มันเกิดขึ้นแล้ว !! Tesla Model S เกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิต เพราะระบบ Autopilot

มันเกิดขึ้นแล้ว !! Tesla Model S เกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิต เพราะระบบ Autopilot

มันเกิดขึ้นแล้ว !! Tesla Model S เกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิต เพราะระบบ Autopilot
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

    ระบบขับรถเองอัตโนมัติ หรือ Autopilot ในรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน จนทำให้ผู้ขับขี่เสียชีวิต 1 ราย นับเป็นครั้งแรกที่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจนมีผู้เสียชีวิต และเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนอย่างระเอียดจากหน่วยงาน กำกับดูแลด้านความปลอดภัยในประเทศสหรัฐอเมริกา

tesla-model-s

    ตามรายงานของบริษัท Tesla เปิดเผยว่า อุบัติครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่ผู้ขับขี่ Tesla Model S เปิดใช้ระบบขับรถเองอัตโนมัติ หรือ Autopilot ในระหว่างขับขี่บนถนนทางหลวง ในระหว่างนั้นได้มีรถพ่วงกำลังอยู่ในช่วงเลี้ยวเพื่อกลับรถไปยังอีกฝั่ง แต่ระบบ Autopilot กลับไม่สามารถแยกแยะสีขาวของส่วนท้ายรถพ่วงที่กำลังเลี้ยวกับสีของท้องฟ้าใน ช่วงเวลาสว่างได้ ทำให้รถยนต์ Tesla ไม่ได้ทำการแตะเบรก และพุ่งชนเข้ากับรถพ่วงอย่างจัง จนทำให้ผู้ขับขี่เสียชีวิตทันที 1 ราย

    โดยผู้ขับรถพ่วงกล่าวกับสื่อในต่างประเทศว่า หลังจากเกิดอุบัติเหตุเขาได้ลงมาบริเวณที่เกิดเหตุ และพบว่านอกจากพบผู้เสียชีวิตแล้ว หน้าจอทัชสกรีนภายในรถยนต์ Tesla Model S ยังคงมีการเปิดภาพยนตร์แฮรี่ พอตเตอร์ อยู่ ทางด้านบริษัท Tesla กล่าวแย้งว่า เป็นไม่ได้ที่จะดูวีดีโอบนหน้าจอทัชสกรีน ขณะที่รายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่มีการอ้างอิงถึงเรื่องนี้

    บริษัท Tesla เพิ่มเติมถึงระบบ  Autopilot ว่า นับเป็นครั้งแรกที่เกิดข้อผิดพลาดจนนำมาซึ่งความสูญเสีย หลังจากมีการใช้วิ่งบนท้องถนนไปแล้วกว่า 130 ล้านไมล์ แต่การใช้ระบบ  Autopilot  แม้จะช่วยให้เกิดการขับขี่โดยอัตโนมัติ ทว่าคนขับก็ยังจำเป็นที่จะต้องมีสติ จับพวงมาลัยทั้งสองข้างตลอดเวลาและพร้อมที่จะควบคุมรถด้วยตนเองได้ตลอดเวลา หากไม่ปฏิบัติตามระบบจะส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับขี่รับทราบ

    ทั้งนี้อุบัติดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนสอบสวนอย่างละเอียดจากหน่วยงาน กำกับดูแลด้านความปลอดภัยในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนทางด้าน Elon Musk ผู้ก่อตั้งบริษัท Tesla ก็ได้ออกมากล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นแล้ว

อ้างอิงจาก Huffingtonpost และ Nytimes


สนับสนุนเนื้อหา: www.aripfan.com





แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook