รีวิว iPad Air Tablet สายพันธุ์ 64Bit ครั้งแรกในเมืองไทย

รีวิว iPad Air Tablet สายพันธุ์ 64Bit ครั้งแรกในเมืองไทย

รีวิว iPad Air Tablet สายพันธุ์ 64Bit ครั้งแรกในเมืองไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รีวิว iPad Air Tablet สายพันธุ์ 64Bit ครั้งแรกในเมืองไทย

ในที่สุด Dr.Bia ก็ได้เครื่อง iPad Air (iPad 5) มารีวิวอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเมืองไทย...... คงไม่ผิดหวังกับผลงานของผู้ชายคนนี้ หากใครพอจำกันได้ก่อนหน้านี้นั้นเค้าเคยได้บอกสมาชิกในแฟนเพจ ของเค้าเองและแฟนเพจ ของ Sanook! Hitech ไว้ว่าตัวเค้าจะรีวิว iPad Air (iPad 5) ให้ได้ชมเป็นเจ้าแรกหลังวันเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

และ Dr.Bia ก็ไม่ทำให้ผิดหวังจริง เอาเป็นว่าเรามาดูรีวิวสไตล์เค้าอีกครั้ง ขอบอกว่าไม่ธรรมดาแน่นอน ปล. งานนี้ขอบอกว่า NO...............สปอนเซอร์ !

iPad Air (iPad 5)

ตามสัญญากับเจ้าพ่อ Apple ตัวจริงเสียงจริงกับ Dr.Bia วันนี้ที่ทุกคนรอคอยมาถึงแล้วกับสุดยอด Tablet ที่ Apple ได้พัฒนาออกมาถึงรุ่นที่ 5 อย่างเจ้า Code Name ว่า iPad Air (iPad 5) ที่เป็น Tablet ยานแม่หลักของ Apple พร้อมลูกน้องยานรบรองลงมาอย่าง iPad Mini With Retina Display 4G WIFI วันที่ 15 ถึงจะถึงนี้ วันนี้ทางผมจะทำการ Review ตัวแรกอย่าง iPad Air (iPad 5) กันก่อนนะครับ เรามาดูกัน


iPad Air (iPad 5

 สำหรับเมื่อแกะกล่องออกมาเราจะพบการซีนเครื่องแบบเดิมคือเป็นซองแพ็คแบบพลาสติกใส อยู่ในกล่องเมื่อทำการแกะออกมาแล้วทำการเปิดเครื่องเพื่อเช็คเดสและไบร์ บนหน้าจอด้วยนะครับ จอจะใสๆ สวยแบบนี้แหละครับ

 ผมลองทำการเอาฟิลม์ของหน้าจอ iPad 4 มาวางลงไปเทียบ ผลออกมาตามภาพครับ ขนาดของเครื่องเล็กลงกว่าเดิมจริงถึง 20% และ เบากว่าเดิมมาก น้ำหนักรวมของเครื่อง 486 กรัม ชังโดยตาชังไปรษณีย์ไทยครับ 

ปลั้กในกล่องอย่างที่บอกนะครับ ถ้าเครื่องนอก จะเป็นปลั้กแบบ 3 ขา แต่สำหรับบ้านเราจะเป็นปลั้กแบบ 2 ขาซึ่งปลั้กแบบ 3 ขาจะมีข้อดีกว่าตรงที่มีขาที่เป็นสายดินติดมาในตัว ปลอดภัยกว่าทั่วๆ ไปที่แถมในบ้านเราครับ สำหรับคนที่ยังไม่ทราบ iPad Air (iPad 5) ไม่ว่าจะซื้อที่ไหนของโลก สามารถเข้ารับการประกันได้ทุกที่บนโลกเช่นกันครับ ดังนั้นถ้าเกิดเสียมีปัญหาจะเคลมศูนย์ไทยก็ได้ครับ

ปลั๊กไฟในกล่องเป็นแบบ 12w. ซึ่งเป็นมาตรฐานมาตั้งแต่ iPad 4 ครับสามารถชาร์ตได้ไวกว่าปลั้กของ iPhone ถึง 2 เท่า แต่ไม่สามารถเอาปลั้กของ iPhone มาใช้ได้นะครับเพราะแรงดันไฟฟ้ามันไม่พอ และอาจจะทำให้การชาร์ตนั้นใช้เวลานานกว่าปกติ ดังนั้นไม่แนะนำครับ

 ในกล่องยังมีคู่มือและสาย lightning มาในกล่องพร้อมเข็มสำหรับเอาถาดซิมออกมา และคู่มือพร้อมสติกเกอร์ Apple จะบรรจุอยู่ในซองที่ใส่เข็มเอาซิมออกครับ โดยที่แพ็คต่างๆยังคงเหมือนรุ่นเก่าอยู่ทั้งหมดครับ

 โดยที่ถาดซิมครั้งนี้สำหรับ iPad Air (iPad 5) จะเป็นถาดซิมแบบ Nano Sim แบบ iPhone 5S ที่ใช้ซิมเล็ก ด้วยเหตุผลที่ว่าขนาดของเครื่องที่บางลงกว่าเดิม และ ตำแหน่งของ ซิมก็เปลี่ยนที่ไปอยู่ข้างลางด้านเดียวกับปุ่มเพิ่มลดเสียงครับ โดยเหตุผลที่ว่า การวางบอร์ทนั้นทำแบบ iPhone 5S กล่าวคือ บอร์ทเล็กลงกว่า iPad4 ถึง 25% และ แบตถูกวางใหม่ในแนวตั้งครับ 

 เรามาดูภาพมุมรวมของ iPad Air(iPad 5) กันครับ รอบๆตัวเครื่อง

 ฝาหลังถูกการออกแบบมาใหม่ครับ เหมือนตัว iPad miniรุ่นแรก แต่ขอบต่างๆ แตกต่างออกไปเล็กน้อย วัสดุดูโค้งมากกว่าเดิม และ จับง่ายถนัดมือมากกว่าเดิม

 ช่องลำโพงแบบคู่ข้างล่างแบบชัดๆ พร้อมช่องสำหรับสาย lightning 

 กล้อง ชัดระดับ 5 MP มี iSight ช่วยลด Noize และช่วยในการจับ Focus ได้ดีกว่าเดิมครับ ภาพออกมาคมชัดมากกว่า iPad 4 ถึง 2 เท่า พร้อมถ่ายVDO ความละเอียด 1080P พร้อม Hybird IR Filter 

 ตำแหน่งสวิตซ์ต่างๆบนเครื่องยังคงอยู่ตำแหน่งเดิมครับ ยกเว้นช่องสำหรับซิม Nano ที่โดนย้ายมาอยู่ฝั้งขวาครับ

 กล้องหน้าชัดระดับ 1.2 MP พร้อมถ่าย VDO 720P และ iSight ครับ

 ตัวเครื่องมาด้วย iOS 7.0.3 พร้อม WIFI มาตรฐาน 802.11a/b/g/n Dual Chanel (ทั้ง 2GHz และ 5GHz) ที่รับส่งข้อมูลได้ไวกว่าเดิมถึง 2 เท่า พร้อมด้วย Bluetooth 4.0 ครับ รองรับ 4G LTE ทุกค่ายบนโลก และ 3G , EDEG , GSM ได้ทุกค่ายบนโลก

 สเป็ค โดยรวมของตัวเครื่องนะครับ CPU เป็นแบบ A7 64Bit เป็น CPU แบบ 2 แกน Duel Core ขนาด 1.4 GHz และ มีแรมติดเครื่อง 1 Gb ถ้วนๆ พร้อมชิพ M7 สำหรับการทำงาน VDO และกราฟิคแยกต่างๆบนเครื่อง โดยไม่ได้ใช้ CPU หลักเป็นตัวช่วยครับ หน้าจอมีขนาด 9.7 inc เป็น Retina Display แบบ LED Backlit muti - touch ด้วย IPS Technology ความละเอียดที่ 2048 x 1536 และ 264PPI ต่อหนึ่งPixel

 ขนาดและน้ำหนักโดยสุทธิครับ ตัวเครื่องขนาด 240 มิลลิเมตร x 165.9 มิลลิเมตร หนาแค่ 7.5 มิลลิเมตร น้ำหนักรุ่น WIFI อยู่ที่ 469กรัม สำหรับ 4G WIFI อยู่ที่ 478 กรัม แบตอยู่ได้ 1 วันสบายๆด้วยการเปิด 3G ครับในไทย

ทดสอบ App ของ iPhone บน iPad Air ไม่มีการแตกในส่วนใดๆ แม้ว่าขยายแล้วก็ตามครับ

 ทดสอบ App ของ iPad บน iPad Air 

 เรื่องของการเล่นเกม 3D ทดสอบด้วย infinity Blade 3 ของ iOS ภาพและเสียง รวมถึงการ Load ต่างๆบนเกม นั้นทำได้รวดเร็วพอๆกับ iPhone 5S ครับ สวยงามและน่าเล่นมากๆ

 ทดสอบการเล่นเว็ปเบราเซอร์ของ Safari มีความเร็วที่มากกว่า iPad4 ถึง 2.5 เท่า และความลื่นไหล การทำงานทำได้ดีกว่ามากๆครับ

 ถือมือเดียวได้สบายๆครับตามสโลแกนของ Apple ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ

 เทสกล้องครับ ตามภาพครับไม่มีผิดหวัง ชัด และ คมกว่า รายละเอียดเก็บได้ดีกว่า iPad 4 มากๆครับ

 กล้อง VDO ก็ไม่มีผิดหวังครับ บันทึกแบบ 1080P และ ไม่มีรอยละเอียดของ Noise บนภาพครับ ดีกว่า iPad4 เยอะมากครับส่วนนี้

สรุป iPad Air ถ้ามองในแง่ของการใช้งานผมขอมอง 2 อย่างหลัก คือการใช้งานแบบคนทำงาน และ การใช้งานทั่วๆไป ในเชิงการใช้งานทั่วๆไป ไม่มีผิดหวังแน่นอนครับ เพราะมันคือ iPhone5S ในร่างขยายจอ โดยที่การทำงานทั้งหมดส่วนใหญ่ของ iOS ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลย แต่เพียงโทรออกไม่ได้เท่านั้นเอง ในอนาคตการโทรออกด้วยการใช้เทคโนโลยีการ VDO Call จะเข้ามามีบทบาทมากกว่าเดิม iPad จึงอาจจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่หลายๆคนในความสนใจในการการทำงาน และ การเล่นเดิม ในส่วนของ สเป็นนั้นยอมรับครับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางทีดีกว่าเดิมมาก ทั้งน้ำหนัก และ ขนาดล่วนแล้วแต่ใกล้เคียงกับ iPad Mini แทบจะทั้งสิน และการใช้งานด้วยการถือมือเดียวก็ทำได้จริง เพราะน้ำหนักมันเบามากไม่เป็นปัญหาต่อการพกไปไหนมาไหนแบบรุ่นก่อนแน่นอนครับ ส่วนการใช้งานจริงเช่นการเล่นเว็ปต่างๆ อย่างที่บอกว่า Safari มันทำงานและตอบสนองได้ไวกว่ารุ่นเดิมมากๆครับ ถ้าจะให้บอกว่า คนที่ชอบการใช้งาน iPhone แต่ติดจอเล็ก ไป iPad Air ไม่มีผิดหวังแน่นอนครับ เพราะทั้งหมดเหมาะสมกับราคาค่าตัวของมันมาก และ เป็นอีก 1 เหตุผลหลักที่คนกำลังรอ iPad Mini อาจจะต้องคิดหนัก เพราะแตกต่างที่ขนาดใกล้เคียงกันมาก และ น้ำหนัก แถมด้วย iPad Air มีความระเอียดที่มากกว่าไม่พอ ยังพกเทคโนโลยีมาครบๆในตัวด้วยทั้งหมดล้วนแล้วแต่รองรับในปี 2014 - 2015 ได้อย่างสบายครับ

ถ้ามองในเชิงคนทำงาน เอา iPad ไปใช้จะพบปัญหาที่ทุกคนจะต้องถามผมแน่ว่า Samsung  Galaxy Note 3 Vs iPad Air ถ้าจุดๆนี้ โทรศัพท์เอามาเปรียบกับ Tablet ที่โทรไม่ได้ ไม่ได้หรอกครับ ถ้าหาก iPad Air Jailbreak ได้แล้วทะลึงโทรได้ Note 3 ก็มีขวัญผวา อะครับผมพูดง่ายๆ เพราะอย่างที่บอกมันคือ iPhone ภาคจอใหญ่ และ 70% ของคนแทบจะทั้ง Asia มักจะบอกว่า iPhone จอเล็ก แบตน้อยทั้งหมด ดังนั้นหากมามองเรื่องขนาดที่ถูกแก้ไขใหม่ และความเร็วมหากาฬแบบนี้ ผมถึงกล้าพูดว่า Note3 ก็มีขวัญผวาอะครับ แต่อย่างที่บอก ในเชิงธุรกิจมันคนใช้ต่างกันออกไปครับ ดังนั้นดูจากองค์ประกอบเป็นหลัก เพราะ iOS มี iWork หากท่านใช้ Mac และมี iPad Air การทำงานในเชิงธุรกิจมันจะง่ายมากๆ เพราะการ Sync ลง iCloud นั้นเองครับ

ถ้ามองในสไตล์ Dr.Bia สั่นๆครับ โคตร Tablet เทพแห่งยุดครับ ควรมีไว้ติดมือครับ

สนับสนุนเนื้อหา: Dr.Bia

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook