พรีวิวแรก Surface 3 แท็บเล็ตที่บางและเบาที่สุดในตระกูล Surface จาก Microsoft

พรีวิวแรก Surface 3 แท็บเล็ตที่บางและเบาที่สุดในตระกูล Surface จาก Microsoft

พรีวิวแรก Surface 3 แท็บเล็ตที่บางและเบาที่สุดในตระกูล Surface จาก Microsoft
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     หลังจากที่ Microsoft ได้เปิดตัว Surface 3 รุ่นใหม่ล่าสุดไปเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งเป็นแท็บเล็ตที่สามารถทำงานได้เหมือนแล็ปท็อปเช่น เดียวกับ Surface Pro 3

     มีดีไซน์ที่คล้ายกันต่างกันที่ Surface 3 มีขนาดหน้าจอเล็กกว่าอยู่ที่ 10.8 นิ้วทำให้ตัวเครื่องบางและเบากว่า Surface ทุกรุ่นที่เคยมีมา ซึ่งทีมงาน @flashfly ก็ได้สัมผัสก่อนวางจำหน่ายจริงในประเทศไทยเพียงไม่กี่วันเท่านั้น เลยขอจะนำเอาประสบการณ์สัมผัสครั้งแรกมาฝากกัน

IMG_5939

     เมื่อเห็นตัวเครื่องต้องบอกเลยว่าเหมือนกับ Surface Pro 3 เลยรวมถึง Type Cover ด้วยเพียงแต่ย่อขนาดลงมา

IMG_5941

     ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา 622 กรัม (Surface 2 หนัก 676 กรัม) ใช้งานถือมือเดียวได้สบายๆ มีพอร์ตต่างๆให้ใช้งานครบตามคอนเซปของ Surface ไม่ว่าจะเป็น Mini Display,USB 3.0 แบบเต็มขนาด และช่องหูฟัง 3.5 มม.

IMG_5936
IMG_5990

     โดยในรุ่นนี้ได้เปลี่ยนพอร์ตชาร์จแบตเตอรี่เป็นแบบ Micro USB ขนาด 13W ซึ่งสามารถนำเอา Power Bank ที่ใช้งานกับสมาร์ทโฟนมาชาร์จกับตัวเครื่องได้อีกด้วย

IMG_5978

     ตัวเครื่องบาง 8.7 มม.เมื่อเทียบกับ Lumia 640 XL ที่บาง 9 มม. จะเห็นได้ว่า Surface 3 บางกว่าเล็กน้อย

IMG_5947

อีกด้านจะมีปุ่ม Power สำหรับปิดเปิดเครื่องและปุ่มเพิ่มลดเสียง

IMG_5944

     ด้านหลังก็จะคล้ายกับ Surface Pro 3 จะเห็นได้ว่าในรุ่นนี้เปลี่ยนโลโก้ Microsoft เป็นแบบใหม่แล้ว ไม่เอียงเหมือนแบบเดิม

IMG_5949

     ที่อีกจุดที่หน้าสนใจของ Surface 3 คือมาพร้อมกล้องดิจิตอลความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมโฟกัสอัตโนมัติ ถือว่าเป็นกล้องที่ละเอียดมากที่สุดในบรรดา Surface ที่วางจำหน่ายมา พร้อมฟีเจอร์การถ่ายภาพ Samrt Camera ที่คล้ายกับแอพกล้องของ Lumia ส่วนกล้องหน้าถูกลดความละเอียดลงมาที่ 3.5 ล้านพิกเซล

IMG_5952

     ด้านหลังมีขาตั้งที่สามารถปรับเอนได้ 3 ระดับจากเดิมที่ Surface 2 ปรับได้ 2 ระดับเท่านั้น

IMG_5984

     เหมาะสำหรับการทำงานวางบนตักมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นเดิมพอสมควร

IMG_5950

     ตำแหน่งที่ใส่ Micro SD อยู่ที่ตำแหน่งเดียวกับ Surface 2 รองรับสูงสุด 64GB แต่ถ้าใครมี 128GB ก็สามารถนำมาใช้งานได้เช่นกัน

IMG_5956

     ทางด้านสเปคนั้น Surface 3 ใช้หน่วยประมวลผล Intel Atom x7 แบบ Quad Core รุ่นแรกซึ่งทาง Microsoft บอกว่าใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง จากการทดสอบเปิดเว็บ ทำงานเอกสารทั่วไป และใช้งานแอพบน Windows 8.1 ถือว่าลืนไหลเป็นอย่างดี

IMG_5961

     หน้าจอแสดงผล ClearType HD ขนาด 10.8 นิ้ว ความละเอียด Full HD พร้อมลำโพงสเตอริโอระบบ Dolby Audio ใช้วัสดุแมกนีเซียมเช่นเดียวกับ Surface Pro 3 และยังมาพร้อม Office 365 Personal ใช้งานได้ฟรี 1 ปี ประกอบด้วยโปรแกรม Outlook, Word, Excel, PowerPoint และ OneNote พร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลบน OneDrive อีก 1TB เลยทีเดียว

IMG_5975

     Surface 3 นั้นมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 8.1 ตัวเต็มที่ติดตั้งไฟล์ EXE ได้เช่นเดียวกับ Surface Pro 3 และยังสามารถอัพเกรดเป็น Windows 10 ได้ในอนาคตอีกด้วย โดยรุ่น 64GB จะมีแรม 2GB และรุ่น 128GB จะมีแรม 4GB

IMG_5964

     การใช้งานปากกา Surface Pen ก็สามารถวางมือบนหน้าจอได้แบบเดียว Surface Pro 3 ทั้งฟีเจอร์กดปุ่มที่ด้ามปากกาสองครั้งจะเป็นการจับภาพหน้าจอแล้วเปิด One Note ขึ้นมาแล้วสามารถขีดเขียนได้ทันที หรือถ้าปิดหน้าจออยู่ก็จะเป็นการเปิด OneNote ขึ้นมาจดได้ทันที ส่วนขนาดหัวปากกานั้นสามารถปรับแต่งค่าต่างๆได้

IMG_5966
IMG_5962

     Surface 3 Type Cover ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายสี Trackpad และแป้นพิมพ์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เพื่อความถูกต้องและแม่นยำในการพิมพ์มากขึ้น สามารถปรับระดับความลาดเอียงของแป้นพิมพ์ได้ 2 ระดับเช่นเดียวกับ Surface Pro 3

IMG_5938

     Surface Pen รุ่นใหม่ ไม่แถมมาในชุดจำหน่ายแบบ Surface Pro 3 มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเงิน สีดำ สีฟ้า และสีแดง ใช้แบตเตอรี่เป็นถ่านขนาดเล็กแบบ AAAA และยังมี Docking Station รุ่นเฉพาะ Surface 3 วางจำหน่ายอีกด้วย

IMG_5992

     ส่วนทางด้านอุปกรณ์เสริมเชื่อมต่อกับจอภายนอกนั้น Surface 3 ก็รองรับการใช้งานเช่นเดียวกับ Surface Pro 3

IMG_5986

     Surface 3 จะเริ่มวางจำหน่ายทางการแล้วราคาเริ่มต้นที่ 17,400 บาท ในรุ่นความจุ 64GB ส่วนรุ่นความจุ 128GB นั้นราคา 21,400 บาท แน่นอนว่าราคาดังกล่าวยังไม่รวม Type Cover ราคา 4,490 บาทและ Surface Pen อีก 1,790 บาทใครอยากจัดครบเซ็ตต้องเตรียมจ่ายอย่างน้อย 23,680 บาท ส่วนรีวิวแบเต็มๆนั้นต้องรอทาง Microsoft ส่งเครื่องมาให้ทีมงานรีวิวอีกครั้ง

บทความโดย - www.flashfly.net

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook