Sophos ได้รับตำแหน่งผู้นำในรายงาน Magic Quadrant 2017 ของ Gartner

Sophos ได้รับตำแหน่งผู้นำในรายงาน Magic Quadrant 2017 ของ Gartner

Sophos ได้รับตำแหน่งผู้นำในรายงาน Magic Quadrant 2017 ของ Gartner
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Sophos ได้ประกาศว่า ทาง Gartner ได้ยกย่องให้ตนเองเป็นผู้นำอีกครั้งในรายงาน Gartner Magic Quadrant สำหรับ Endpoint Protection Platforms1 (EPP) จากผลิตภัณฑ์ป้องกันการโจมตีผ่านช่องโหว่แบบ Next-Gen อย่าง Intercept X และการพัฒนาแพลตฟอร์มจัดการจากคลาวด์ Sophos Central มาอย่างต่อเนื่อง โดย Sophos มีผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยสำหรับเอนด์พอยต์ที่หลากหลายและครอบคลุม ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้ต่อกรกับอันตรายที่ซับซ้อนในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือว่า Sophos ครองตำแหน่งผู้นำ (Leader) ในรายงานฉบับนี้ยาวนานมาตั้งแต่ปี 2550

รายงานของ Gartner ฉบับนี้อธิบายว่า อันตรายทางไซเบอร์ระลอกต่อไปจะอยู่ในรูปที่ไม่ยึดติดกับไฟล์ข้อมูล “ผู้โจมตีระดับมืออาชีพได้ใช้เทคนิคที่ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของสคริปต์ต่างๆ มายาวนานหลายปี โดยเฉพาะกับยูทิลิตี้บนวินโดวส์ อย่างเช่น อินเทอร์เฟซแบบคอมมานด์ไลน์, PowerShell, Perl, Visual Basic, Nmap,

และ Windows Credential Editor ที่โดนเจาะระบบเพื่อเข้าควบคุมเครื่องเป้าหมายโดยไม่ต้องคัดลอกไฟล์ Executable ใดๆ ลงไปเลย ทำให้สามารถหลบเลี่ยงกลไกการตรวจจับไฟล์ข้อมูลอันตรายแบบเดิมทั้งหมดได้” ในการปรับตัวเพื่อรับมืออันตรายแบบใหม่นี้ Gartner แนะนำว่า “ผู้ที่จะซื้อโซลูชั่น EPP ควรมองหาผู้จำหน่ายที่เน้นย้ำถึงการป้องกันการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่บนหน่วยความจำ, มีความสามารถในการวิเคราะห์สคริปต์, และตรวจสอบพฤติกรรมที่ส่อถึงอันตรายได้ ซึ่งทาง Gartner มองว่า ผู้จำหน่ายที่ให้ความสำคัญกับกลไกการตรวจจับพฤติกรรมของผู้โจมตีทั้งหลาย (เช่น เครื่องมือ และเทคนิคที่เกี่ยวข้อง) จะมีประสิทธิภาพในการทำงานมากที่สุด”



“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Sophos ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ผสานรวมเอาการป้องกันการโจมตีผ่านช่องโหว่, การวิเคราะห์พฤติกรรม, และการตรวจจับอันตรายก่อนมีการรันการทำงาน ซึ่งจากการเปิดตัว Intercept X ทำให้ได้ความสามารถในการต่อต้านการเจาะช่องโหว่ และแรนซั่มแวร์ได้แบบไม่ต้องพึ่งพาการอัพเดตข้อมูลซิกเนเจอร์ โดยใช้กระบวนการวิเคราะห์ต้นเหตุของปัญหาควบคู่กับการทำงานของผลิตภัณฑ์ปกป้องเอนด์พอยต์ที่มีอยู่” แดน ชิอัปปา รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยบนเครือข่ายและเอนด์พอยต์ของ

Sophos กล่าว “เราเชื่อว่า การที่เราได้รับตำแหน่งผู้นำในตลาดที่มีการแข่งขันสูงมากนี้อย่างต่อเนื่อง ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง และสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่สอดรับกับสถานการณ์อันตรายที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์ของเราไม่เพียงได้รับการยอมรับและนำไปติดตั้งใช้งานโดยลูกค้าทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังได้รับการประเมินจากองค์กรอิสระที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการต่อกรกับอันตรายแบบใหม่ ที่ Gartner ได้เตือนว่ากำลังคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็วและรุนแรงมาก”

ชิอัปปายังกล่าวเสริมว่า “Sophos เชื่อว่า ทางเดียวที่จะป้องกันอันตรายที่มีความซับซ้อนและพัฒนาขึ้นต่อเนื่อง ได้อย่างประสบความสำเร็จนั้น คือการผสานการทำงานของหลายผลิตภัณฑ์เข้าด้วยกัน ที่มีการแบ่งปันสถานะข้อมูลความปลอดภัยและข้อมูลเกี่ยวกับอันตรายร่วมกัน เพื่อให้ตรวจจับรวดเร็ว และตอบสนองได้ในทันที จุดนี้ถือเป็นแกนหลักของกลยุทธ์ความปลอดภัยแบบซิงโครไนซ์

ซึ่งการจะทำให้ได้ตามกลยุทธ์ดังกล่าว จะต้องใช้ “ระบบที่ดีที่สุด” มาอุดช่องว่างที่เกิดจากการติดตั้งผลิตภัณฑ์จากผู้จำหน่ายหลายราย เพื่อให้บริษัทสามารถปกป้องทรัพย์สินที่สำคัญได้มีประสิทธิภาพมากกว่า ปัจจุบัน Sophos ได้รวมเอาผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยทั้งด้านเครือข่าย, เอนด์พอยต์, และการเข้ารหัส มาอยู่ในกลยุทธ์ความปลอดภัยแบบซิงโครไนซ์นี้แล้ว และเรากำลังขยายความครอบคลุมของความสามารถใหม่นี้อย่างต่อเนื่อง”

Sophos มุ่งมั่นในการนำกลยุทธ์นี้มาผสานแพลตฟอร์มปกป้องเอนด์พอยต์ และความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองอันตรายบนเอนด์พอยต์ เข้ามาในแพลตฟอร์มจัดการ Sophos Central เพื่อให้ได้โซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น Sophos เชื่อว่ายุทธศาสตร์นี้จะตอบสนองสถานการณ์ด้านความปลอดภัยที่ระบุไว้ในรายงานฉบับนี้ว่า “ภายในปี 2562 นี้ ความสามารถทั้ง EPP และ EDR จะถูกควบรวมเป็นโซลูชั่นเดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องซื้อผลิตภัณฑ์ทั้งสองแบบแยกต่างหากอีก โดยเฉพาะกับสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook