บทสัมภาษณ์ผู้บริหาร BMW หลัง Apple เข้าไปคุยโปรเจค Apple Car

      จากข่าวเก่าที่ว่าแอปเปิลสนใจใช้ BMW i3 เป็นฐานพัฒนารถยนต์ของตัวเอง ที่ Tim Cook และผู้บริหารระดับสูงได้ไปเยี่ยมชมโรงงาน BMW ที่ประเทศเยอรมันเมื่อปีที่แล้ว และล่าสุดโปรเจคนี้ได้มีความคืบหน้าแล้ว โดยผู้บริหารต่าง ๆ ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Reuters

      การเปลี่ยนแปลงหลังจากที่แอปเปิลได้ไปเยี่ยมชมโรงงานนั่นก็คือ Harald Krueger บอร์ดผู้บริหาร ได้โยกย้ายมานั่งเก้าอี้ CEO ของบริษัท BMW เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และ Herbert Diess ที่ย้ายมาจาก Volkswagen มานั่งตำแหน่งบอร์ดการพัฒนาและทำหน้าที่ประสานงานกับแอปเปิลโดย เฉพาะ

      หลังจากที่ Diess ย้ายเข้ามา เขาก็ได้เปลี่ยนเป้าหมายใหม่ให้รถรุ่นต่อไปจากที่เคยเน้นใน เรื่องการรูปลักษณ์ และออกแบบ เปลี่ยนมาเป็นผลิตรถอัจฉริยะ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแทน ซึ่งเขาคาดการว่าในปี 2030 นั้น รถรุ่นใหม่ ๆ จะหันมาเป็นรถ Hybrid และที่ใช้ไฟฟ้ามากขึ้น

      เขายังบอกอีกว่า เทรนด์รถอัจฉริยะกำลังจะมา โดยรถในอนาคตจะต้องต่ออินเตอร์เน็ตได้ และในการพัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับรถนั้นเราจึงจำเป็นต้องหาพาร์ทเนอร์เจ๋ง ๆ มาร่วมงานด้วย ซึ่งแอปเปิลอาจจะมาเป็นพาร์ทเนอร์ให้กับ BMW เพื่อทำหน้าที่พัฒนาซอฟแวร์ก็เป็นได้

      และในตอนนี้ผู้ผลิตรถยนต์รวมถึง BMW ด้วย ต่างก็สนใจพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์และแผนที่ที่มีความละเอียดสูง เพื่อคำนวณเส้นทางไม่ให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้กำลังเป็นที่ถกเถียงกันในเรื่องข้อบังคับและกฎหมายต่าง ๆ

      Klaus Froehlich หัวหน้าในส่วน R&D ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า BMW กับ Apple นั้นต่างเป็นแบรนด์ที่โฟกัสในผลิตภัณฑ์แบบพรีเมียมเหมือนกัน และหวังว่าทั้งสองบริษัทจะร่วมมือกันปฏิวัติวงการรถยนต์ใหม่ ทั้งด้านดีไซน์และเทคโนโลยีสุดล้ำ

      และเขายังบอกอีกว่าเราจะไม่ยึดติดหรือบังคับว่าจะต้องใช้ไอโฟนของแอปเปิล ในระบบรถรุ่นใหม่ ๆ ของบริษัท เราจะยินดีที่จะเปิดให้รายอื่น ๆ มาพัฒนาซอฟแวร์ให้กับรถรุ่นใหม่ของ BMW ได้

      Peter Schwarzenbauer บอร์ดด้านการจัดการของ BMW ให้ความเห็นว่า BMW และ Apple เป็นเหมือนหยินกับหยางที่จะมาจับมือร่วมกัน โดยที่ BMW เป็นบริษัทที่เน้นเรื่องฮาร์ดแวร์และทำให้ชีวิตซับซ้อนยุ่งยาก แต่แอปเปิลเป็นผู้เชียวชาญเรื่องเทคโนโลยีและจะทำให้ความยุ่งยากของ BMW นั้นสามารถเข้าถึงชีวิตของทุกคนได้

      สุดท้ายก็ต้องคอยดูดีลของบริษัทยักษ์ใหญ่ 2 บริษัทนี้ว่าจะเป็นอย่างไร จะมี Apple Car ตามที่ทุกคนตั้งตารอหรือไม่ ต้องคอยติดตามกัน

      ที่มา – Business Insider

      สนับสนุนเนื้อหา: www.macthai.com