วิธีตรวจสอบ iPhone ก่อนซื้อ ทำได้อย่างไรบ้าง?

วิธีตรวจสอบ iPhone ก่อนซื้อ ทำได้อย่างไรบ้าง?

วิธีตรวจสอบ iPhone ก่อนซื้อ ทำได้อย่างไรบ้าง?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

[Tip & Trick] วิธีการตรวจสอบ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ก่อนซื้อ ทำได้อย่างไรบ้าง?

วางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่ถือว่า เป็นไอโฟนที่หลายๆ คนรอคอยเช่นกัน และด้วยราคาค่าตัวเริ่มต้นที่สูงถึง 24,900 บาท สำหรับ iPhone 6 และ 28,900 บาท สำหรับ iPhone 6 Plus ทำให้คงต้องยอมเสียเวลาตรวจสอบเครื่องให้ละเอียด ก่อนนำออกจากร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาที่ตามมาในภายหลัง

และในวันนี้ ทีมงานเว็บไซต์ techmoblog จะมาแนะนำ วิธีการตรวจสอบ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ในเบื้องต้น ก่อนซื้อและนำออกจากร้าน และเป็นวิธีที่สามารถนำไปทำตามได้เลย ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่อย่างใด มาดูกันครับว่า สามารถทำได้อย่างไรบ้าง

ขั้นตอนที่ 1 : ตรวจสอบกล่องบรรจุตัวเครื่อง


ใครว่ากล่องไม่สำคัญ? แต่สำหรับ iPhone แล้ว จะต้องดูตั้งแต่กล่องกันเลยทีเดียวครับ อย่างแรกก็คือ พลาสติกห่อหุ้มจะต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่มีการตัดหรือแกะมาก่อน หรือมีการซีลที่ผิดปกติ ถ้าหากเจอแบบนี้ ให้ปฏิเสธการรับเครื่องไปได้เลย เพราะอาจจะเป็นเครื่องที่ถูกเปิดมาแล้วก่อนหน้านั้น และถูกซีลใหม่

นอกจากภายนอกกล่องแล้ว อุปกรณ์ภายในกล่องก็สำคัญเช่นกัน จะต้องทำการตรวจสอบว่า ได้มาครบถูกต้องและอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งประกอบไปด้วย สายชาร์จแบบ Lightning Cable, Adapter, หูฟังแบบ EarPods พร้อมกล่อง, คู่มือการใช้งาน และเข็มจิ้มถาดซิมการ์ดที่อยู่ภายในคู่มือ

ขั้นตอนที่ 2 : ตรวจสอบเลข IMEI

สำหรับการตรวจสอบเลข IMEI บน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus สามารถทำได้ง่ายๆ ครับ ด้วยการพลิกไปที่ด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งด้านล่าง จะมีตัวเลข IMEI กำกับอยู่ ให้ทำการเช็คกับใต้กล่องว่า ตัวเลขตรงกันหรือไม่ ถ้าหากไม่ตรงกัน ให้ปฏิเสธการรับเครื่องทันที

ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจสอบตัวเครื่อง


การตรวจสอบตัวเครื่อง ถือว่า เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากครับ โดยสิ่งที่จะต้องทำการตรวจสอบ ได้แก่

• สภาพตัวเครื่องภายนอก จะต้องไม่มีรอยบุบ, รอยถลอก หรือรอยต่างๆ
• รอยต่อต่างๆ ควรจะต้องเรียบเสมอกัน ไม่มีช่องโหว่ หรือการเผยอออกมา
• ตรวจสอบถาดใส่ซิมการ์ด ด้วยการใช้เข็มจิ้มที่แนบมากับกล่องลองทดสอบดูว่า สามารถเปิดปิดได้ดีหรือไม่
• กระจกหน้าจอ จะต้องไม่มีรอยแตก หรือรอยร้าวใดๆ
• ช่องหูฟัง และช่องเสียบสายชาร์จ จะต้องสะอาด ไม่มีรอยไหม้ หรือรอยสนิม

ถ้าหากตรวจสอบแล้วพบว่า มีตำหนิ ให้ปฏิเสธการรับเครื่อง และเปลี่ยนเครื่องใหม่ทันที

ขั้นตอนที่ 4 : ใส่ซิมการ์ด และเปิดเครื่อง


หลังจากตรวจสอบตัวเครื่อง และไม่มีรอยตำหนิใดๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การ activate ตัวเครื่องนั่นเอง ด้วยการใส่ซิมการ์ด และใส่ Apple ID เพื่อเปิดใช้งาน ซึ่งการตรวจสอบการใช้งานในเบื้องต้น มีดังนี้

• สังเกตทุกจุดบนหน้าจอด้วยว่า มี Dead Pixel ปรากฏหรือไม่ โดยสามารถเข้าไปตรวจสอบ Dead Pixel ได้ที่ http://iphonedpt.awardspace.com/ แล้วทดสอบเปลี่ยนสีหน้าจอตามที่กำหนด

• ตรวจสอบ Touch Screen กันบ้าง ด้วยการสัมผัสลงไปบนหน้าจอทุกจุดว่า มีการทำงานผิดปกติหรือไม่ เช่น การปัดหน้าจอจากซ้ายไปขวา จากบนลงล่าง รวมไปถึงการพิมพ์บนคีย์บอร์ดว่า ตอบสนองต่อการสัมผัสทุกจุดด้วยหรือไม่

• ตรวจสอบปุ่มควบคุมการทำงานรอบๆ ตัวเครื่อง เช่น ปุ่มปรับระดับเสียง เมื่อกดแล้ว มีการแสดงผลที่หน้าจอหรือไม่ เสียงดังขึ้นหรือเบาลงหรือไม่ รวมไปถึงปุ่มปิดเสียง (ด้านบนปุ่มปรับระดับเสียง), ปุ่ม Power และปุ่ม Home ว่า ทำงานได้ปกติดีหรือไม่

• เนื่องจาก iPhone 6 และ iPhone 6 Plus มีฟีเจอร์ Touch ID หรือสแกนลายนิ้วมือในตัว ให้ลองทดสอบ Touch ID ด้วยการเพิ่มลายนิ้วมือเข้าไปครับ โดยสามารถตั้งค่าได้ที่ Settings > General > Touch ID & Passcode > Touch ID

• ตรวจสอบหน่วยความจำภายในตัวเครื่องว่า ตรงกับที่ซื้อหรือไม่ เช่น ซื้อ iPhone 6 ความจุ 16 GB มา แต่จะเหลือพื้นที่ว่างราวๆ 12 GB แต่ถ้าหากซื้อ iPhone 6 ความจุ 64 GB แต่เหลือพื้นที่ภายในเพียง 12 GB แบบนี้ถือว่า มีปัญหาครับ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่ Settings > General > About > Available

• ทดสอบการปรับหน้าจอของตัวเครื่อง ทั้งแนวตั้งและแนวนอน

• ทดสอบการถ่ายรูปด้วยกล้องด้านหน้า และกล้องด้านหลัง โดยให้ทดสอบถ่ายทุกโหมดครับ ทั้งภาพนิ่ง, วีดีโอ, ถ่ายภาพรัว, พาโนรามา รวมไปถึงการโฟกัสภาพในแต่ละจุด, การซูมภาพ และการถ่ายภาพด้วยไฟแฟลช นอกจากนี้ ในส่วนของการถ่ายวีดีโอ เมื่อเปิดดูจะต้องมีเสียงติดเข้ามาด้วย

• ทดสอบลำโพง ด้วยการเปิดเสียงเรียกเข้าเพื่อทำการทดสอบ และให้ปรับระดับเสียง จากดังไปเบา หรือเบาไปดัง และสังเกตว่า ได้เสียงที่ผิดปกติหรือไม่

• ทดสอบการคุยโทรศัพท์ว่า ให้เสียงที่ดังฟังชัดหรือไม่ ด้วยการโทรไปหาเพื่อน นอกจากนี้ อย่าลืมทดสอบการโทรผ่านทางหูฟัง EarPods ด้วยนะครับ

• ทดสอบหูฟัง EarPods ว่า ให้เสียงดังปกติหรือไม่ รวมไปถึงปุ่มปรับระดับเสียง, เล่นเพลง, หยุดเพลง ว่า ปกติดีหรือไม่

• ทดสอบการชาร์จแบตเตอรี่ ด้วยสายชาร์จ Lightning Connector กับตัว Adapter ว่า มีไฟเข้าตัวเครื่องหรือไม่

• ทดสอบการใช้งานอินเทอร์เน็ต ทั้งการเชื่อมต่อ Wi-Fi กับ 3G/4G แล้วสังเกตว่า มีการเชื่อมต่อที่ปกติหรือไม่

สรุปส่งท้าย

สำหรับข้อมูลข้างต้น เป็นวิธีการตรวจสอบตัวเครื่อง, อุปกรณ์ และการใช้งานต่างๆ บน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ในเบื้องต้น ที่แม้จะดูยุ่งยาก และเสียเวลาไปหน่อย แต่ก็ทำให้มั่นใจได้ว่า จะได้เครื่องที่สมบูรณ์ ไร้ปัญหา

และนำกลับบ้านไปใช้งานได้อย่างหมดห่วง นอกจากนี้ เพื่อให้ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น ทีมงาน techmoblog แนะนำให้ไปติดฟิล์มกันรอยที่หน้าจอ รวมไปถึงการใส่เคส เป็นการถนอมเครื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเครื่องเกิดรอยก่อนเวลาอันควรนั่นเองครับ

สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook