เจาะ 10 สุดยอดฟีเจอร์ทีเด็ดของ Samsung Galaxy Note7 ที่สุดของสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ ที่กันน้ำได้!

เจาะ 10 สุดยอดฟีเจอร์ทีเด็ดของ Samsung Galaxy Note7 ที่สุดของสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ ที่กันน้ำได้!

เจาะ 10 สุดยอดฟีเจอร์ทีเด็ดของ Samsung Galaxy Note7 ที่สุดของสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ ที่กันน้ำได้!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เพิ่งได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างกันไปแบบสดๆ ร้อนๆ สำหรับ Samsung Galaxy Note7 สมาร์ทโฟนเรือธงตระกูล Galaxy Note รุ่นใหม่ล่าสุดจาก ซัมซุง (Samsung)

ซึ่งคราวนี้ขอข้ามช็อตมารวดเดียวสองรุ่น จาก Samsung Galaxy Note5 รุ่นพี่ มาเป็น Galaxy Note7 รุ่นน้องรุ่นนี้ เพื่อไม่ให้ใครต้องสับสนกับตัวเลข และเพื่อที่จะได้ทำตลาดควบคู่ไปกับสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S อย่างเต็มตัว

แต่อย่างไรก็ดีค่ำคืนของงาน Samsung Galaxy Unpacked 2016 ที่ผ่านมา หลายท่านอาจจะไม่ได้อดหลับอดนอนมาร่วมชมการถ่ายทอดสดกัน ดังนั้นวันนี้ทีมงานจึงขอสรุปเอา 10 สุดยอดฟีเจอร์ใหม่แกะกล่องของ Galaxy Note7 ที่ทีมงานคิดว่าเด็ดที่สุดมาให้ทุกท่านได้ติดตามกันครับ

มาพร้อมเซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Scanner) ที่ช่วยยกระดับความปลอดภัยให้ถึงขีดสุด

ฟีเจอร์ที่ดูเซอร์ไพรส์ที่สุดสำหรับ Galaxy Note7 ก็เห็นจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Scanner) ซึ่งนับเป็นสมาร์ทโฟนซัมซุงรุ่นแรกที่มีฟีเจอร์นี้ โดยเซ็นเซอร์สแกนม่านตานั้นมีความได้เปรียบกว่าเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Scanner) แบบเดิมๆ อยู่แทบทุกจุด ทั้งมีความถูกต้องแม่นยำมากกว่า 200 เท่า (มีเปอร์เซ็นต์ความผิดพลาดน้อยมากเพียง 0.00001% ในขณะที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมีเปอร์เซ็นต์ความผิดพลาดสูงถึง 0.002%), ไม่เสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ เช่นหากเกิดอุบัติเหตุกับนิ้วมือ ก็อาจจะทำให้ไม่สามารถสแกนได้, ไม่สามารถปลอมแปลงได้ และทำการลงทะเบียนในระบบได้เร็วกว่าเพียงสแกนแค่ 1 ครั้งเท่านั้น ส่วนฟังก์ชันที่ใช้งานร่วมกับการสแกนม่านตาได้ก็มีตั้งแต่การปลดล็อกหน้าจอ, การปกป้องโฟลเดอร์ที่เป็นความลับ และการปกป้องข้อมูลล็อกอินตามเว็บไซต์ต่างๆ (Web Sign-in)

ตัวเครื่องกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IP68 และสามารถใช้งานปากกา S-Pen ใต้น้ำได้

ก่อนหน้านี้ยังไม่มีสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note รุ่นใดที่สามารถกันน้ำกันฝุ่นได้ แต่สำหรับ Galaxy Note7 นับเป็นรุ่นแรกที่มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำ-ป้องกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 เช่นเดียวกับ Galaxy S7 และที่พิเศษสุดๆ ก็เห็นจะเป็นการที่เราสามารถใช้งานปากกา S-Pen เพื่อขีดเขียน หรือวาดรูป ขณะอยู่ใต้น้ำ, ขณะอยู่กลางฝน หรือขณะตัวเครื่องเปียกน้ำได้ด้วย ไม่เฉพาะแค่การใช้งานทั่วๆ ไปเท่านั้น ซึ่งเรื่องตัวเครื่องที่กันน้ำได้นี้ก็น่าจะเป็นอะไรที่ผู้ใช้ Galaxy Note รอคอยกันมานาน และในที่สุดก็ได้สมใจกันเสียที

การใช้งานปากกา S-Pen ที่ถูกยกเครื่องใหม่ พร้อมฟังก์ชัน Glance, Magnify และ Translate

ความสามารถใหม่ของการใช้งานปากกา S-Pen ไม่ใช่แค่เรื่องการใช้งานในน้ำแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะฟังก์ชันสำหรับปากกา S-Pen ก็ถูกยกเครื่องใหม่เช่นเดียวกัน เริ่มตั้งแต่ฟังก์ชัน Advanced GIF Maker ที่ช่วยให้เราสามารถสร้างภาพเคลื่อนไหวแบบ GIF จากคลิปวิดีโอได้ง่ายๆ, ฟังก์ชัน Glance ที่ใช้ย่อ และสลับแอปพลิเคชันได้อย่างสะดวกรวดเร็ว, ฟังก์ชัน Magnify ที่ใช้เป็นแว่นขยายข้อความ หรือรูปภาพได้สูงสุดถึง 300% และฟังก์ชัน Translate ที่ช่วยแปลภาษาได้แบบด่วนทันใจ เพียงแค่เลือกข้อความที่ต้องการแปลด้วยปากกา S-Pen โดยรองรับได้มากถึง 37 ภาษา

ส่วนแอปพลิเคชันหลักสำหรับปากกา S-Pen นั้นถูกยุบรวมเป็น Samsung Notes (รวมจาก S Note, Memo และ Scrapbook) เพื่อลดความซับซ้อนของการใช้งาน และคราวนี้ผู้ใช้งานสามารถผสมสีเองได้อย่างอิสระ เรียกได้ว่าสามารถใส่จินตนาการ หรือความสร้างสรรค์เข้าไปได้มากขึ้น และในด้านของปากกา S-Pen เองก็ถูกพัฒนาให้มีหัวปากกาที่เล็กลงเหลือแค่ 0.7 มิลลิเมตร (รุ่นก่อนหน้านี้มีขนาด 1.6 มิลลิเมตร) รวมถึงรองรับแรงกดได้มากถึง 4096 ระดับ (รุ่นก่อนหน้านี้รองรับแรงกดได้ 2048 ระดับ) จึงช่วยให้การลงลายเส้นมีความเป็นธรรมชาติ สวยงามสมจริงมากยิ่งขึ้น

ในด้านของฟังก์ชัน Screen Off Memo ก็ถูกพัฒนาขึ้น โดยนอกจากจะสามารถถอดปากกา S-Pen เพื่อเขียนบนหน้าจอ Lock Screen ได้อย่างรวดเร็วทันใจเช่นเคยแล้ว ผู้ใช้ก็ยังสามารถเปิดดูรายการของ Screen Off Memo ใหม่ล่าสุดได้ทันทีจากหน้า Always On Display โดยไม่ต้องเสียเวลาไปเปิดหาจากแอปพลิเคชันใดๆ

เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกระจก Gorilla Glass 5 ที่แข็งแกร่งที่สุด ณ ชั่วโมงนี้

เป็นที่ทราบกันดีว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายๆ รุ่น ต่างเลือกใช้กระจกสุดแกร่งจากแบรนด์ Gorilla Glass แต่สำหรับกระจก Gorilla Glass 5 ซึ่งเป็นกระจก Gorilla Glass รุ่นใหม่ล่าสุดนั้นถูกนำมาใช้กับ Galaxy Note7 เป็นรุ่นแรก (Galaxy Note5 ใช้กระจก Gorilla Glass 4) ส่วนคุณสมบัติของกระจก Gorilla Glass 5 นั้นก็แน่นอนว่ามีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิม โดยสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้แม้จะตกลงบนพื้นแข็งที่ความสูง 1.6 เมตร หรือระดับหัวไหล่ (เปอร์เซ็นต์การอยู่รอด 80% จากจำนวนการทดสอบทั้งหมด) ซึ่งนับว่าแกร่งกว่ากระจกจากแบรนด์คู่แข่งถึง 4 เท่า นอกจากนี้ก็ยังสามารถทนต่อการโดนขีดข่วนได้ดีกว่าเดิม

มากับจอขอบโค้งสองด้าน บนดีไซน์สุดพรีเมียมแบบ 3D Symmetrical พร้อมสีฟ้า Blue Coral ใหม่ล่าสุด

Galaxy Note7 นับเป็นสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy Note รุ่นแรกที่มาพร้อมกับจอขอบโค้ง 2 ด้านแบบ Dual Edge ซึ่งหากใครยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้มี Samsung Galaxy Note Edge สมาร์ทโฟนจอขอบโค้งรุ่นแรกของ ซัมซุง ออกมาสู่ตลาดอยู่รุ่นหนึ่ง แต่ก็เป็นจอขอบโค้งเพียงแค่ด้านเดียว รูปลักษณ์ภายนอกจึงอาจจะดูไม่ลงตัวมากนัก ดังนั้นด้วยจอขอบโค้งสองด้านของ Galaxy Note7 จึงดูสวยงามลงตัวมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด บนดีไซน์แบบ 3D Symmetrical ที่โค้งมนกลมกลืนไปตั้งแต่ด้านหน้า จนถึงด้านหลังตัวเครื่อง พร้อมวัสดุระดับพรีเมียมที่เป็นการผสมผสานระหว่างอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 กับกระจก Gorilla Glass 5 (Metal & Glass Fusion) และด้วยหน้าจอที่แทบจะไร้ขอบ จึงช่วยให้ตัวเครื่องดูผอมเพรียวมากกว่า Galaxy Note5 รุ่นเดิม และที่สำคัญคือมาพร้อมกับสีใหม่อย่าง สีฟ้า (Blue Coral) ที่หลายๆ คนกำลังหมายตาอยู่นั่นเอง

จุได้เต็มที่ด้วยพื้นที่หน่วยความจำขนาด 64GB และใส่ microSD เพิ่มได้สูงสุด 256GB

แต่เดิมใน Galaxy Note5 นั้นมีสองรุ่นความจุให้เลือก ได้แก่รุ่นความจุ 32GB และรุ่นความจุ 64GB แต่ดูเหมือนการเริ่มต้นที่ความจุ 32GB จะไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานยุคนี้เสียแล้ว มาใน Galaxy Note7 จึงเริ่มต้นกันที่ความจุ 64GB เพื่อให้เพียงพอสำหรับการใช้งาน แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ Galaxy Note7 สามารถเพิ่มหน่วยความจำด้วยการ์ดหน่วยความจำแบบ microSD ได้แล้ว และรองรับได้สูงสุดที่ขนาด 256GB เรียกว่าเต็มอิ่มจุใจกันไปเลยทีเดียว ในขณะที่ Galaxy Note5 รุ่นเดิมไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้

รับชมวิดีโอสตรีมมิ่งแบบ HDR เพื่อภาพความบันเทิงที่สวยงามสมจริงมากกว่าที่เคย

ระยะหลังๆ มานี้ สื่อวิดีโอแบบ HDR (High Dynamic Range) เริ่มมีความแพร่หลายมากขึ้น เช่นการดูสตรีมมิ่งผ่านทาง Netflix, Amazon หรือ Vudu แต่อุปกรณ์ที่ใช้ก็ต้องรองรับด้วยเช่นกัน ซึ่ง Galaxy Note7 ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยภาพวิดีโอที่เห็นนั้นจะมีความสวยงามใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด รายละเอียดมีความชัดเจนมากขึ้น บริเวณที่เป็นสีขาวก็จะขาวขึ้น บริเวณที่เป็นสีดำก็จะดำสนิทกว่า

และเมื่อเปิดดูคลิปวิดีโอผ่านแอปพลิเคชันอย่าง YouTube, MX Player,Amazon Video, Netflix หรือ HBO Go ใน Galaxy Note7 ก็จะมีเทคโนโลยี Video Enhancer ที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพวิดีโอแบบปกติ (วิดีโอที่ไม่ใช่แบบ HDR) ให้มีความสวยงามมากขึ้นได้อีกด้วย

เป็นสมาร์ทโฟนซัมซุงรุ่นแรกที่ใช้ USB Type-C เพื่อการใช้งานที่ดีขึ้นง่ายขึ้น

Samsung Galaxy Note7 นั้นนับเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในค่ายซัมซุง ที่เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB แบบใหม่ล่าสุดอย่าง USB Type-C ซึ่งข้อดีของ USB Type-C ก็คือผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับหัวต่อด้านใดก็ได้ จะพลิกด้านล่าง หรือด้านบน ก็ไม่ต่างกัน นอกจากจะเชื่อมต่อได้ง่ายกว่าแล้วก็ยังสามารถโอนถ่ายข้อมูลได้เร็วกว่าเดิม และจ่ายไฟได้มากกว่าเดิม ซึ่งคาดว่า USB Type-C ก็จะมีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้นในอนาคต

และสำหรับผู้ใช้งาน Galaxy Note7 ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่ใช้งานเชื่อมต่อ USB แบบเดิมๆ ได้ เพราะในชุดจำหน่ายมาตรฐานของ Galaxy Note7 นั้นแถมอะแดปเตอร์แบบ USB Type-C to Type A กับ USB Type-C to microUSB มาให้ด้วย

การใช้งานกล้อง Dual Pixel ที่ฉับไว และง่ายกว่าเดิม

กล้องดิจิทัลบน Galaxy Note7 นั้น จะว่าไปแล้วก็เป็นกล้องไฮเอนด์ตัวเดียวกันกับที่อยู่บน Samsung Galaxy S7 นั่นเอง เรียกว่ายกมาทั้งกล้องด้านหน้า และกล้องด้านหลัง โดยกล้องตัวหลักที่ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นเป็นกล้องแบบ Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ซึ่งมั่นใจได้ในคุณภาพ เพราะล่าสุดเว็บไซต์ DxOMark จัดกล้องตัวนี้ให้อยู่ในอันดับ 1 เลยทีเดียว แต่การใช้งานใน Galaxy Note7 นั้นถูกออกแบบมาใหม่ให้ง่ายกว่าเดิม ด้วยการสไลด์ลงเพื่อเปิดกล้องหน้า, สไลด์ด้านซ้ายเพื่อเลือกโหมดถ่ายภาพ และสไลด์ด้านขวาเพื่อเลือกเอฟเฟกต์

อุปกรณ์เสริมจัดเต็ม กับเคส และเลนส์กล้องหลากหลายรูปแบบ พร้อมเคสแบตเตอรี่สำรอง Backpack ที่กันน้ำได้

ด้วยการที่เป็นสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดของค่าย ดังนั้นบรรดาอุปกรณ์เสริมก็มีให้เลือกหลากหลาย และจัดเต็มที่สุดเช่นเดียวกัน ตั้งแต่เคส S View Standing Cover ที่ใช้เป็นขาตั้งได้ในตัว, เคส LED View Cover ที่โชว์ไอคอนที่ด้านหน้าได้หลากหลายรูปแบบ, เคส Clear View Cover ที่มาพร้อมฝาพับกึ่งโปร่งใส, เคส Leather Cover สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความพรีเมียมภูมิฐาน, เคส Clear Cover ที่เรียบง่ายแต่บางเฉียบ, เคส Keyboard Cover ที่ใช้ได้โดยไม่ต้องพึ่งสายชาร์จ, เลนส์ถ่ายภาพระยะไกล (Tele) ระดับ 16X, เลนส์ถ่ายภาพมุมกว้าง (Wide) 108 องศา และที่เด็ดสุดๆ ก็เห็นจะเป็นเคสแบตเตอรี่ไร้สาย Backpack ที่นอกจากจะมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 3100 mAh แล้ว ก็ยังสามารถชาร์จขณะเปียกน้ำได้อีกต่างหาก

จาก 10 สุดยอดฟีเจอร์ใหม่ของ Samsung Galaxy Note7 ที่ได้เห็นกันไปข้างต้น ก็นับได้ว่าเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งเลยทีเดียว เดิมที Galaxy Note5 รุ่นเดิมนั้นก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบแทบทุกองค์ประกอบแล้ว แต่มาใน Galaxy Note7 รุ่นนี้ถูกยกเครื่องให้มีความสมบูรณ์แบบยิ่งกว่า และนอกจาก 10 ฟีเจอร์ทีเด็ดเหล่านี้ก็ยังมีฟีเจอร์ระดับไฮเอนด์อื่นๆ อีกมากมายที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ที่มีความจุมากขึ้นเป็น 3500 mAh, ระบบการชาร์จแบตเตอรี่ไร้สายความเร็วสูง, จอ 2K QHD Super AMOLED ที่ใหญ่เต็มตาถึง 5.7 นิ้ว พร้อม Cinematic Wallpaper กับ Edge UX ที่ปรับปรุงใหม่ และ Blue Light Filter, ชิปเซ็ต Exynos 8890 ตัวท็อปที่เร็วแรงไม่แพ้เรือธงรุ่นใด พร้อม Vulkan API ที่ช่วยให้การประมวลผลกราฟิกในเกมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น, เซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

ด้วยฟีเจอร์ทีเด็ดมากมายนับไม่ถ้วนใน Galaxy Note7 กับราคาค่าตัวในไทยที่ 28,900 บาท ก็นับว่าสมน้ำสมเนื้อ ส่วนใครที่ต้องการจับจองเป็นเจ้าของ Galaxy Note7 รุ่นนี้ก็ไม่ต้องรอกันนาน เพราะวันพรุ่งนี้ (5 สิงหาคม) ก็จะเริ่มเปิดให้จองกันแล้ว ทั้งที่ Samsung Brand Shop ทุกสาขาทั่วประเทศ และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทั้ง 3 ค่าย พร้อมโปรโมชั่นส่วนลด กับของแถมพรีเมียม ส่วนรีวิวฉบับเต็มของ Galaxy Note7 รอติดตามกันได้เร็วๆ นี้ครับ

- สรุปคุณสมบัติโดยละเอียดของ Samsung Galaxy Note7

- สรุปรายละเอียดการสั่งจอง Samsung Galaxy Note7

นำเสนอบทความโดย : thaimobilecenter.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook