจุ 32 GB ราคาประมาณ 28,700 บาท และความจุ 64 GB ราคาราว 32,200 บาท

ขณะที่ "ไอโฟนรุ่น 5C" ที่หลายฝ่ายคาดหวังว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยา ที่แอปเปิลจะใช้ขยายตลาด เมื่อเปิดสเป็กมาพบว่าใช้เทคโนโลยีส่วนใหญ่ในตัวเครื่องแบบเดียวกับไอโฟน 5 ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว แต่เพิ่มความจุแบตเตอรี่และเคสภายนอกใช้วัสดุโพลีคาร์บอเนต แทนเคสอะลูมิเนียม มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีเขียว, สีขาว, สีฟ้า, สีชมพู และสีเหลือง หน้าจออยู่ที่ 4 นิ้วเหมือนเดิม

สำหรับราคารุ่น 5C ที่เพิ่งเปิดตัวระดับราคาตั้งต้นพร้อมสัญญาการให้บริการกับโอเปอเรเตอร์ 2 ปี อยู่ที่ 99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,000 บาท) ขณะที่ราคาในสิงคโปร์ ไอโฟน 5C ความจุ 16 GB จะอยู่ที่ประมาณ 21,200 บาท และความจุขนาด 32 GB อยู่ราว ๆ 24,700 บาท (มีให้เลือกแค่ 2 ความจุ) โดยแอปเปิลจะเปิดให้ลูกค้าสั่งซื้อไอโฟน 5C ล่วงหน้าทางออนไลน์ได้ตั้งแต่ 13 ก.ย.นี้ ส่วนการวางจำหน่ายทั้ง 2 รุ่นจะเกิดขึ้นพร้อมกันในวันที่ 20 ก.ย.นี้ เฉพาะ 20 ประเทศแรก อาทิ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ค่ายมือถือเบอร์ 1 ของญี่ปุ่นอย่าง "เอ็นทีที โดโคโม" จะวางขายไอโฟนและแอปเปิลตั้งเป้าว่าจะวางขายไอโฟนรุ่นใหม่ทั่วโลกให้ได้ภายใน ธ.ค.นี้ ส่วนไอโฟน 5 ที่วางตลาดเมื่อปีที่แล้วจะไม่มีวางจำหน่ายอีกต่อไป เหลือแต่เพียงไอโฟน 4S ความจุ 8 GB ที่มีระดับราคาเครื่องเปล่าอยู่ที่ 14,900 บาท สำหรับตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการไอโฟนราคาถูก

นายฟิล สชิลเลอร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาดทั่วโลกของแอปเปิล กล่าวในงานเปิดตัวว่า "นี่คือโทรศัพท์ที่เกิดจากการมองการณ์ไกลของเรามากที่สุดในขณะนี้"

ส่วน นายทิม คุก ซีอีโอคนปัจจุบันก็วางจุดยืนว่าซอฟต์แวร์ของแอปเปิลจะยังเป็นจุดแข็งหลัก โดยจะปล่อยซอฟต์แวร์ไอโอเอส 7 ออกมาให้โหลดได้ 18 ก.ย.นี้ ซึ่งจะมีฟีเจอร์ป้องกันการขโมย และทำให้ผู้ใช้งานแชร์ไฟล์ระหว่างอุปกรณ์แต่ละชนิดได้ง่ายขึ้น

บรรดานักพัฒนาแอปฯ ต่างมองว่าไอโอเอส 7 น่าจะช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จในอีกไม่นาน แต่เซอร์ไพรส์ที่แท้จริงน่าจะเป็นการตัดสินใจทำให้แอปฯเฉพาะบนไอโอเอสอย่าง iWork, iPhoto และ iMovie กลายเป็นแอปฯฟรี (จากเดิมที่ต้องจ่ายราว 39.95 เหรียญสหรัฐ) สำหรับลูกค้าผลิตภัณฑ์ซีรีส์ 5 ทั้งหมด ซึ่งน่าจะเป็นกลยุทธ์บุกตลาดองค์กรของแอปเปิล โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายสมาร์ทโฟนทั้งปีเอาไว้ที่ 170 ล้านเครื่อง

"เดอะ วอลล์สตรีต เจอร์นัล" มองว่า ไอโฟนรุ่นใหม่ไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้กับวงการเท่าใด และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ท้าชนกับซัมซุง และสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะดูเหมือนว่าบริษัทจะไม่ได้เน้นกับปัจจัยเรื่องผลิตภัณฑ์ราคาถูกและเทรนด์หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งหากแอปเปิลต้องกลายเป็นผู้ตามในตลาดที่ตนเองเป็นผู้ริเริ่มเมื่อใด นั่นหมายความว่าแอปเปิลกำลังเสี่ยงที่จะเสียสถานะผู้นำเทรนด์ในตลาดมือถือโลกและสูญเสียความสามารถในการตั้งราคาสินค้าในตลาดไฮเอนด์

ในขณะที่นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ยอดขายสมาร์ทโฟนทั่วโลกในปีนี้น่าจะสูงถึง 290,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่แบรนด์ผู้นำอย่างแอปเปิลกลับเสียส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดนอกสหรัฐอเมริกาและในกลุ่มลูกค้าที่ซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องแรก จากเดิมไอโฟนเคยครองแชมป์ตลาดโลกในแง่ยอดส่งสินค้า แต่ตอนนี้ข้อมูลจากบริษัทการ์ตเนอร์ระบุว่า ยอดขายไอโฟนเหลือเพียง 19% จากทั้งตลาดเท่านั้น แต่ซัมซุงกลับมีส่วนแบ่งมากถึง 32%

ขณะที่ตลาดเครื่องระดับล่าง คู่แข่งก็เข้ามาตีตื้นด้วยการเปิดตัวสินค้าที่มีระดับราคาต่ำกว่าไอโฟนของแอปเปิลเป็นอย่างมาก อย่างเช่น ซัมซุงที่วางจำหน่ายสมาร์ทโฟนในจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ในราคาต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,000 บาท) โดยไม่ต้องผูกสัญญาการให้บริการกับโอเปอเรเตอร์ด้วย แต่ราคาเครื่องเปล่าของไอโฟน 5C กลับอยู่ที่ประมาณ 733 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 21,990 บาท) สำหรับตลาดประเทศจีน และ 549 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 16,470 บาท) สำหรับตลาดอเมริกา

ฟากตลาดเครื่องระดับไฮเอนด์ ซัมซุงก็ใช้กลยุทธ์หลายขนาดหน้าจอเพื่อดึงดูดลูกค้า อีกทั้งยังมีคุณสมบัติการใช้งานที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่องที่มาพร้อมปากกาสำหรับใช้จดบันทึกหรือระบบกล้องที่ทันสมัย แม้แหล่งข่าววงในจะรายงานว่าแอปเปิลกำลังอยู่ระหว่างการทดสอบไอโฟนขนาดหน้าจอ 6 นิ้ว แต่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็ไม่ได้ถูกพูดถึงในงานเปิดตัวครั้งนี้ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า ในเวลานี้แอปเปิลจะยังสามารถสร้างนวัตกรรมพลิกวงการได้อีกหรือไม่ และเมื่อไหร่ที่เราจะได้เห็น เพราะนับจากผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง "สตีฟ จ็อบส์" เสียชีวิตมา 2 ปี แอปเปิลก็ไม่มีวี่แววว่าจะสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจได้

โดยนักวิเคราะห์จากการ์ตเนอร์มองว่า ไอโฟนรุ่น 5C ไม่ได้มีราคาถูกแบบที่หลายฝ่ายคาดหวัง ส่วน นายไบรอัน มาร์แชล นักวิเคราะห์ จากไอเอสไอ กรุ๊ป ก็แสดงความเห็นว่าไอโฟน 5C ดูน่าดึงดูดใจ แต่ก็ตั้งข้อสงสัยว่าแอปเปิลจะสามารถดึงราคาจำหน่ายให้ต่ำจนน่าดึงดูดในสายตาผู้บริโภคได้หรือไม่ ซึ่งส่วนตัวเขามองว่าบริษัทจำเป็นต้องทำให้ระดับราคาลดลงมาเหลือ 350 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 10,500 บาท) จึงจะเตะตาลูกค้า นอกจากนี้หลังการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มูลค่าหุ้นของแอปเปิลยังตกลง 2.3% ในตลาดหุ้นแนสแดค เหลือมูลค่าอยู่ที่ 494.64 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น และนอกจากแอปเปิลจะเปิดตัว 2 รุ่นใหม่นี้ที่บริษัทแม่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาแล้ว ในเวลาไล่เลี่ยกัน แอปเปิลยังจัดเปิดตัวกับสื่อมวลชนจีนโดยเฉพาะ ณ เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ กรุงปักกิ่งอีกด้วย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่แอปเปิลทำเช่นนี้ เนื่องจากบริษัทคาดว่าจะอาศัยตลาดเกิดใหม่อย่างจีน ซึ่งเป็นตลาดที่สำคัญเป็นอันดับ 2 ของบริษัทในการเรียกความเชื่อมั่นกลับมา

แต่หลังการเปิดตัวที่อเมริกา เว็บไซต์ Sina.com.cn เว็บพอร์ทัลอันดับหนึ่งในประเทศจีน ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคพบว่า ชาวจีนผู้ตอบผลสำรวจกว่า 88.4% หรือ 8,768 คน ระบุว่าราคาไอโฟน 5C แพงเกินไป และมีเพียง 2.6% หรือเพียง 254 คนเท่านั้นที่บอกว่าจะควักกระเป๋าซื้อโทรศัพท์รุ่นดังกล่าว เนื่องจากก่อนหน้านี้ชาวจีนจำนวนมากคาดหวังว่าไอโฟนจะผลิตโทรศัพท์ในรุ่นราคาที่ต่ำกว่า 3,000 หยวน (ราว 15,000 บาท) จึงต่างรู้สึกผิดหวังไปตาม ๆ กัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook