รู้รึยัง? แก็ดเจ็ตสร้างศัตรูบนเครื่องบิน

รู้รึยัง? แก็ดเจ็ตสร้างศัตรูบนเครื่องบิน

รู้รึยัง? แก็ดเจ็ตสร้างศัตรูบนเครื่องบิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รู้รึยังแก็ดเจ็ตสร้างศัตรูบนเครื่องบิน อะไรคืออุปกรณ์น่ารำคาญ และพฤติกรรมผู้โดยสารที่น่ารังเกียจคอลัมน์ Cool Tech

โดย จิตต์สุภา ฉิน @Sue_Ching Facebook.com/JitsupaChin

ขอบคุณภาพประกอบจาก: www.prachachat.net

ทุกครั้งที่ขึ้นเครื่องบิน ซู่ชิงจะมีลิสต์ย่อมๆ ของแก็ดเจ็ตที่จะต้องนำติดตัวไปด้วย ขึ้นอยู่กับระยะเวลาความยาวนานของไฟลต์นั้นๆ

ถ้าไฟลต์ภายในประเทศใกล้ๆ หน่อย แค่หยิบเครื่องเกมพกพา Nintendo 3DS ใช้คู่หูฟังไปเครื่องเดียวก็อยู่แล้ว

แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ต้องเดินทางไกลเกิน 5 ชั่วโมงขึ้นไป ลิสต์ของแก็ดเจ็ตที่ต้องพกก็จะยาวขึ้น ต้องหนีบเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไปเผื่ออยากเปลี่ยนมู้ดจากเล่นเกม ไปอ่านหนังสือ แถมด้วยแท็บเล็ตหน้าจอไม่ใหญ่นักไปอีกสักเครื่องเผื่ออยากเล่นเกมที่ไม่มีบน 3DS แล้วไหนยังมีเพลงที่จะต้องฟังอีก ซึ่งแบกเข้าไปเถอะ...

ทั้งหมดนี้ได้ใช้จริงๆ แค่อย่างเดียวเพราะเวลาที่เหลือถ้าไม่นอนหลับคอพับ ก็นั่งดูหนัง ดูซีรี่ส์ตอนใหม่ๆ บนระบบความบันเทิงของเครื่องบินนั่นแหละ

นอกเหนือจากแก็ดเจ็ตพื้นฐานที่ใครๆ ก็พกกันขึ้นไปแก้เบื่อบนเครื่องบินแล้ว พักหลังๆ ก็มีแก็ดเจ็ตใหม่ๆ คอนเซ็ปต์แปลกๆ หลายอย่างที่ออกแบบมาให้ใช้บนเครื่องบินโดยเฉพาะอีกมากมาย

แก็ดเจ็ตที่กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเมื่อสักสามสี่เดือนที่ผ่านมานี้ก็คือแก็ดเจ็ตที่เรียกว่า Knee Defender (เครื่องป้องกันหัวเข่า) ซึ่งเกิดจากคอนเซ็ปต์ว่าเครื่องบินสมัยนี้เหลือพื้นที่ให้ผู้โดยสารต่อคน น้อยลงๆ ทุกที โดยเฉพาะชั้นประหยัดที่เบียดอัดกันอย่างกับปลากระป๋อง

พื้นที่ระหว่างขากับพนักเก้าอี้ข้างหน้าก็ว่าน้อยแล้วถ้าเมื่อไหร่คนข้างหน้านึกเกิดอยากจะเอนนอนลงมาเต็มๆ ก็ยิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่

Knee Defender ก็เลยออกแบบมาให้ทำหน้าที่ในการบล็อกไม่ให้เก้าอี้ข้างหน้าปรับเอนลงมาได้

เรื่องก็เลยเกิดขึ้นในไฟลต์บินของสายการบินยูไนเต็ดที่บินจากนวร์กไปเดนเวอร์ผู้โดยสารชายต้นเรื่องกางโต๊ะหน้าที่นั่งออกมาใช้วางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก พร้อมใช้ Knee Defender ตัวนี้มาล็อกเก้าอี้ของผู้หญิงคนข้างหน้าเอาไว้

เมื่อพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินมาขอให้เขาเอาออกเขาก็ปฏิเสธเสียงแข็งจนผู้หญิงที่นั่งเก้าอี้ที่ถูกล็อกฉุนขาดหันกลับมาสาดน้ำใส่อย่างกับละคร หลังข่าว

เรื่องโกลาหลจนเครื่องบินต้องแวะจอดที่ชิคาโก้และทั้งสองคนก็ถูกแบนไม่ให้กลับขึ้นเครื่องไฟลต์เดิมที่บินต่อไปยังเดนเวอร์

KneeDefender แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นแก็ดเจ็ตที่มีโครงสร้างสลับซับซ้อนอะไรมาก เป็นแค่พลาสติกสองอันที่ใช้สอดเข้าไปตรงแขนของโต๊ะหน้าที่นั่งเพื่อขัดไม่ ให้เก้าอี้ข้างหน้าถอยมาข้างหลังได้ ราคาก็อยู่ที่ราวๆ 600 บาทเท่านั้น

ถึงแม้ว่าตอนออกมาใหม่ๆ สายการบินหลายแห่งจะออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการมีอยู่ของแก็ดเจ็ตชิ้นนี้ แต่ในเมื่อสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ หรือ FAA ไม่ห้ามก็ไม่มีใครทำอะไรได้

นอกจาก Knee Defender ที่ดูมีแนวโน้มจะก่อปัญหาในอีกหลายไฟลต์ต่อไปในอนาคต ก็ยังมีแก็ดเจ็ตชิ้นอื่นที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารบนเครื่องบิน (แต่ลิดรอนสิทธิและความสะดวกสบายของผู้โดยสารคนอื่นที่ไม่ได้ร่วมใช้ด้วย)

อย่างหมอนเดินทาง SkyRest ซึ่งหากเป็นแค่หมอนสวมไว้ที่คอหรือหมอนรองหลังหรือก้นเฉยๆ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หมอนชนิดนี้เมื่อพองลมแล้วจะมีขนาดเท่าผู้ใหญ่โอบรอบ ส่วนวิธีการใช้งานน่ะหรือคะ ก็เอาตั้งบนตักแล้วก็กอดเอาไว้ เอาหัววางลงบนด้านบนของหมอนเท่านี้ก็หลับสบาย

เป็นแก็ดเจ็ตที่เพอร์เฟ็กต์มากสำหรับคนที่นั่งที่นั่งริมทางเดินในกรณีที่เกลียดขี้หน้าคนนั่งริมหน้าต่างและอยากแกล้งให้เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเพราะแก็ดเจ็ตชิ้นนี้บดบังทางเดินจนมิด เกะกะขวางทางพื้นที่น้อยนิดที่แทบไม่มีเหลือให้ยืดเส้นยืดสายได้

(อย่าลืมนะคะว่าคนบนเครื่องบินเนี่ยมีหลากหลายมากๆมีทั้งคนที่เดินทางบ่อยจนเจนจัด และมีทั้งคนกลุ่มที่ขึ้นเครื่องบินครั้งแรกและตื่นกลัวไปเสียหมดทุกอย่าง ไม่รู้ว่าต้องเรียกพนักงานต้อนรับยังไง ไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำเพราะกลัวจะเปิด-ปิดประตูไม่เป็น ฯลฯ คิดหรือว่าคนเหล่านี้จะกล้าสะกิดปลุกเพื่อนร่วมเดินทางข้างๆ แล้วบอกว่าช่วยย้ายหมอนหนุนไซซ์จัมโบ้ใบนี้ออกไปให้พ้นทางหน่อย)

อนุโลมได้อยู่กรณีเดียวว่าถ้าคุณนั่งริมหน้าต่างอยู่แล้วหมอนใบนี้ก็อาจจะโอเค


แก็ดเจ็ตอีกชิ้นนี่ก็มีปัญหาแบบเดียวกันกับหมอน SkyRest แต่อันนี้ออกแบบมาให้คนที่เป็นพ่อเป็นแม่โดยเฉพาะ FlyeBaby เป็นเปลที่ข้างหนึ่งผูกไว้กับเข็มขัดนิรภัยของเก้าอี้พ่อ-แม่ และอีกข้างผูกไว้กับเบาะหลังของเก้าอี้ข้างหน้า เอาไว้แกว่งไกวให้ลูกน้อยหลับสบาย

อันนี้ก็เช่นกัน ควรใช้เฉพาะที่นั่งริมหน้าต่างเท่านั้น เพราะใครจะไปกล้าขอให้ปลดเปลที่มีเด็กนอนอยู่ออกเพื่อที่ตัวเองจะเดินผ่านไปเข้าห้องน้ำได้

ยิ่งถ้าเด็กนอนหลับปุ๋ยหน้าตาอินโนเซนต์อยู่ในเปลปลุกขึ้นมาอาจกลายเป็นปีศาจขี้มูกโป่งร้องกระจองอแงลั่นเครื่อง

ทำไปทำมาเกิดมีเรื่องกันแล้วถูกถ่ายคลิปมาประจานบนโซเชียลเน็ตเวิร์กก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นพวกใจยักษ์ไม่รักเด็กแค่คิดขึ้นมาเฉยๆ ก็ลำบากใจแล้ว

นอกเหนือจากแก็ดเจ็ตเกิดใหม่ที่ออกแบบมาอำนวยความสะดวกของผู้ใช้(คนเดียว) เหล่านี้แล้ว แก็ดเจ็ตธรรมดาๆ ทั่วไปที่เราพกกันขึ้นเครื่องบินบ่อยๆ ก็มีข้อควรระวังในการใช้งานในพื้นที่จำกัดที่ถูกคนแออัดกันอยู่สามหมื่นฟุตเหนือพื้นดินและพร้อมจะฟิวส์ขาดกันง่ายๆเช่นการฟังเพลงหรือเล่นเกมที่เตรียมเอาหูฟังขึ้นไปแล้ว แต่หูฟังที่ใช้กลับคุณภาพแย่ไม่เก็บกักเสียงใดๆ ก็ทำให้เพื่อนร่วมเดินทางข้างๆ ต้องมานั่งฟังรสนิยมในการฟังเพลงของเราไปด้วยอย่างไม่มีทางเลือก หรือเปิดอัดเสียงดังจนหูฟังเก็บเสียงไม่อยู่

ถ้าพกคอมพิวเตอร์ขึ้นไปปั่นงานด่วนด้วยก็ต้องระวังเรื่องเสียงที่เกิดจากการพิมพ์คีย์บอร์ดก๊อกแก๊กเพราะมันก็ทำให้รำคาญสั่นประสาทได้ไม่น้อยเหมือนกัน

Expedia เว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบิน-ที่พักเพิ่งจะสำรวจและเผยแพร่ชาร์ตจัดอันดับ พฤติกรรมยอดแย่ที่น่ารำคาญที่สุดของผู้โดยสารเครื่องบินประจำปี 2014 ออกมา

โดยที่ได้ถามคนอเมริกันจำนวน 1,000 คนว่ามีนิสัยบนเครื่องบินอะไรบ้างที่แต่ละคนร้องยี้มากที่สุด

อันดับหนึ่งปีนี้ตกเป็นของผู้โดยสารที่ชอบใช้เท้าเตะเก้าอี้คนข้างหน้า

ส่วนอันดับสองของปีนี้ ตกมาจากอันดับหนึ่งของปีแรก ซึ่งก็คือพ่อแม่ที่ไม่ดูแลลูกน้อยของตัวเองบนเครื่อง ปล่อยให้สร้างความรำคาญให้คนอื่นรอบตัว

ผู้โดยสารที่มีกลิ่นตัว ผู้โดยสารที่กรอกแอลกอฮอล์เข้าไปราวกับเป็นอูฐ

ผู้โดยสารช่างคุยชวนคุยแม้แต่คนที่ใส่หูฟังอยู่

ผู้โดยสารที่ผิดกฎการนำกระเป๋าแคร์รี่ออนขึ้นเครื่องและสร้างความเดือดร้อนให้ผู้ร่วมเดินทาง

ผู้โดยสารที่ยึดครองพื้นที่ที่วางแขนไปเป็นของตัวเองคนเดียว

ผู้โดยสารช่างเอนเก้าอี้และคนที่ชอบลัดคิวคนอื่น เครื่องลงปุ๊บเป็นต้องรีบพุ่งตัวไปข้างหน้าราวกับว่าถ้าได้ออกจากเครื่องก่อนคนอื่นสัก 5 นาทีจะถือเป็นชัยชนะสูงสุดอันน่าปลื้มปริ่ม

ส่วนนอกเหนือจากสิบอันดับที่ว่านี้ก็อย่างเช่นพวกกระเพาะปัสสาวะรั่ว เดี๋ยวฉี่ๆ แต่ดันไปเลือกนั่งริมหน้าต่าง คนที่ชอบอ่านชอบเปิดดูคอนเทนต์สำหรับผู้ใหญ่ พวกคู่รักพลอดรักเกินงาม (ใครเป็นแฟนการ์ตูนชินจัง ลองนึกถึงมิตจี้จ๋าและโยชิริงขา น่าจะเห็นภาพได้ชัดที่สุด) พวกที่ชอบเปลื้องเครื่องแต่งตัวสลัดรองเท้าออกทันทีที่หย่อนก้น หรือคนที่ชอบสลับที่นั่งไปมาวุ่นวายอลหม่านเป็นที่สุด

(อันนี้เกิดบ่อยในกรณีเดินทางกับกลุ่มทัวร์ที่ทุกคนรู้จักกันและเล่นเก้าอี้ดนตรีกันตลอดเวลา)

ได้รู้ลิสต์พฤติกรรมยอดแย่บนเครื่องบินและแก็ดเจ็ตที่ไม่ควรพกไปใช้ถ้าไม่อยากถูกเตะโด่งลงจากเครื่องก่อนถึงเป้าหมายกันไปแล้วเดินทางช่วงปลายปีนี้และขึ้นปีใหม่ปีหน้าก็มีน้ำใจให้กันและกันบนเครื่องบิน คิดถึงใจเขาใจเรากันให้มากๆ แล้วกันนะคะ นอกจากจะทำให้การเดินทางของเราราบรื่นแล้ว บางทีอาจจะได้สัมผัสกับมิตรภาพดีๆ บนเครื่องบินก็ได้

แต่ถ้าประสบการณ์การบินอันงดงามยังไม่มากพอที่จะจูงใจให้คุณผู้อ่านทำตัวดีๆบนเครื่องบินได้ สถิติจากการสำรวจเดียวกันนี้ของ Expedia ก็ยังบอกว่า หากเกิดเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งขัดแย้งบาดหมางกันบนเครื่อง 12% ของคนที่ตอบแบบสอบถาม บอกว่าพวกเขาจะหยิบโมบายดีไวซ์ขึ้นมาบันทึกภาพเหตุการณ์ 6% บอกว่าจะเอาเรื่องไปประจานบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีแค่ 22% เท่านั้นที่จะเดินไปคุยกันซึ่งๆ หน้า

ซึ่งก็ไม่รู้ว่ากล้าหาญหรือโง่เขลา แต่เอาเป็นว่าอย่าให้ปัญหาเกิดจากตัวเราเองก็แล้วกันค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook