โพสต์เฟซบุ๊กอย่างไร ไม่ถูกฟ้อง-ไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ?

โพสต์เฟซบุ๊กอย่างไร ไม่ถูกฟ้อง-ไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ?

โพสต์เฟซบุ๊กอย่างไร ไม่ถูกฟ้อง-ไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ที่ปรึกษากฎหมาย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ในฐานะกรรมาธิการยกร่าง พ.ร.บ.คอมฯ เขียนบทความผ่านเพจ  CSI ThaiElaws เรื่อง โพสต์เฟซบุ๊กอย่างไร ไม่ให้ผิดกฎหมาย ระบุ เจ้าของเฟซบุ๊กควรหมั่นตรวจสอบเฟซบุ๊กของตนเองและลบข้อมูลที่ผิดกฎหมายออก

จากบัญชีเฟซบุ๊กตนเองโดยเร็ว หากพบข้อความที่ปลอมหรือเป็นเท็จหรือที่ผิดกฎหมายอันเกิดจากเพื่อน (Friend) หรือบุคคลอื่นมาโพสต์หรือแชร์ข้อความหรือติดแท็ก (Tag) ในเฟซบุ๊กของตนเองควรทำการ Block หรือ Report ไปยังเฟซบุ๊กโดยทันที รายละเอียดส่วนหนึ่งมีดังนี้ 


การโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในลักษณะอย่างไรที่ควรหลีกเลี่ยง พร้อมเสนอแนวทางป้องกันการถูกฟ้องร้องดังนี้

(1) การเผยแพร่ข้อความอย่างไรในเฟซบุ๊กที่ถือว่าเป็นข้อความ “ปลอม”หรือ”เท็จ”ตาม พ.ร.บ.คอมฯ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ถือเป็นข้อความปลอมหรือเท็จที่ผิดตามมาตรา 14 ของ พ.ร.บ.คอมฯ จะมีลักษณะดังนี้
           1. ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปลอมหรือเป็นเท็จที่เกิดจากการทำฟิชชิ่ง (Phishing) เพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น การทำฟิชชิ่ง (Phishing) คือ การสร้างเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊กปลอมที่มีหน้าตาเหมือนกับเว็บไซต์จริง โดยส่วนใหญ่มักเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงิน อาทิ สร้างเว็บไซต์ของธนาคาร X ปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกลูกค้าของธนาคารให้กรอกข้อมูล ชื่อผู้ใช้ (Username) รหัสผ่าน (Password) เลขประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์ เป็นต้น 
            2. ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปลอมหรือเป็นเท็จที่เกิดจากการปลอมแปลงชื่อบุคคล รูปภาพบุคคล หรือฐานะของบุคคลบนระบบคอมพิวเตอร์ (Identity Fraud) คือ การสร้างเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊กปลอม โดยปลอมเป็นศิลปิน ดารา หรือผู้มีชื่อเสียงเพื่อให้บุคคลอื่นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ในเรื่องลามกอนาจารทางเพศ หรือได้รับความอับอาย หรือเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สิน 
            3. ข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปลอมหรือเป็นเท็จในลักษณะที่เป็นข้อความปลอมหรือเท็จ ที่ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย ข้อมูลในลักษณะนี้บางครั้งข้อมูลปลอมหรือเท็จบางส่วนอาจเป็นความผิดทั้ง พ.ร.บ.คอมฯ และความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาทได้ เช่น นายบีได้อ้างว่าตนเป็นนางสาวเอและเผยแพร่ข้อความในระบบอินเตอร์เน็ตว่านาง สาวเอขายบริการทางเพศ การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดตามมาตรา 14 (1) และเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วย

(2) เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก (Facebook Account-User) มีหน้าที่ตามกฎหมายอย่างไรตาม พ.ร.บ.คอมฯ
ในกรณีที่เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กหากนำข้อความอันเป็นเท็จมาปรากฎอยู่เฟซบุ๊กของ ตนให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้อาจถือว่าเป็นการกระทำความ ผิดฐาน“นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลผิดกฎหมายตามมาตรา 14 (1) (2) (3) (4) หรือเผยแพร่ส่งต่อข้อมูลที่เป็นเท็จตาม (5)” นอกจากนี้เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวยังอาจมีความผิดตามมาตรา 3 และมาตรา 15 ของ พ.ร.บ.คอมฯ ได้ เนื่องจากเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือบริษัทต่างๆ ถือเป็น “ผู้ให้บริการ” ตามนิยามในมาตรา 3 ของ พ.ร.บ.คอมฯ เพราะเจ้าของเฟซบุ๊กแต่ละรายถือว่าอำนวยความสะดวกให้บุคคลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน (Friend) หรือเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กอื่นสามารถติดต่อส่งผ่านข้อมูลคอมพิวเตอร์ระหว่าง กันทางโปรแกรมเฟซบุ๊กของตนเองบนอินเตอร์เน็ต

เหตุผลที่เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กแต่ละรายต้องรับผิด เนื่องจากเจ้าของเฟซบุ๊กถือเป็นผู้ดูแลข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควม คุมดูแลในเฟซบุ๊ก Account ของตนเอง ซึ่งผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กแต่ละรายมีหน้าที่ต้องตรวจสอบ (Monitor) ไม่ให้ในเฟซบุ๊กของตนเองหรือระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ของตนเองที่ส่งผ่านมือถือ พีซี หรืออุปกรณ์โทรคมนาคมอื่นๆปรากฎข้อมูลที่ปลอม เท็จ เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ผิดกฎหมาย เมื่อเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กแต่ละรายพบข้อมูลที่ผิดกฎหมาย เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก(มีหน้าที่ตามกฎหมาย)ต้องลบข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าว ออกจากหน้าเฟซบุ๊กของตนเองโดยเร็ว มิฉะนั้น อาจถือว่าเจ้าของเฟซบุ๊กอาจมีความผิดตามมาตรา 15 ของ พ.ร.บ.คอมฯ
 
(3) การกดไลค์ (Like) หรือกดแชร์ (Share) ข้อมูลที่เป็นเท็จผิดกฎหมายหรือไม่
การกดไลค์ (Like) เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญในการที่บุคคลทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็น ได้ว่าตนเองชอบ (Like) ไม่ชอบ (Dislike) โดยปกติไม่ถือว่าเป็นความผิดตาม พรบ.คอมฯ (เว้นแต่อาจเป็นความผิดฐานผู้สนับสนุนในความผิดเรื่องความมั่นคงตามกฎหมาย ฉบับอื่น) ขณะที่การกดแชร์ (Share) อาจถือได้ว่าเป็นการเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จตามมาตรา 14(5) พรบ.คอมฯ เพราะทำให้บุคคลที่เป็นเพื่อน (Friend) หรือบุคคลทั่วไปเข้าถึงข้อมูลเท็จดังกล่าวได้

วิธีป้องกันการถูกฟ้องร้อง เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กควรดำเนินการ ดังนี้

(1) หมั่นตรวจสอบเฟซบุ๊กของตนเองและลบข้อมูลที่ผิดกฎหมายดังกล่าวออกจากบัญชี เฟซบุ๊กตนเองโดยเร็วและกำหนดเงื่อนไข (Term & Condition) ในเรื่องระยะเวลาในการลบข้อมูล (Take Down Notice Policy) โดยระบุ Email Address หรือที่ถูกที่สามารถติดต่อเพื่อลบข้อความไว้ในเฟซบุ๊ก
(2) หากพบข้อความที่ปลอมหรือเป็นเท็จหรือที่ผิดกฎหมายอันเกิดจากเพื่อน (Friend) หรือบุคคลอื่นมาโพสต์หรือแชร์ข้อความหรือติดแท็ก (Tag) ในเฟซบุ๊กของตนเองควรทำการ Block หรือ Report ไปยังเฟซบุ๊กโดยทันที
กรณีดังกล่าวข้างต้นหากเจ้าของเฟซบุ๊กทุกรายดำเนินการดังกล่าวก็สามารถ ป้องกันความรับผิดตาม พ.ร.บ.คอมฯ ได้และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการบังคับใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ  

 

ที่มา : CSI ThaiElaws


สนับสนุนเนื้อหา: news.voicetv.co.th



แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook