10 สมาร์ทโฟนทีมาพร้อมการประมวลผลได้ที่ระดับ 64-bit

10 สมาร์ทโฟนทีมาพร้อมการประมวลผลได้ที่ระดับ 64-bit

10 สมาร์ทโฟนทีมาพร้อมการประมวลผลได้ที่ระดับ 64-bit
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

10 สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ในยุคของ Android สถาปัตยกรรม 64-bit ที่กำลังจะมา!!

หากจะพูดถึงสมาร์ทโฟนที่เปิดศักราชการประมวลผลที่ระดับ 64-bit นั้นคงหนีไม่พ้น iPhone 5s ของทาง Apple ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ท A8 ที่สามารถทำการประมวลผลได้ที่ระดับ 64-bit อย่างเป็นทางการบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ชิปเซ็ทแรกของโลกครับ ในครั้งนั้นเรียกได้ว่า iPhone 5s นั้นสามารถที่จะทำการสร้างกระแสของเรื่องการประมวลผลแบบ 64-bit ที่มีทั้งดีและไม่ดีครับ

โดย ณ เวลานั้นฝั่ง Android ได้มีผู้ผลิตชิปเซ็ทระดับโลกอย่าง Qualcomm ได้ออกมากล่าวครับว่าสิ่งที่ Apple ทำนั้นยังถือว่าไร้ประโยชน์และเป็นการเร็วเกินไปที่จะนำเอาการประมวลผลแบบ 64-bit มาใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ หรือจะเรียกง่ายๆ ก็คือมันเป็นสิ่งที่เกินความจำเป็นไปในมุมมองของ Qualcomm นั่นเองครับ

arm-64-bit 600

ทว่าไม่ทันจะถึง 2 – 3 เดือนดี Qualcomm เองก็ต้องออกมากลับลำครับ เมื่อกระแสของฝั่งผู้ใช้ต่างก็เริ่มที่อยากจะเห็นสมาร์ทโฟน(และแท็บเล็ต) ที่มาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลแบบ 64-bit กันอย่างสมบูรณ์ แถมในช่วงกลางถึงปลายปี 2014 ที่ผ่านมานั้นทาง Google และ Qualcomm เองต่างก็ออกมายอมรับว่ากระแสของ 64-bit นั้นมาแรงจริงๆ โดยทาง Google ก็ได้มีการเปิดตัว Android 5.0 Lollipop ที่สนับสนุนการประมวลผลในระดับ 64-bit ออกมาอย่างเป็นทางการ นั่นทำให้กระแสความต้องการของผู้บริโภคนั้นมากขึ้นครับ

android 64 bit 01 600

เพื่อเป็นการตอบรับกระแสนั้น อีกทั้งเป็นการโต้ตอบเท่าที่ฝั่ง Android จะสามารถทำกับการจู่โจมในเรื่องของการประมวลผลแบบ 64-bit แบบเต็มรูปแบบกลับไปยัง Apple ทั้งทางบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟน, ผู้ผลิตชิปเซ็ทอย่าง Qualcomm และ MediaTek รวมไปถึงผู้ผลิตซอฟต์แวร์อย่าง Google จึงได้ทำการจัดเต็มสมาร์ทโฟนที่รองรับการประมวลผลในระดับ 64-bit ซึ่งจะพร้อมวางขาย(รวมถึงบางรุ่นก็มีการวางขายในช่วงปลายปี 2014 ไปแล้ว) ในปี 2015 นี้ครับ

วันนี้ทางทีมงานจึงได้นำเอารายละเอียดของสมาร์ทโฟน(รวมไปถึง phablet) ฝั่งระบบปฏิบัติการ Android ที่มาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลในระดับ 64-bit มาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกัน ถึง 10 รุ่นด้วยกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลยครับ

Oppo R5

oppo r5 600

สำหรับ Oppo นั้นเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบริษัทผู้ผลิตสัญชาติจีนที่เข้ามาทำตลาดในเมือง ไทยอย่างเป็นทางการแล้วครับ ผลิตภัณฑ์ของ Oppo นั้นได้รับการยอมรับในวงกว้างว่ามีคุณภาพมาก สำหรับ Oppo R5 นั้นเป็นสมาร์ทโฟน(ที่อยู่ในจำพวก phablet) ในระดับกลางไปจนถึงบน ด้วยชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 615 ที่เป็นแบบ Octa-core

โดยแบ่งเป็น Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 และ quad-core 1.0 GHz Cortex-A53 หน่วยความจำ(Ram) 2 GB แหล่งเก็บข้อมูลภายใน 16 GB หน้าจอขนาด 5.2 นิ้วรองรับความละเอียดที่ระดับ 1080 x 1920 pixels แบบ AMOLED

ตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 148.9 x 74.5 x 4.9 mm ซึ่งถือว่าบางมากเลยทีเดียว น้ำหนักอยู่ที่ 155 g แบตเตอรี่ความจุ 2,000 mAh มาพร้อมกับความสามารถในการชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วถึง 75% ในเวลา 30 นาที กล้องหลังความละเอียด 13 MP กล้องหน้าความละเอียด 5 MP รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE Cat 4 ที่มีความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 150 Mbps

เริ่มวางจำหน่ายในเดือนธันวาคมของปี 2014 ที่ผ่านมาเฉพาะในประเทศจีน แต่น่าเสียดายที่ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 KitKat ที่ยังไม่รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit ซึ่งต้องรอให้ทาง Oppo ออกอัพเดท Android 5.0 Lollipop ออกมาครับ

หมายเหตุ – มีข่าวออกมาด้วยครับว่าทางประเทศอินเดียจะเริ่มให้ pre-order Oppo R5 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมเป็นต้นไป ด้วยราคาอยู่ที่ INR 29,990 หรือประมาณ 15,600 บาทครับ

Huawei Honor 4X

Huawei Honor 4X 600

สำหรับ Huawei Honor 4X นั้นเป็นสมาร์ทโฟน(ที่อยู่ในจำพวก phablet) ที่อยู่ในระดับกลางไปจนถึงล่างครับ โดย Huawei Honor 4X จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วแบบ IPS รองรับความละเอียดที่ 720 x 1280 pixels (ซึ่งจะว่าไปแล้วก็น้อยไปหน่อยครับ) ใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 410 แบบ Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53 หน่วยความจำ(Ram) 2 GB แหล่งเก็บข้อมูลภายในขนาด 8 GB สามารถเพิ่มได้ผ่าน microSD card

กล้องหลังความละเอียด 13 MP กล้องหน้าความละเอียด 5 MP ตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 152.9 x 77.2 x 8.7 mm น้ำหนักอยู่ที่ 165 g แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE Cat 4 ที่มีความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 150 Mbps วางจำหน่ายแล้วในประเทศจีนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2014 ที่ผ่านมา แต่น่าเสียดายที่ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.2 KitKat ที่ยังไม่รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit ซึ่งต้องรอให้ทาง Huawei ออกอัพเดท Android 5.0 Lollipop ออกมาครับ

Huawei Ascend Y550 4G

Huawei Ascend Y550 4G 600

ยังคงอยู่กับทาง Huawei ครับ โดยรุ่นที่ 3 ที่นำมาเสนอให้ทุกๆ ท่านได้รู้จักกันก็คือ Huawei Ascend Y550 4G ซึ่งเป็นเครื่องที่อยู่ในระดับกลางถึงล่างเช่นเดียวกับ Honor 4X(แต่จะเน้นกลุ่มเริ่มต้นมากกว่า) สำหรับ Huawei Ascend Y550 4G นั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.5 นิ้วแบบ IPS รองรับความละเอียดที่ระดับ 480 x 854 pixels ใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 410 แบบ Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53 หน่วยความจำ(Ram) 1 GB แหล่งเก็บข้อมูลภายในขนาด 4 GB สามารถเพิ่มได้ผ่าน microSD card

กล้องหลังความละเอียด 5 MP กล้องหน้าความละเอียด 2 MP ตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 133 x 68 x 9.5 mm น้ำหนักอยู่ที่ 153 g แบตเตอรี่ความจุ 2,000 mAh รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE Cat 4 ที่มีความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 150 Mbps วางจำหน่ายแล้วในประเทศจีนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2014 ที่ผ่านมา แต่น่าเสียดายที่ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.2 KitKat ที่ยังไม่รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit ซึ่งต้องรอให้ทาง Huawei ออกอัพเดท Android 5.0 Lollipop ออกมาครับ

Oppo 1105

oppo-1105 600

ต่อกันรุ่นที่ 4 ที่ยังคงอยู่กับผู้ผลิตจากประเทศจีนอยู่ครับ สำหรับรุ่นที่ 4 ที่นำมาเสนอให้กับทุกท่านนั้นก็คือ Oppo 1105 หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า baby Oppo Find 7 ซึ่งเป็นรุ่นที่เน้นตลาดสำหรับผู้เข้ามาใช้สมาร์ทโฟนเป็นเครื่องแรก ด้วยหน้าจอขนาด 4.5 นิ้วแบบ IPS รองรับความละเอียดที่ระดับ 480 x 854 pixels ใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 410 แบบ Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53 หน่วยความจำ(Ram) 1 GB แหล่งเก็บข้อมูลภายในขนาด 16 GB

กล้องหลังความละเอียด 5 MP รองรับการถ่ายภาพแบบ HDR กล้องหน้าความละเอียด 2 MP ตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 132 x 65.8 x 9.2 mm น้ำหนักอยู่ที่ 132 g แบตเตอรี่ความจุ 1,800 mAh รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE Cat 4 ที่มีความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 150 Mbps วางจำหน่ายแล้วในประเทศจีนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2014 ที่ผ่านมาราคาอยู่ที่ $212 หรือประมาณ 7,000 บาท แต่น่าเสียดายที่ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 KitKat ที่ยังไม่รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit ซึ่งต้องรอให้ทาง Oppo ออกอัพเดท Android 5.0 Lollipop ออกมาครับ

Lenovo Sisley S90

Lenovo-S90-Sisley 600

ยังคงอยู่กับสมาร์ทโฟน(ที่อยู่ในจำพวก phablet) ในระดับกลางจนถึงล่างสำหรับผู้เริ่มต้นใช้ครับ แต่ในคราวนี้เปลี่ยนมาเป็นผู้ผลิตที่พึ่งจะได้รวมเอา Motorola เข้าไปอย่าง Lenovo ด้วยรุ่น Sisley S90 ที่ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5 นิ้วแบบ Super AMOLED รองรับความละเอียดที่ระดับ 720 x 1280 pixels ใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 410 แบบ Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53 หน่วยความจำ(Ram) 1 GB แหล่งเก็บข้อมูลภายในขนาด 16 GB ไม่สามารถเพิ่มผ่าน microSD card ได้

ถึงจะเน้นตลาดระดับล่างแต่ Sisley S90 นั้นมาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 13 MP กล้องหน้าความละเอียด 8 MP ตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 146 x 71.7 x 6.9 mm น้ำหนักอยู่ที่ 129 g แบตเตอรี่ความจุ 2,300 mAh รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE Cat 4 ที่มีความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 150 Mbps วางจำหน่ายแล้วในประเทศจีนตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2014 ที่ผ่านมา แต่น่าเสียดายที่ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 KitKat ที่ยังไม่รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit ซึ่งต้องรอให้ทาง Lenovo ออกอัพเดท Android 5.0 Lollipop ออกมาครับ

Elephone P6000

Elephone-P6000 600

สำหรับในรุ่นต่อมานั้นอาจจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกับชาวไทยกันสักเท่าไร นัก แต่ทว่าในจีนนั้นถือได้ว่าดังพอดูเลยทีเดียวครับ โดย Elephone P6000 นั้นเป็นสมาร์ทโฟน(ที่อยู่ในจำพวก phablet) ที่ตัวเครื่องจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5 นิ้วรองรับความละเอียดที่ระดับ 720 x 1280 pixels พร้อมทั้งมีชั้นฟิมล์ที่สามารถป้องกันแสงสีฟ้าที่อยู่ในช่วง 380 – 410 um ได้ถึง 100% กับช่วง 420 – 450 um ได้ถึง 60% ช่วยในการถนอมสายตา ใช้ชิปเซ็ท MediaTek รุ่น MT6732 ที่เป็น quad-core ความเร็ว 1.5 GHz พร้อม GPU รุ่น Mali T760 16 cores หน่วยความจำ(Ram) 2 GB แหล่งเก็บข้อมูลภายในความจุ 16 GB สามารถเพิ่มผ่าน microSD card ได้สูงสุด 64 GB

Elephone P6000 ยังรองรับการเล่นไฟล์มีเดียแบบ H.265 HEVC ที่ให้ความขมชัดมากกว่าเดิม กล้องหลังความละเอียด 13 MP กล้องหน้าความละเอียด 2 MP ตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 144.5 x 71.6 x 8.9 mm น้ำหนักอยู่ที่ 165 g แบตเตอรี่ความจุ 2,700 mAh รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE Cat 4 ที่มีความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 150 Mbps วางจำหน่ายแล้วในประเทศจีนตั้งแต่เดือนธันวาคม 2014 ที่ผ่านมาด้วยราคา $170 หรือประมาณ 5,610 บาท แต่น่าเสียดายที่ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.4 KitKat ที่ยังไม่รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit ซึ่งทางบริษัทได้ออกมายืนยันว่าจะมีการปล่อยอัพเดท Android 5.0 Lollipop ออกมาในเร็วๆ นี้ครับ

Samsung Galaxy Mega 2

SONY DSC

ต่อมากับแบรนใหญ่ๆ อย่าง Samsung กันบ้างครับกับ Samsung Galaxy Mega 2 ที่ในเมืองไทยเรานั้นกลายเป็นลูกเมียน้อยไปอย่างน่าเสียดายเพราะถึงแม้ว่าจะ มีการวางจำหน่ายก่อนประเทศอื่น(อย่างเงียบๆ) แต่ทว่าสเปคนั้นก็เป็นรุ่นที่ไม่รองรับ 4G และการประมวลผลที่ระดับ 64-bit ครับ(ในเมืองไทยจะเป็นรุ่นโมเดล SM-G750F ซึ่งใช้ชิปเซ็ท Exynos 4415 ที่ไม่รองรับการประมวลผลในระดับ 64-bit) อย่างไรก็ตามรุ่นโมเดลที่ขายในสหรัฐอเมริกานั้นรองรับทั้งการเชื่อต่อแบบ 4G และการประมวลผลในระดับ 64-bit ครับ(โมเดล SM-G7508) เราไปดูกันดีกว่าครับว่ารุ่นที่รองรับการประมวลผลแบบ 64-bit นั้นจะมีสเปคน่าสนใจขนาดไหน

สำหรับ Samsung Galaxy Mega 2 นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่มาในรูปแบบของ phablet แบบเต็มตัวครับเพราะตัวเครื่องจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5 นิ้วรองรับความละเอียดที่ระดับ 720 x 1280 pixels แต่ทว่าหน้าจอเป็น LCD TFT เท่านั้น ใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 410 แบบ Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53 หน่วยความจำ(Ram) 1.5 GB แหล่งเก็บข้อมูลภายในขนาด 16 GB สามารถเพิ่มผ่าน microSD card ได้สูงสุด 64 GB

กล้องหลังความละเอียด 8 MP กล้องหน้าความละเอียด 2.1 MP ตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 163.6 x 84.9 x 8.6 mm น้ำหนักอยู่ที่ 194 g แบตเตอรี่ความจุ 2,800 mAh รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE Cat 4 ที่มีความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 150 Mbps วางจำหน่ายแล้วในประเทศสหรัฐอเมริกาและโซนยุโรปตั้งแต่เดือนกันยายน 2014 ที่ผ่านมา (สำหรับในไทยก็วางจำหน่ายในเดือนกันยายนที่ผ่านมาเช่นเดียวกันด้วยราคาเปิด ตัวที่ 13,900 บาท) แต่น่าเสียดายที่ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.3 KitKat ที่ยังไม่รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit ซึ่งต้องรอให้ทาง Samsung ออกอัพเดท Android 5.0 Lollipop ออกมาครับ

Samsung Galaxy Note 4

samsung-galaxy-note-4-600

ต่อกันกับสมาร์ทโฟนที่เป็น phablet จากผู้ผลิตชื่อดังที่มุ่งเน้นตลาดระดับบนอย่าง Samsung Galaxy Note 4 ครับ ก่อนอื่นคงต้องบอกก่อนว่าสิ่งหนึ่งที่ Samsung ทำให้ผู้บริโภคในหลายๆ ภูมิภาครู้สึกเหมือนๆ กันก็คือการแตกรุ่นสมาร์ทโฟน(และ phablet) ออกมาเป็นรุ่นย่อยมากมายเต็มไปหมด จนทำให้ข้อมูลของสมาร์ทโฟน(และ phablet) ของทาง Samsung ในแต่ละภูมิภาคนั้นไม่ค่อยจะเหมือนกันสักเท่าไรนัก ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Samsung Galaxy Note 4 เช่นเดียวกันครับ

หากเราจะแยกรุ่นของ Samsung Galaxy Note 4 ออกเป็นรุ่นย่อยๆ แล้วหล่ะก็จะมีอยู่ 2 รุ่นด้วยกันครับคือ SM-N910S ที่ใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 805 ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าไม่รองรับการประมวลผลในระดับ 64-bit และอีกรุ่นคือ SM-N910C ที่ใช้ชิปเซ็ท Exynos 5433 ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลแบบ Octa-core ที่ประกอบไปด้วย Quad-core 1.3 GHz Cortex-A53 และ Quad-core 1.9 GHz Cortex-A57 ที่ตามสเปคแล้วต้องรองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit แต่ด้วยความที่ Samsung ยังใช้ชื่อรุ่นชิปเซ็ทอยู่ที่ Exynos 5xxx ไม่ใช่ Exynos 7xxxx ที่สนับสนุนการประมวลผลระดับ 64-bit อย่างเป็นทางการนั้นทำให้เกิดความสับสนขึ้นมาครับว่าสรุปแล้ว Samsung Galaxy Note 4 โมเดล SM-N910C สนับสนุนการประมวลผลที่ระดับ 64-bit จริงหรือไม่

อย่างไรก็ตามครับในไทยเรานั้นโมเดลที่นำมาขายก็คือ SM-N910C ที่ใช้ชิปเซ็ท Exynos 5433 ซึ่งตัวผมเองคาดว่าน่าจะสนับสนุนการประมวลผลที่ระดับ 64-bit(หากว่ากันตามสเปค) โดยตัวเครื่องนั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.7 นิ้วแบบ Super AMOLED รองรับความละเอียดที่ระดับ 1440 x 2560 pixels หน่วยความจำ(Ram) 3 GB แหล่งเก็บข้อมูลภายใน 32 GB สามารถเพิ่มผ่าน microSD card ได้สูงสุด 128 GB

กล้องหลังความละเอียด 16 MP พร้อม OIS กล้องหน้าความละเอียด 3.7 MP ตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 153.5 x 78.6 x 8.5 mm น้ำหนักอยู่ที่ 176 g แบตเตอรี่ความจุ 3,220 mAh รองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE Cat 4 ที่มีความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดอยู่ที่ 150 Mbps(แต่โมเดล N910S จะรองรับ 4G LTE Cat 6 ที่มีความเร็วสูงสุดในการดาวน์โหลดอยู่ที่ 300 Mbps) วางจำหน่ายแล้วในประเทศไทยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2014 ที่ผ่านมาด้วยราคาเปิดตัว 25,900 บาท แต่น่าเสียดายที่ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.3 KitKat ที่ยังไม่รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit ซึ่งต้องรอให้ทาง Samsung ออกอัพเดท Android 5.0 Lollipop ออกมาครับ

HTC Desire 510, Desire 620 และ Desire 820

HTC-Desire-510-620-and-820 600

ถัดไปขอมัดรวม 3 สมาร์ทโฟนซีรีส์ Desire ของทาง HTC เข้าไว้ด้วยกันซึ่งประกอบไปด้วยรุ่น Desire 510, Desire 620 และ Desire 820 ครับ ก่อนอื่นเริ่มต้นที่ Desire 510 ก่อน โดย Desire 510 นี้จะมีวางจำหน่ายอยู่ 2 โมเดลด้วยกันคือสำหรับโซนสหรัฐอเมริกาซึ่งใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 400 ที่ไม่รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit แต่ถ้าเป็นโมเดลที่ขายในโซนยุโรปนั้นจะใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 410 ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53 รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit ครับ

ตัวเครื่อง Desire 510 จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว รองรับความละเอียดที่ระดับ 480 x 854 pixels หน่วยความจำ(Ram) 1 GB แหล่งเก็บข้อมูลภายใน 8 GB สามารถเพิ่มผ่านทาง microSD card ได้สูงสุด 128 GB กล้องหลังความละเอียด 5 MP กล้องหน้าความละเอียด VGA ตัวเครื่องมีขนาด 139.9 x 69.8 x 10 mm น้ำหนักอยู่ที่ 158 g แบตเตอรี่ความจุ 2,100 mAh เริ่มวางขายตั้งแต่ในเดือนกันยายนปี 2014 รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE ที่ความถี่ 800 / 1800 / 2600 ซึ่งยังไม่สามารถใช้ในประเทศไทยได้ และได้เริ่มวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2014 ที่ผ่านมา

มาต่อกันที่เครื่องระดับสูงขึ้นมาหน่อยกับ Desire 610 ซึ่งยังคงใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 410 ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53 รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit เช่นเดียวกับ Desire 510 แต่ว่าจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5 นิ้ว(ทำให้อยู่ในสาย phablet) รองรับความละเอียดที่ระดับ 720 x 1280 pixels หน่วยความจำ(Ram) 1 GB แหล่งเก็บข้อมูลภายใน 8 GB สามารถเพิ่มผ่านทาง microSD card ได้สูงสุด 128 GB กล้องหลังความละเอียด 8 MP กล้องหน้าความละเอียด 5 ตัวเครื่องมีขนาด 150.1 x 72.7 x 9.6 mm น้ำหนักอยู่ที่ 160 g แบตเตอรี่ความจุ 2,100 mAh จะเริ่มวางขายตั้งแต่ในเดือนธันวาคมปี 2014 ที่ผ่านมานี้แต่ทว่ายังไร้วี่แววของข่าวครับว่ามีการจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แล้วหรือไม่

หมายเหตุ – ในไทยนั้นจะมีรุ่น HTC Desire 620G ที่ใช้ชิปเซ็ท Octa-core ของทาง MediaTek รุ่น MT6592 1.7 GHz Cortex-A7 ทำให้ไม่รับรองการประมวลผลที่ระดับ 64-bit และยังไม่สามารถที่จะใช้งาน 4G LTE ได้อีกด้วยครับ

ถัดมากับรุ่น Desire 820 ที่ถือว่าอยู่ในระดับกลางไปถึงบน โดยตัวเครื่องนั้นมาพร้อมกับชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 615 ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล แบบ Octa-core แบ่งเป็น Quad-core 1.5 GHz Cortex-A53 และ quad-core 1.0 GHz Cortex-A53 รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit  หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว(ทำให้อยู่ในสาย phablet) รองรับความละเอียดที่ระดับ 720 x 1280 pixels หน่วยความจำ(Ram) 2 GB แหล่งเก็บข้อมูลภายใน 16 GB สามารถเพิ่มผ่านทาง microSD card ได้สูงสุด 128 GB กล้องหลังความละเอียด 13 MP กล้องหน้าความละเอียด 8 ตัวเครื่องมีขนาด 157.7 x 78.7 x 7.7 mm น้ำหนักอยู่ที่ 155 g แบตเตอรี่ความจุ 2,600 mAh และเริ่มวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2014 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม Desire ทั้ง 3 รุ่นนั้นยังคงมาพร้อมกับ Android 4.4.2 KitKat ทำให้ยังไม่รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit อย่างเต็มรูปแบบต้องรอให้ทาง HTC ออกอัพเดท Android 5.0 Lollipop ออกมาก่อนครับ

Lenovo Vibe Z2

Lenovo Vibe Z2 600

และท้ายสุดกับสมาร์ทโฟนที่รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit ที่เราจะนำมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกันวันนี้ก็คือ Lenovo Vibe Z2 สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ถือว่าเป็น phablet เนื่องจากมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วแบบ IPS รองรับความละเอียดที่ระดับ 720 x 1280 pixels ใช้ชิปเซ็ท Qualcomm Snapdragon 410 ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Quad-core 1.2 GHz Cortex-A53 หน่วยความจำ(Ram) 2 GB แหล่งเก็บข้อมูลภายใน 32 GB ไม่สามารถเพิ่มผ่านทาง microSD card ได้ กล้องหลังความละเอียด 13 MP กล้องหน้าความละเอียด 8 ตัวเครื่องมีขนาด 148.5 x 76.4 x 7.8 mm น้ำหนักอยู่ที่ 158 g แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh เริ่มวางขายตั้งแต่ในเดือนตุลาคมปี 2014 แต่น่าเสียดายที่ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.4 KitKat ที่ยังไม่รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit ซึ่งต้องรอให้ทาง Lenovo ออกอัพเดท Android 5.0 Lollipop ออกมาครับ

 บทสรุป

จริงๆ แล้วในปี 2015 นี้เราน่าจะได้เห็นสมาร์ทโฟน(หรือ phablet) ระบบปฏิบัติการ Android ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ทที่สามารถทำการประมวลผลในระดับ 64-bit ทยอยตามกันออกมามากขึ้นครับ รวมเข้ากับระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop ที่รองรับการประมวลผลที่ระดับ 64-bit อย่างเต็มตัวแล้ว น่าจะพอทำให้เราเห็นความเปลี่ยนแปลงในการใช้งานได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง(ที่จะ ชัดเจนก็คือในเรื่องของความเร็ว) อย่างไรก็ตามแอปพลิเคชันที่จะนำมาใช้งานบนระบบปฏิบัติการ Android นั้นต้องสามารถประมวลผลแบบ 64-bit ได้ด้วยครับ มิเช่นนั้นแล้วเราก็จะไม่ได้เห็นความสามารถในการประมวลผลที่ระดับ 64-bit อย่างที่ควรจะเป็นครับ

ที่มา : phonearena, gsmarena

ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook