เมื่อเทรนด์ ไมโคร แฮก "เซ็กซ์ทอย"

คอลัมน์ IT.Talentz โดย siripong@kidtalentz.com

เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในงานCeBIT ที่ฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมนี "เทรนด์ ไมโคร" บริษัทด้านความปลอดภัยในแวดวงไอทีที่มีชื่อเสียงระดับโลก เชิญนักข่าวมาร่วมการแถลงข่าวที่จัดขึ้น โดยในการแถลงข่าวจัดให้มีการสาธิตที่ชวนให้ตื่นตาตื่นใจ ด้วยการนำเอาอุปกรณ์เซ็กซ์ทอยสีชมพูมาตั้งไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็พิมพ์คำสั่งไม่กี่บรรทัดจากแล็ปทอป ทำให้เซ็กซ์ทอยที่ว่านั้นเกิดอาการสั่นสะเทือนขึ้นมาเอง

ดูเผิน ๆ เหมือนการเล่นตลก แต่โดยเนื้อหาที่ "เทรนด์ ไมโคร" พยายามจะสื่อนั้นไม่ตลกเลย เพราะมันคือการแฮกผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไปยังเซ็กซ์ทอยสมัยใหม่ ที่เชื่อมโยงตัวมันเองเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต

ทุกวันนี้เราอยู่ในโลกที่อุปกรณ์ต่าง ๆนานาชนิดเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ไม่เพียงคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่อุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมไปถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุตสาหกรรม กลายเป็นคอนเน็กเต็ด ดีไวซ์กันไปหมด มันมาพร้อมกับความสะดวกสบายในการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงสำหรับการถูกโจมตีไซเบอร์ไปด้วย

ช่องโหว่หรือจุดอ่อนที่มีอยู่ในตัวอุปกรณ์ ซึ่งอาจจะมาจากความไม่ละเอียดรอบคอบของผู้ใช้งาน ทั้งผู้บริโภค พนักงาน หรืออุปกรณ์นั้น ๆ มีมาตรฐานความปลอดภัยต่ำมาตั้งแต่ในขั้นตอนการผลิต เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกหรือแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงจากทางไกลได้



การเข้าถึงเพื่อสั่งงานเซ็กซ์ทอยให้สั่นได้นั้น อาจจะดูเป็นเรื่องทำกันเล่นสนุก ๆ แต่ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นอาจนำไปสู่การเข้าถึงส่วนที่ลึกมากไปกว่านั้น และนำมาซึ่งความเสียหายได้

เยอรมนีเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบกับการโจมตีไซเบอร์ ที่เป็นเหตุใหญ่ให้ต้องมีความตื่นตัวมากในเรื่องระบบความปลอดภัย เมื่อปีที่แล้วเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของสภาล่างถูกแฮกเกอร์เจาะเข้ามาล้วงข้อมูลออกไป ทำให้ต้องปิดระบบไปเป็นเวลาหลายวัน และไม่นานมานี้โรงพยาบาลบางแห่งก็ถูกแฮกเกอร์ปล่อยไวรัสเข้าโจมตีด้วยการเข้ารหัสข้อมูล ทำให้เข้าถึงไม่ได้ มีการเรียกร้องหรือเรียกค่าไถ่เพื่อแลกกับกุญแจไขรหัส

ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นจากจุดใด ๆ ก็ตาม อาจนำมาซึ่งความเสียหายที่ไม่คาดคิดได้ ยิ่งอุปกรณ์ต่าง ๆ พากันเชื่อมโยงกับอินเทอร์เน็ตมากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสนั้นก็ยิ่งเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น

รัฐบาลเยอรมนีมีมาตรการรับมือกับการโจมตีไซเบอร์ด้วยการแก้ไขกฎหมายเมื่อกลางปีที่แล้วที่มีคำสั่งให้กว่า 2,000 บริษัทด้านสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานที่สำคัญต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยขั้นต่ำ และให้รายงานช่องโหว่สำคัญ ๆ ที่เกิดขึ้นให้หน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องรับทราบ ไม่เช่นนั้นจะมีโทษปรับ

ประมาณ 51 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทในเยอรมนีตกเป็นเหยื่อของการโจมตีไซเบอร์ในทางใดทางหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทขนาดย่อมที่มากกว่า 2 ใน 3 โดนโจมตี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการที่บริษัทเหล่านี้ปรับตัวเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการควบคุมจากทางไกล

ช่องโหว่ของการถูกโจมตีนั้นมาได้จากทุกทาง แม้กระทั่งจากไฟล์เอกสารสักไฟล์ ดังนั้น นอกจากมาตรฐานความปลอดภัยของบริษัทแล้ว ความรู้เท่าทัน และไม่เลินเล่อของพนักงาน ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยได้ด้วยเช่นกัน

แต่จุดอ่อนในเรื่องความบกพร่องของตัวบุคคล เป็นจุดอ่อนที่แก้ได้ยากที่สุด