เคล็บลับการเพิ่มความแรงของสัญญาณมือถือ สัญญาณอ่อน สัญญาณหาย จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!

เคล็บลับการเพิ่มความแรงของสัญญาณมือถือ สัญญาณอ่อน สัญญาณหาย จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!

เคล็บลับการเพิ่มความแรงของสัญญาณมือถือ สัญญาณอ่อน สัญญาณหาย จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

      ทุกวันนี้เมื่อสมาร์ทโฟนเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของเราทุกคน ทำให้การสื่อสาร และการติดต่อผู้อื่นเป็นไปด้วยความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่หลายๆ คนคงเคยประสบปัญหาโทรศัพท์มือถือไม่มีสัญญาณ หรือสัญญาณไม่ดี จนทำให้การคุยโทรศัพท์เต็มไปด้วยความยากลำบาก และอาจสื่อสารกันไม่รู้เรื่องจนนำไปสู่ความเข้าใจที่ผิดพลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องส่วนตัว, ธุรกิจ หรือเรื่องที่สำคัญมากๆ

      วันนี้ทีมงาน Thaimobilecenter จึงได้ทำการรวบรวมวิธีตรวจสอบ และเคล็ดลับการเพิ่มความแรงของสัญญาณมือถือมาให้ผู้อ่านทุกท่านได้นำไปปรับใช้ เพื่อให้การสื่อสารของเราเป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีติดขัด จะมีวิธีการใดบ้างนั้นไปติดตามชมพร้อมกันได้เลยครับ

1. ค่าสัญญาณระดับไหนจึงจะถือว่าดี?


      หน่วยแสดงค่าสัญญาณคือ dBm ย่อมาจาก decibel milliwatts โดยระดับสัญญาณมาตรฐานที่สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นนั้นอยู่ที่ประมาณ -70 dBm หากมากกว่าก็ยิ่งดี แต่ถ้าหากต่ำกว่าแสดงว่าพื้นที่บริเวณนั้นสัญญาณอ่อน และถ้าต่ำกว่า -100 dBm แสดงว่าพื้นที่บริเวณนั้นไม่มีสัญญาณ (Dead Zone)

      ความแตกต่างของระดับสัญญาณแม้เพียงนิดเดียวก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากสัญญาณโทรศัพท์ของคุณอยู่ที่ -105 dBm และคุณสามารถหาพื้นที่ที่ระดับสัญญาณเพิ่มขึ้นมาเป็น -95 dBm ได้ นั่นหมายความว่าสัญญาณของคุณจะดีขึ้นกว่าเดิมถึง 10 เท่า! หรือถ้าหากสัญญาณเดิมอยู่ที่ -105 dBm และสามารถเพิ่มขึ้นเป็น -75 dBm ได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าสัญญาณจะแรงขึ้นเพียงแค่ 30 เท่า แต่สัญญาณโทรศัพท์ของคุณจะแรงขึ้นกว่าเดิมถึง 1000 เท่า! เลยทีเดียว

2. ตรวจสอบความแรงของสัญญาณโทรศัพท์


      คุณสามารถตรวจสอบระดับความแรงของสัญญาณโทรศัพท์แบบที่เป็นตัวเลขได้ง่ายๆ โดยถ้าหากคุณใช้ iPhone ให้กดหมายเลข *3001#12345#* แล้วกดโทรออก จะปรากฏหน้าจอ Field Test ขึ้นมา และตรงมุมซ้ายบนที่เคยเป็นแถบแสดงระดับสัญญาณโทรศัพท์ จะกลายเป็นตัวเลขบอกระดับสัญญาณแทน


      ถ้าหากคุณใช้สมาร์ทโฟนระบบ Android สามารถตรวจสอบระดับสัญญาณได้โดยการกดเข้าไปที่ Settings > About Phone > Status และดูค่าสัญญาณที่ Signal Strength

3. OpenSignal แอปพลิเคชันที่ช่วยตรวจสอบแหล่งที่มาของสัญญาณ


      คุณสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันดังกล่าวได้ใน Play Store (หรือคลิกที่นี่) เมื่อดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้วให้กดเข้าแอปพลิเคชัน และกดไปที่รูปเสาสัญญาณด้านซ้าย จากนั้นจะเข้าสู่หน้าจอแผนที่ที่แสดงเสาสัญญาณในบริเวณนั้นๆ โดยจะปรากฏเส้นเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟนของคุณกับเสาสัญญาณเข้าด้วยกัน เพื่อแสดงว่าสมาร์ทโฟนของคุณกำลังรับสัญญาณจากเสาต้นนี้

4. เพิ่มความแรงด้วยการ Reboot สัญญาณใหม่

      ถ้าหากว่าสมาร์ทโฟนของคุณเกิดไม่มีสัญญาณ ทั้งๆ ที่บริเวณนั้นก็ไม่มีอะไรมากีดขวางสัญญาณแม้แต่น้อย ให้คุณลองรีบูทสัญญาณโทรศัพท์ใหม่ด้วยการเปลี่ยนโหมดเป็น Airplane Mode ประมาณ 3 วินาที และกลับมาใช้โหมดปกติ หรือวิธีที่ง่ายกว่านั้นแต่อาจจะเสียเวลากว่านิดหน่อยก็คือ การรีสตาร์ทโทรศัพท์

5. แบตเตอรี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สัญญาณแย่


      ตรวจสอบระดับพลังงานแบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟนของคุณด้วย เพราะว่าหากแบตเตอรี่ใกล้หมดจะส่งผลถึงการเชื่อมต่อสัญญาณที่ไม่เสถียร และทำให้การคุยโทรศัพท์ของคุณติดๆ ดับๆ ได้ ทางแก้ที่ดีที่สุดก็คือ ชาร์จแบตเตอรี่ให้มีพลังงานมากขึ้นก่อนที่จะใช้งานต่อไป

6. การเปิดหน้าต่างช่วยคุณได้อย่างคาดไม่ถึง

      การใช้โทรศัพท์ในยานพาหนะเช่น รถยนต์ ก็อาจประสบปัญหานี้ได้เช่นกัน เพราะรถยนต์ก็เปรียบเสมือนกล่องเหล็กใบใหญ่ๆ ที่อาจปิดกั้นสัญญาณโทรศัพท์ เพราะฉะนั้นหากต้องใช้โทรศัพท์จริงๆ ลองลดกระจกลงสักนิด สัญญาณจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

      ไม่เพียงแต่ในยานพาหนะเท่านั้น ถ้าอยู่ในอาคารบางแห่ง โทรศัพท์อาจจะไม่มีสัญญาณก็เป็นได้ เพราะเหตุว่าโครงสร้างของอาคารนั้นๆ อาจมีวัสดุที่ปิดกั้นสัญญาณโทรศัพท์ เช่น อะลูมิเนียม หรือโลหะต่างๆ ดังนั้นทางแก้ที่ง่ายที่สุดก็คือการเปิดหน้าต่างให้มีช่องทางที่สัญญาณโทรศัพท์สามารถผ่านเข้ามาได้

7. สัญญาณ Wi-Fi ก็แรงไม่แพ้สัญญาณโทรศัพท์


      ถ้าคุณทำทุกวิธีแล้วยังไม่มีสัญญาณโทรศัพท์แม้แต่น้อย หากแถวนั้นมีจุดบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi Hotspot) ให้คุณลองเปลี่ยนมาโทรศัพท์ด้วยสัญญาณ Wi-Fi ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น LINE Call, Facebook หรือ Skype รับรองว่าดีกว่าใช้สัญญาณโทรศัพท์แน่นอน

      เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ข้างต้น ถึงแม้ว่าในปัจจุบันผู้คนในสังคมจะสื่อสารผ่านช่องทางการพิมพ์ หรือคุยแชทกันมากกว่าที่จะโทรศัพท์หากันเหมือนสมัยก่อน แต่ไม่ว่าอย่างไรสัญญาณอินเทอร์เน็ตในโทรศัพท์มือถือก็ยังคงมาจากสัญญาณโทรศัพท์อยู่ดี

      ทางทีมงาน Thaimobilecenter จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้อ่านคงจะได้รู้ถึงแนวทางใหม่ๆ ในการตรวจสอบ และแก้ปัญหาเวลาที่โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณกันนะครับ แล้วพบกันใหม่กับเคล็ดลับเด็ดๆ ในบทความหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

นำเสนอทิป&ทริคโดย : Thaimobilecenter.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook