Review Samsung Galaxy S6 แบบฉบับใช้งานจริง

Review Samsung Galaxy S6 แบบฉบับใช้งานจริง

Review Samsung Galaxy S6 แบบฉบับใช้งานจริง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Review Samsung Galaxy S6 Style Thaizones.

     ส่งเสียงว้าว...กันดังๆ เลยจ้าในที่สุดบริษัทโทรศัพท์มือถือค่ายดังอย่างซัมซุงก็ได้ส่งสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงน้องใหม่ออกมาแล้วในรหัส SM-G920F หรือที่มีชื่อว่า Galaxy S6 นั่นเอง จากการที่ผมได้ลองเล่นมาประมาณสามวันก็ได้พบอะไรหลายๆ อย่างที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว

     ทั้งสิ่งที่ทางซัมซุงใส่เพิ่มเข้ามาเพื่อตอบสนองในการใช้งานในชีวิตประจำวัน แล้วก็บางสิ่งที่ผู้ใช้อย่างเราๆ รู้สึกว่ามันไร้สาระ ไม่น่าจะมีอยู่ให้รกเครื่องก็ตัดมันออกไป ก่อนอื่นเรามาดูรายละเอียดรอบๆ ตัวเครื่องก่อนดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง (ส่วนเรื่องสเปคของเครื่องขอไม่ใส่ไว้ในนี้นะครับ ผมคิดว่าเพื่อนๆ คงจะอ่านกันจนเบื่อแล้วล่ะ แต่ถ้าเพื่อนๆ ท่านไหนสนใจอยากดูสเปคของเจ้า Galaxy S6 เครื่องนี้ก็สามารถไปอ่านได้เลย >> สรุปข้อมูลสเปค Samsung Galaxy S6 อย่างเป็นทางการ)

     "ด้านบนของตัวเครื่อง" มีไมโครโฟนที่ใช้สำหรับตัดเสียงรบกวน พร้อมกับช่องอินฟราเรดสำหรับใช้เป็นรีโมททีวี (แต่เครื่องที่ได้มาทดสอบนั้นไม่สามารถเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่นรีโมทได้ซะงั้น...!! น่าเสียดายจัง)

     "ด้านล่างของตัวเครื่อง" ก็จะพบกับรูเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ขนาดมาตรฐาน ตรงกลางเป็นช่อง Micro USB สำหรับเสียบสายชาร์จ หรือเชื่อมต่อข้อมูลกับคอมพิวเตอร์ ถัดมาทางด้านขวาของภาพก็จะเป็นไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องลำโพงนั่นเอง

     "ด้านซ้ายของตัวเครื่อง" จะมีเพียงแค่สองปุ่มเท่านั้นคือปุ่มเพิ่มเสียง และลดเสียง

     "ด้านขวาของตัวเครื่อง" จะมีปุ่ม Power สำหรับเปิด - ปิดเครื่อง และช่องใส่ซิมการ์ด (ต้องใช้เข็มที่แถมมาจิ้มเอาถาดซิมการ์ดออกมาก่อนนะ ถึงจะใส่ซิมการ์ดเข้าไปได้)

     "ด้านหน้าส่วนบน" ก็จะมีไฟแจ้งสถานะ เซ็นเซอร์ต่างๆ ช่องลำโพงสำหรับคุยโทรศัพท์แบบแนบหู และกล้องหน้าขนาด 5 ล้านพิกเซล

     "ด้านหน้าส่วนล่าง" ก็จะมี 3 ปุ่มอรหันของทางแอนดรอยด์ (Android) นั่นเองได้แก่ ปุ่ม Task Manager ปุ่ม Home และปุ่ม Back ตามลำดับ ตรงปุ่ม Home สามารถแตะเบิ้ล 2 ครั้งเพื่อเข้าโหมดกล้องได้ด้วยนะ

     "ด้านหลังของตัวเครื่อง" มีกล้องหลักขนาด 16 ล้านพิกเซล คุณภาพสูง มีค่า f1.9 รูรับแสงกว้างทำให้เก็บแสงได้ดีแม้จะถ่ายรูปในที่มืด ถัดมาก็เป็นแฟลช และอุปกรณ์วัดชีพจร ถัดลงมาด้านล่างก็จะมีโลโก้ซัมซุงเด่นชัดเลยล่ะ

นี่เลย...ดูภาพด้านหน้าแบบเต็มๆ ตา!!

     เปิดหน้าจอขึ้นมายั่วกันเล็กน้อย 555+ อยากได้กันล่ะสิ..!! ก็ตามสไตล์ของสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ของทางซัมซุงล่ะครับที่ทำให้คุณสามารถเข้าใช้งานโทรศัพท์ หรือกล้องถ่ายรูปได้จากหน้าจอล็อกเลยทันที และด้วยหน้าจอ 2K ทำให้ภาพที่คุณมองเห็นบนหน้าจอนั้นดูเรียบ เนียน สวย สมูทไปซะหมดเลยล่ะ ^^

     และจากการที่ได้ลองจับ ลองเล่นดูก็พบว่ามันช่างเหมาะมือมากเลยจริงๆ เลยล่ะเนื่องจากตัวเครื่องที่มีขนาดไม่บาง ไม่หนาจนเกินไป ขอบตัวเครื่องมีลักษณะโค้งมน ทำให้สามารถจับถือได้กระชับ และสามารถใช้งานมือเดียวได้สะดวกอีกด้วย รอบตัวเครื่องทำมาจากวัสดุอลูมิเนียมอย่างดีเชื่อมต่อถึงกันหมด ด้านหน้าและด้านหลังของตัวเครื่องเป็นกระจก Gorilla Glass 4 ที่ช่วยให้มีความสวยงาม ดูมีระดับ อีกทั้งยังแข็งแรงทนทานไม่แตกง่ายเหมือนแต่ก่อนแล้วนะเออ...

ประสิทธิภาพ

     หากพูดถึงเรื่องของประสิทธิภาพของเจ้า Galaxy S6 แล้วล่ะก็ขอบอกได้เลยว่ามันไม่ธรรมดาเลยทีเดียว จากการทดสอบด้วยแอปพลิเคชั่นที่ใช้ทดสอบสมาร์ทโฟนก็พบว่าเจ้า Galaxy S6 เป็นสมาร์ทโฟนที่แรงที่สุดในตอนนี้เลยจริงๆ

  

     กลัวว่าเพื่อนๆ จะไม่เชื่อเราจึงเอาภาพมายืนยันเป็นหลักฐานเลยฮะ!! ดูให้เห็นกันแบบจะๆ ว่าคะแนนของเจ้า Galaxy S6 ที่ทำการทดสอบผ่าน Antutu นั้นสูงถึง 69,649 คะแนน (เกือบเจ็ดหมื่น..!! โอ้วแม่จ้าววว...) แรงแบบลื่นหัวแตกเลยทีเดียวเชียว ด้วย CPU ในแบบ 8 แกนสมอง 64 บิต รับรองเลยว่าเพื่อนๆ จะสามารถใช้เล่นทุก App ใน Store ได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด (ในกรณีที่ไม่เปิดหลาย App พร้อมกันเยอะๆ นะ)

ว่าด้วยเรื่องของกล้อง (เอาใจสาวๆ โดยเฉพาะเลย)

     ถ้าจะรีวิวโทรศัพท์ทั้งทีสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็ต้องเป็นเรื่องของกล้องนี่แหละนะ ทำไงได้เดี๋ยวนี้เทรนเซลฟี่กำลังมาแรงเลยนี่นา 555+ แต่ผมไม่เซลฟี่ตัวเองให้ดูหรอกนะบอกตรงๆ เลยว่าเขิน อิอิ แต่ขอรับรองเลยว่าในเรื่องของกล้องทางซัมซุงทำออกมาได้เทพมากจริงๆ รายละเอียดภาพถ่ายชัดเจน สีสันสดใสสวยงามสมจริง...ผม Confirm ^^ แล้วก็มาพร้อมกับระบบกันสั่นด้วยนะรู้ยัง..?

กล้องหลัง (16 ล้านพิกเซล f1.9)

     ก่อนอื่นเรามาดูโหมดของกล้องหลังกันก่อนดีกว่าว่ามันมีโหมดอะไรบ้าง แหม่...แต่อยากให้เพื่อนๆ ได้ลองใช้งานด้วยตัวเองจริงๆ มากกว่านะเนี่ย เพราะว่าความสามารถมันสุดยอดมากๆ เลย

     1. เริ่มที่โหมดอัตโนมัติ โหมดนี้ใครก็รู้อยู่แล้วมั้งไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ ก็เอาเป็นว่าโทรศัพท์มันจะประมวลผลค่าแสงอะไรต่างๆ ให้อัตโนมัตินั่นเอง เปิดปุ๊มถ่ายได้เลยไม่ต้องคิดอะไรมาก

     2. หมวดโปร อันนี้จะเหมือนกับระบบ Manual ของกล้อง DSLR นั่นเอง คือเพื่อนๆ จะสามารถปรับค่ารายละเอียดต่างๆ ได้เองหมดเลยไม่ว่าจะเป็น ค่า ISO ค่าชดเชยแสง ค่าสมดุลแสงสีขาว (White Balance) ที่สำคัญสามารถใส่ฟิลเตอร์ก่อนถ่ายภาพได้ด้วยนะ เฮ้ย..!! ผมชอบอันนี้อ่ะ...

     3. โหมดโฟกัสที่เลือก อันนี้อธิบายง่ายๆ ตามภาษาคนธรรมดาทั่วไปก็คือการเลือกโฟกัสแบบหน้าชัดหลังเบลอ หรือจะเอาแบบหน้าเบลอหลังชัดอะไรประมาณนี้ครับ คุณสมบัติก็น่าสนใจไม่แพ้กันเพียงแต่ว่ามันไม่ได้ถือว่าใหม่สำหรับมือถือในยุคนี้

     4. โหมดพาโนรามา โหมดนี้ก็อย่างที่รู้กันนะครับว่ามันเป็นการถ่ายภาพเก็บบรรยากาศแบบยาวๆ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพวิว หรือสถานที่มากเลยทีเดียว (ไม่เหมาะสำหรับถ่ายภาพที่มีการเคลื่อนไหวนะครับ เดี๋ยวจะเห็นเป็นชัตเตอร์ กดติดวิญญาณกันเลยทีเดียว) แต่บอกไว้เลยว่าโหมดพาโนรามาในเจ้า Galaxy S6 นี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะว่ามันสามารถถ่ายได้รอบตัวหรือ 360 องศาเลยนั่นเอง (ปกติรุ่นก่อนจะถ่ายได้ประมาณ 4-6 เฟรม) แล้วระบบก็จะทำการประมวลผลภาพออกมาได้อย่างเนียนเลยล่ะครับ ^^

     5. โหมดเคลื่อนไหวช้า หรือ การถ่ายภาพแบบ Slow motion นั่นเอง (แต่สามารถเปิดดูได้กับ Galaxy S6 โดยเฉพาะเท่านั้นนะ ถ้าเอาไปเปิดกับเครื่องเล่นอื่นก็จะเป็นภาพวีดีโอธรรมดาที่กระตุกอีกต่างหาก) ผมว่าโหมดนี้ก็เหมือนกับการที่เราถ่ายวีดีโอนี่แหละ แต่ถ้าถ่ายให้ดีๆ บวกกับความคิดสร้างสรรค์เข้าไปสักหน่อยล่ะก็ทำออกมาเป็นหนังได้สบายๆ เลย

     6. โหมดเคลื่อนไหวเร็ว อันนี้จะตรงข้ามกับโหมดด้านบนครับคือจะเป็นการถ่ายวีดีโอแบบ Speed motion นั่นเอง

     7. โหมดช็อตเสมือนจริง โหมดนี่ทางซัมซุงทำออกมาได้น่าสนใจมากเลยครับ เหมือนกับถ่ายภาพดอลลี่เลย ประมาณว่ามีพระเอก นางเอกอยู่ตรงกลางแล้วเราถ่ายวีดีโอวนไปรอบตัวของคู่พระนาง...โอ้ย!! บอกเลยว่าฟิน...

กล้องหน้า (5 ล้านพิกเซล f1.9)

     สำหรับกล้องหน้าทางซัมซุงเองก็ทำมาได้ดีเช่นเดียวกัน ทั้งการปรับสมดุลของภาพที่จะไม่เอียง ไม่อ้วน ไม่เบี้ยวอีกต่อไปแล้วเวลาที่เราถ่ายภาพเซลฟี่กันหลายๆ คน (เจ๋งเนอะ..!!) ที่สำคัญคือมันทำได้ดีทั้งการถ่ายภาพนิ่ง แล้วก็วีดีโอเลยทีเดียว ส่วนโหมดการถ่ายภาพสำหรับกล้องหน้าจะมีน้อยกว่ากล้องหลังหน่อยนะครับ

     ซึ่งถ้าหากใครอยากได้โหมดต่างๆ เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปโหลดเพิ่มเติมกันได้ แต่ว่าเพื่อนๆ จะต้องสมัคร Samsung Account ด้วยนะครับถึงจะดาวน์โหลดได้ เอาล่ะเรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีโหลดไหนบ้าง

     1. โหมดถ่ายภาพตนเอง โหมดนี้สร้างขึ้นมาสำหรับคนที่รักการเซลฟี่เป็นชีวิตจิตใจเลยล่ะครับ เพราะมันจะทำให้หน้าคุณเนียน ใส ไส้สิวฟ้า หรือแม้กระทั่งจุดด่างดำ แต่ก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งนะฮะ ถ้าหน้าเป็นหลุมเป็นบ่อมาเหมือนผิวดวงจันทร์ก็ไม่สามารถช่วยได้เท่าไหร่เหมือนกัน แต่ก็ดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน (ดั่งที่ชาวเซลฟี่ได้กล่าวไว้ว่า "กล้องที่ดีจะต้องสามารถเปลี่ยนผีให้กลายเป็นคนได้" นะจ๊ะ!!)

     2. โหมดถ่ายภาพตนเองแบบหมู่ อันนี้ความสามารถก็จะเหมือนกับข้างบนเพียงแต่ว่าขณะที่เราถ่ายจะต้องส่ายกล้องไปยังทางซ้าย และขวานิดหน่อยเพื่อให้เก็บภาพทุกคนได้ครบ จากนั้นระบบก็จะทำการประมวลผลภาพให้ใหม่จนกลายมาเป็นภาพเซลฟี่หมู่ที่สมบูรณ์แบบเลยล่ะ

     3. โหมดช็อตเสมือนจริง อันนี้ความสามารถจะต่างจากกล้องหลังนิดหน่อยตรงที่ของกล้องหลังจะเป็นการถ่ายภาพดอลลี่รอบๆ วัตถุ แต่ของกล้องหน้าจะเป็นการถ่ายภาพดอลลี่ฉากหลัง โดยขณะที่เราถ่ายก็เพียงแค่ยื่นมือที่ถือโทรศัพท์ออกไปด้านหน้าแล้วก็หมุนรอบตัวเองไปเรื่อยๆ

     4. โหมดช็อตเว้นช่วง โหมดนี้จะเหมือนกับการที่เราถ่ายรูปสติ๊กเกอร์คือจะถ่ายเป็นช็อตๆ แล้วเปลี่ยนท่าทางไปเรื่อยๆ ได้ทั้งหมด 4 ท่าทางด้วยกัน เมื่อถ่ายเสร็จก็จะมีรูปที่เราถ่ายแสดงออกมาให้เรากดเลือกได้ด้วยว่าเราจะเก็บรูปไหนไว้ตามภาพด้านล่างเลยครับ

ดาวน์โหลดโหมดกล้องเพิ่มเติม

     อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้นะครับว่าโหมดของกล้องเราสามารถเข้าไปโหลดเพิ่มเติมได้จากใน Store เพียงแต่ว่าต้องมี Samsung Account ก่อนนะ เมื่อเข้าไปแล้วก็จะมีโหมดต่างๆ ให้โหลดมาใช้ตามความต้องการเลยครับ แถมยังมีการจัดเรตติ้งความนิยมของโหมดแต่ละอันอีกด้วย

การใส่ Effect ภาพ

     ก่อนที่เราจะถ่ายเราสามารถใส่ Effect ต่างๆ เข้าไปได้นะครับ โดยเอานิ้วจิ้มไปที่รูปไม้คฑาข้างๆ โหมด HDR น่ะ (อย่าสับสนกับ Filter ในโหมดโปรนะฮะ ถึงแม้ว่ามันจะคล้ายกันแต่มันก็เป็นคนละตัวกันนะ...)


เปรียบเทียบภาพถ่ายระหว่างเปิด - ปิดโหมด HDR


    

ตัวอย่างภาพถ่าย (ไม่มีการตกแต่งใดๆ ทั้งสิ้นนะจ๊ะ!!)

ว่าด้วยเรื่องของเกมส์ (คราวนี้ขอเอาใจคอเกมส์อย่างเราๆ บ้างเนอะ อิอิ)

     กว่าเราจะตัดสินใจซื้อสมาร์ทโฟนราคาแพงๆ ทั้งทีสิ่งที่ต้องการของคอเกมส์ส่วนมากคือสเปคที่แรงๆ เทพๆ ใช่ไหมล่ะ เพราะเดี๋ยวนี้วงการเกมส์ได้พัฒนาไปไกลมากทีเดียว เนื่องจากสมัยนี้สมาร์ทโฟนคือสิ่งที่จะติดตัวพวกเราไปทุกๆ ที่ อยู่ที่ไหนก็คว้ามาเล่นได้ตลอดเวลา ดังนั้นการสร้างเกมส์ออกมารองรับบนสมาร์ทโฟนเยอะๆ นั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกไปเลย

     ซึ่งเกมแต่ละเกมนั้นก็มีความต้องการทรัพยากรภายในเครื่องแตกต่างกันไป และ ณ ที่นี้ขอรีวิวเจ้า Galaxy S6 นี้กับเกมส์ที่มันมหาโหด อีกทั้งใช้ทรัพยากรขั้นเทพมาใช้ในการทดสอบประสิทธิภาพในการเล่นเกมส์ก็แล้วกันนะฮะ (เปิดการใช้งาน Effect แบบสูงสุดให้มันได้รู้กันไปเลยว่าจะหมู่ หรือจ่า...อิอิ)

เริ่มด้วยเกมแข่งรถที่ต้องมีติดไว้กันทุกเครื่อง Asphalt 8 Airborne


แล้วตามด้วย Robocop ที่ใช้กราฟฟิกเยอะไม่แพ้กัน


     ทั้ง 2 เกมส์ที่ได้ลองเล่นมาก็พบว่ามันลื่นไหลดีครับ ทั้งๆ ที่เปิดการใช้งานกราฟฟิกสูงสุด คุณภาพของเสียงก็ดีในระดับหนึ่งครับ แต่ต้องขออภัยเพื่อนๆ ทุกท่านนะฮะที่ทดสอบการเล่นเกมส์น้อยไปหน่อยเนื่องจากผู้เขียนเล่นเกมได้เก่งมาก ตายเป็นว่าเล่น (ประมาณว่าเล่นได้กากเกิ้นนน..!!) นอกนั้นเกมที่เล่นก็เป็นเกมธรรมดาทั่วๆ ไปอย่างเช่นเกมส์จาก WeChat จาก Garena จาก Facebook เป็นต้น ซึ่งมันเล่นได้ลื่นไหลอยู่แล้วล่ะ ด้วยเสปคระดับนี้บอกเลยว่าสบาย...

หน้าตาย่อยต่างๆ ของเจ้า Galaxy S6

     ตอนแรกว่าจะข้ามตรงส่วนนี้ไปนะครับเนื่องจากว่าเป็นหน้าตาการใช้งานสไตล์ UI ของซัมซุง แต่มันดันไปสะดุดกับหน้าตาการใช้งานบางส่วนที่ผมว่ามันสวยงามดีครับ แล้วก็เป็นประโยชน์ สามารถใช้งานได้จริง บางหน้าต่างอาจจะเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าที่เคยออกมาแล้วนะครับ เอาเป็นว่าไปดูกันเลยดีกว่า ^^

    

สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อเจ้า Galaxy S6 มาใช้งาน

1. เจ้า Galaxy S6 นี้ใช้ "นาโนซิม" นะฮะ เอาซิมขนาดอื่นมาใส่ไม่ได้นะขอบอก

2. ตอนนี้เจ้า Galaxy S6 มันถอดฝาหลังไม่ได้ ดังนั้นพวกแบตเตอรี่ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

3. เราไม่สามารถใส่ Micro SD การ์ดได้แล้วนะ แต่มาพร้อมกับขนาดความจุของตัวเครื่องเริ่มตั้งแต่ 32GB เป็นต้นไปจนถึงสูงสุดที่ 128GB เหมือนของไอโฟน (แต่ทางซัมซุงแอบบอกมาว่าการรับส่งข้อมูลระหว่างหน่วยประมวลผลกับพื้นที่เก็บข้อมูลนั้นทำได้เร็วขึ้นมาก เอาชนะคู่แข่งได้สบายๆ เลยล่ะ)

4. เจ้า Galaxy S6 มันไม่สามารถกันน้ำได้แล้วนะ อย่าเผลอเอาไปแช่น้ำเชียวล่ะ (ด้วยเหตุนี้ล่ะมั้งทางซัมซุงจึงกำหนดวันวางขายในไทยเป็นช่วงหลังสงกรานต์ อิอิ)

5. กล้องสามารถเปิดได้ไวมากเลยขอบอก และสามารถกดที่ปุ่มโฮมสองครั้งเพื่อเข้าใช้งานกล้องได้ด้วยนะ โดยทางซัมซุงแจ้งมาว่าความเร็วในการเปิดกล้องจะอยู่ที่ 0.7 วินาทีเท่านั้น (ไม่ได้ชี้ช่อง หรือชี้โพรงให้กระรอกใดๆ ทั้งสิ้นนะฮะ 555+ ผมรู้นะว่าพวกสิงมือไวทั้งหลายคิดอะไรกันอยู่...)

6. สามารถรองรับ 4G หรือ LTE ได้สบายๆ เลยแต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าบ้านเราเค้าจะประมูลคลื่นความถี่ และพร้อมให้บริการเมื่อไหร่อ่านะ...

7. ทางซัมซุงได้ทำการแก้ไขปัญหารอยนิ้วมือบนตัวเครื่องได้ในระดับนึงแล้วนะ ไม่เหมือนกับตอนที่เปิดตัวใหม่ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องจ้าง CSI มาพิสูจน์ลายนิ้วมือเลย

8. เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมดเราสามารถชาร์จเพียง 10 นาทีแต่สามารถใช้งานได้นานถึง 4 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วยนะ ถ้าเล่นเกม ดูหนัง ถ่ายรูปเยอะอันนี้ก็ต้องหมดเร็วเป็นธรรมดาอยู่แล้วล่ะ)

9. รองรับการชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger) ทั้ง 2 แบบ (มาตรฐานการชาร์จแบบไร้สายโลกจะมีอยู่ 2 แบบคือ PMA, WPC และสามารถชาร์จจนเต็มภายในเวลา 180 นาที) แต่ว่า PMA กับ WPC คืออะไรไปหาอ่านกันเอาเองเนอะ 555+

10. ซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ภายในเครื่องของเจ้า Galaxy S6 กับ Galaxy S6 Edge นั้นเหมือนกันนะฮะ แต่จะต่างกันตรงที่ความโค้งงอของขอบจอ กับฟังก์ชั่นการใช้งานบางส่วน กับความเท่ที่ต่างกันเยอะเท่านั้น อิอิ

จุดเด่น

1. เทคโนโลยีเรื่องกล้องที่พัฒนาขึ้นมาใหม่นั้นทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ พอสมควรเลยครับ มีระบบกันสั่นที่สมูทกว่าเดิม เปิดกล้องได้เร็วขึ้นเพียง 0.7 วินาที

2. มีระบบชาร์จไวซึ่งชาร์จเพียง 10 นาทีก็สามารถใช้งานได้นาน 4 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน

3. ตัวเครื่องดีไซน์ใหม่ สวยงาม หรูหรามากขึ้น จับถือกระชับ และถนัดมือดี

4. มีฟังก์ชั่นการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างครบถ้วน ไม่เยอะเกินความจำเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

5. ระบบแสกนลายนิ้วมือที่ทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม ตอบสนองได้เร็ว อีกทั้งยังมีความแม่นยำค่อนข้างสูง

6. ลำโพงทำออกมาได้เสียงดัง กังวานดี เสียงไม่แตก

7.  รองรับการชาร์จแบบไร้สายที่มีทั้ง 2 มาตรฐานในโลก ซึ่งถือว่าดีที่สุดในขณะนี้เลยล่ะ

8.  หน้าจอกันรอยขีดข่วน และกันกระแทกได้ดียิ่งขึ้น

จุดด้อย

1. เวลาเล่นเกมหนักๆ หรือดูหนัง ตัวเครื่องจะร้อนไวมาก (ถ้าคิดในแง่ดี มันอาจจะระบายความร้อนได้ไวก็ได้เนอะ อิอิ)

2. เพิ่ม Micro SD ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

3.  ถอดฝาหลังเปลี่ยนแบตไม่ได้ด้วยนะ

4. ต้องใช้สายชาร์จของตัว Galaxy S6 เองเท่านั้นถึงจะใช้ความสามารถชาร์จเร็วได้

5. ไม่สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

6.  ราคาเปิดตัวที่ค่อนข้างสูงไปหน่อยนะ

เจ้า Galaxy S6 นี่มันเปิดตัวที่ราคาเท่าไหร่

ราคาเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ Galaxy S6 ขนาดความจุ 32GB คือ 23,900 บาทครับ

สรุปแล้วเจ้า Galaxy S6 เนี่ยมันน่าใช้ไหม?

     แล้วเพื่อนๆ ชอบป๊ะล่ะ..? ถ้าชอบก็สอยสิฮะ รออะไรอยู่...!! ก็อยากจะบอกแบบนี้อ่านะแต่ว่ามันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างอยู่เหมือนกัน เรื่องแบบนี้มันอธิบายยากมากครับ เพราะเหตุผลของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันอยู่แล้วล่ะ (เรื่องของความรู้สึกคนเป็นเรื่องที่ Sensitive นะว่าไหม?)

     บางคนอาจจะบอกว่าซื้อมาใช้งานก็เอาไว้เล่นแค่พวกโซเชียล กับโทรเข้า รับสายเท่านั้นเอง ก็อาจจะไม่ได้จำเป็นสำหรับคนกลุ่มนี้เท่าไหร่นะครับ แต่ถ้าเพื่อนๆ เป็นคนที่ชอบเข้าสังคม ชอบความแปลกใหม่ รักที่จะเรียนรู้ Galaxy S6 ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเหมือนกันนะครับ ไม่ต้องไปเอ่ยถึงคนที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้นะครับ

     อันนั้นกระผมจะไม่ยุ่ง เพราะวถ้าขืนยุ่งไปอาจจะมีพลังงานอะไรบางอย่างย้อนกลับมาทำร้ายตัวกระผมเองก็เป็นได้ เอาเป็นว่าขึ้นอยู่กับเหตุผลส่วนบุคคลก็แล้วกันเนอะ

บทความโดย Mr. Thaizones

 

Facebook :

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

Facebook :

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

Facebook :

ติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีรอบโลกได้ที่นี่ >>> www.hitech.sanook.com

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook