รีวิว Jabra Elite Sport หูฟังไร้สายกับฟีเจอร์วัดชีพจรสุดแม่นยำ

รีวิว Jabra Elite Sport หูฟังไร้สายกับฟีเจอร์วัดชีพจรสุดแม่นยำ

รีวิว Jabra Elite Sport หูฟังไร้สายกับฟีเจอร์วัดชีพจรสุดแม่นยำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 หลังจากที่เคยรีวิวหูฟัง Jabra Sport Pace ถือว่าเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่ด้วยกระแสของหูฟังไร้สายที่มาแรงโดยเฉพาะ AirPods ทำให้ Jabra เผยเทคโนโลยีหูฟังรุ่นใหม่ออกมา รุ่นที่จะรีวิวต่อไปนี้คือ Jabra Elite Sport หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดชื่อดังจากประเทศเดนมาร์ค  

Jabra Elite Sport ได้รับการออกแบบเป็นอย่างดีเน้นการสวมใส่สบายและความคล่องตัวเพื่อให้รองรับได้หลากหลายกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง ออกกำลังกาย วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือ โยคะ ก็สามารถสวมใส่ได้อย่างมั่นใจและสามารถปรับ ear wing ในรูปแบบต่างๆที่อยู่ในแพคเกจเพื่อปรับให้เหมาะสมกับการสวมใส่ของแต่ละคนได้อีกด้วย

คุณสมบัติเด่นของ Jabra Sport Pace

  • หูฟังไร้สายเต็มรูปแบบ
  • วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
  • ป้องกันเหงื่อและละอองน้ำด้วยมารตฐานการป้องกัน IP67
  • ไมค์โครโฟน 4 ตัว เพิ่มความชัดเจนในทุกสภาพแวดล้อม
  • น้ำหนักเบาส่วมใสสบาย
  • รองรับการใช้งาน Jabra Sport Life application

img_2612

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์ของ Jabra Elite Sport และการออกแบบดีไซน์

เริ่มด้วยตัวกล่องของ  Jabra Elite Sport ที่เป็นมากกว่ากล่องครับ เพราะมันเป็นตัวชาร์จในตัว หากเราชาร์จเต็มจะสามารถเพิ่มพลังให้หูฟังได้ 2-3 ครั้งต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง หูฟังสามารถฟังเพลงได้นานราวๆ 3 ชั่วโมงกว่าๆ หากฟังติดต่อกัน(ส่วนตัวถือว่าน้องครับ)

img_2608

img_2609

img_2606

img_2607

Jabra Elite Sport เป็นหูฟังแบบไร้สายที่เรียกได้ว่ามีรูปร่างที่ง่าย แค่ใส่เข้าไปในหู และไม่มีสายออกมารบกวน โดยมียางและก้านรอบตัวทำให้ และสามารถเปลี่ยนได้ ส่วนที่ใส่หูยังคงเป็นแบบ In Ear พร้อมกับเซนเซอร์วัดชีพจร

img_2603

img_2613

หูฟังรุ่นนี้ฝั่งขวาจะเป็นตัวหลัก ซึ่งคุณสามารถปรับความดังของเสียง, การปรับเลื่อน Track เพลงหน้าหลังได้, เปิดปิดระบบครูฝึกส่วนตัวได้ ฝั่งซ้ายจะไม่ได้ควบคุมอะไรมาก

img_2617

img_2619

img_2620

img_2621

กดค้างจะมีไฟแสดงสถานะต่าง ๆ ครับ

img_2623

img_2627

img_2629

ส่วนตลับของเครื่องนั้นนอกจากเป็นที่เก็บแล้ว ยังเป็นที่แบตเตอรี่ในตัวด้วย พร้อมกับไฟบอกทั้งหูฟังว่าเหลือเท่าไหร่ ตามสี และไฟบอกว่าแทนชาร์จเหลือไฟเท่าไหร่ พร้อมช่องเสียบชาร์จ Micro USB

img_2605

ตลับสำรองไฟไว้อีก 6 ชั่วโมง

img_2630

img_2614
นอกจากนี้นั้นในกล่องยังมีอะไหล่สำรองสำรองมาให้เราเลือกอีกหลายคู่เลยครับ

img_2631img_2634img_2635

ภาพรวมถือว่าเป็นอีกหูฟังที่มีความเล็กกะทัดรัด ใส่สบายและสามารถปรับได้หลากหลายขนาดได้เช่นกัน และมีที่เก็บพร้อมเป็นพลังงานเสริมได้อีกด้วยถือว่าดูดีใช้ได้ แต่ข้อเสียนั้นคือ ถ้าหลุดหล่นแล้วอาจจะหายได้เพราะมันเล็กนะ

img_2640

img_2639

ลองเปิดเครื่องใช้งานคุณสมบัติเด่น พร้อมการทดสอบฟังก์ชันต่างๆ

จุดเด่นของหูฟังรุ่นนี้ที่ออกแบบเพื่อทนกับสภาพของเหงื่อได้ค่อนข้างดีและกระชับมาก แบตเตอรี่ของตัวหูฟังจะสามารถใช้ได้นานถึง 3 ชั่วโมง แต่แท่นชาร์จะจะทำให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานสุดที่ 9 ชั่วโมง หรือเรียกได้ว่าชาร์จได้ 3 ครั้งเลยทีเดียว นับว่านานมาก (รองรับการใช้งานได้ 9 ชั่วโมง โดยตัวหูฟังจะใช้งานต่อเนื่องได้ 3 ชั่วโมง)

และการออกแบบที่เน้นเรื่องการออกกำลังกาย ทำให้เรื่องการวัดชีพจรถือว่าทำได้ค่อนข้างแม่นยำ และใช้งานกับ Apps ที่หลากหลาย แต่การปรับตั้งค่านั้นจะต้องเข้าไปที่ Apps Jabra Sport Life ซึ่งจะสามารถบอกข้อมูลการออกกำลังกายและการปรับแต่งเกี่ยวกับตัวเครื่องได้เต็มที่และรวมถึงการเปิดให้เสียงให้ข้างนอกเข้ามาในหูฟัง

 

ส่วนการตั้งค่านอกจากจะควบคุมเรื่องการให้เสียงเข้ามาในหูฟังได้แล้ว ยังมีเรื่องของการบอกชื่อคนโทรเข้า การรายงานผลออกกำลังกาย ระบบ Auto Tracking ซึ่งจะต้องทำงานกับการวัดชีพจรเท่านั้น

สรุปหลังจากได้ที่ลองเล่น Jabra Elite Sport มาสักระยะแน่นอนว่าคำตอบที่ได้คือ ใส่ไปเถอะครับไม่ร่วงหลุดออกจากหูแน่นอน

img_2611

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่ม

หลังจากที่ได้ลองพบว่าเป็นหูฟังที่มีประสิทธิภาพที่เป็นหนึ่งในหลายแบบที่ไม่ค่อยเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทย แต่สำหรับหูฟังตัวนี้ ได้รับการตอบรับจากผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายพอสมควร และดูดีพอสมควรแต่ในราคานั้นสูงถึง 9,700 บาท ทำให้หลายคนคิดหนักพอสมควร

แต่ถ้ามองถึงคุณภาพและใช้งานออกกำลังกายบ่อยกับเรื่องคุณภาพที่ดีพอสมควรตัวนี้ก็น่าสนใจ เอาเป็นว่าหากใครต้องการซื้อมาเพื่อใส่ฟังเพลงอย่างเดียวผมแนะนำว่าลองหารุ่นอื่นมาใช้งานแทนก็ได้ครับ เพราะคุณจะใช้งานฟังก์ชั่นของ Jabra Elite Sport ไม่ครบเพียงแค่ฟังเพลง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook