AntiVirus รุ่นล่าสุดยังคงรองรับ Windows XP และ Vista และคำแนะนำสำหรับการปรับตัวเปลี่ยน OS

AntiVirus รุ่นล่าสุดยังคงรองรับ Windows XP และ Vista และคำแนะนำสำหรับการปรับตัวเปลี่ยน OS

AntiVirus รุ่นล่าสุดยังคงรองรับ Windows XP และ Vista และคำแนะนำสำหรับการปรับตัวเปลี่ยน OS
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับใครที่ยังใช้ Windows XP ที่หยุดสนับสนุนไปตั้งแต่ปี 2014 และ Windows Vista ที่หยุดสนับสนุนไปเมื่อ 11 เมษายนที่ผ่านมา คลิกอ่านข่าว

สิ่งที่ควรคำนึงคือ “เรื่องความปลอดภัย” ดังนั้นจุดที่ยังสามารถลดความเสี่ยงได้ (แต่ไม่มากเท่าไหร่) หากมีความจำเป็นที่ยังต้องใช้ Windows 2 ตัวนี้อยู่ก็ต้องมองว่า “ใช้ AntiVirus ตัวล่าสุดและยังอัพเดตอยู่หรือไม่”

 

AntiVirus ค่ายไหนยังรองรับ XP และ Vista อยู่?

ทางผู้เขียนได้ทดสอบติดตั้ง AntiVirus รุ่นล่าสุดจาก 2 ค่ายใหญ่ ซึ่งมีทั้งตัวแจกฟรี (Freeware) และตัวเสียเงินซื้อลิขสิทธิ์มาใช้งาน โดยดาวน์โหลดตัวล่าสุดจากหน้าเว็บมาติดตั้งพบว่า

Panda AntiVirus และ Avast รุ่นล่าสุดยังคงติดตั้งและใช้งานบน Windows XP และ Vista ได้ (จากภาพเป็น Panda Antivirus รุ่น Small Business Protection รุ่นทดลองใช้บน Windows XP และ Avast Free AntiVirus บน Windows Vista)

และค่ายอื่นๆ ละ 

ทีมงานขอยกตัวอย่างมา 2 ค่ายนะครับ

TrendMicro

TrendMicro รุ่นสำหรับผู้ใช้ตามบ้าน รองรับสูงสุดแค่ Windows Vista

TrendMicro รุ่นสำหรับผู้ใช้ในองค์กรยังคงรองรับ Windows XP, Windows Vista และยังมีระบบ Virtual Patching สำหรับช่วยลดความเสี่ยงในการใช้งาน Windows 2 ตัวนี้อีกด้วย [อ่านข้อมูลเพิ่มเติม]

Kaspersky

รุ่นขายปลีกปกติ เลิกสนับสนุนทั้ง Windows XP และ Vista ไปแล้ว

แต่รุ่นระดับ Business ยังรองรับ Windows XP, Vista อยู่

ส่วนของค่ายอื่นๆ แนะนำให้เช็คกับเว็บผู้ผลิตได้เลยครับ

จะสนับสนุนแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน?

ผู้เขียนเชื่อว่าอีกไม่นานก็ต้องหยุดสนับสนุนครับ อย่างเช่นโปรแกรมประเภทอื่นอย่าง Web Browser ที่บางตัวหยุดสนับสนุนแล้ว บางตัวก็แจ้งว่าจะหยุดสนับสนุนเร็วๆ นี้  [อ่านข่าวเรื่องนี้] ดังนั้นผู้ใช้งานควรเตรียมตัวปรับเปลี่ยนระบบปฏิบัติการได้แล้ว

ผลเสียหลังจากที่ AntiVirus จะเลิกรองรับในอนาคต

หากท่านยังใช้ Windows XP และ Vista ซึ่งตัว Windows เหล่านี้เองก็หยุดสนับสนุนแล้ว แน่นอนตัว Windows ไม่มีการแก้ช่องโหว่ใดๆ อีกแล้ว จึงตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์หรือผู้สร้างมัลแวร์ได้ง่ายกว่า Windows รุ่นใหม่ๆ อีกทั้งยังสามารถเจาะระบบ แก้ไขระบบต่างๆ ได้ง่ายกว่า Windows รุ่นใหม่มาก และยิ่ง Browser ไม่ออกอัพเดต ซึ่งตอนนี้ทุกค่ายก็จะเลิกสนับสนุนกันหมดแล้ว ก็ยิ่งตกเป็นความเสี่ยงเข้าไปใหญ่

ดังที่ได้บอกไว้ว่า AntiVirus ตัวล่าสุดที่อัพเดตล่าสุด ยังคงเป็นที่พึ่งสุดท้ายที่ช่วยในการลดความเสี่ยง แต่ถ้าหยุดสนับสนุนเมื่อไหร่ ก็ต้องแบกรับความเสี่ยงที่ถึงขั้นสูงสุดเอง

คำแนะนำจากทีมงานแบไต๋

สำหรับกรณีนี้

ถ้าคอมพิวเตอร์ของคุณยังไม่เก่ามาก แนะนำให้เปลี่ยนไปใช้ Windows ใหม่ๆ ได้แล้ว อย่างต่ำควรเป็น Windows 7 Service Pack 1 ขึ้นไป หรือจะไปใช้ Windows 8.1, Windows 10 ไปเลยยิ่งดี เพราะว่าเขายังสนับสนุนอยู่ ไม่ว่าทั้งจากทาง Microsoft เอง และผู้ผลิต Browser, Antivirus ต่างๆ และยิ่ง Windows รุ่นใหม่ ช่องโหว่ก็ยิ่งน้อยลง อะไรอะไรก็ปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น หรือจะเปลี่ยนไปใช้ Linux ก็ได้ มีมากมายหลายตัวให้เลือกใช้ หรือจะแหวกแนวไปใช้ OS อื่นๆ เลยก็ได้ อย่าง “CloudReady” ที่เปลี่ยนคอมพิวเตอร์ของคุณให้กลายเป็น Chrome OS มี Browser Chrome Version ใหม่มาให้ใช้ในตัว (CloudReady ใช้ตามบ้านหรือส่วนบุคคลไม่แสวงหากำไรฟรี แต่ถ้าใช้เพื่อการศึกษาหรือภาคธุรกิจ หน่วยงานต่างๆ ต้องเสียเงิน) แต่ถ้าคอมพิวเตอร์ของท่านค่อนข้างเก่า อาจใช้งาน Windows รุ่นใหม่ๆ ไม่ไหว ก็คงแนะนำให้ไปใช้ Linux เช่นเดียวกันครับ เพราะเขามี Version ที่ใช้กับเครื่องเก่าๆ ได้ดีและพัฒนา/สนับสนุนต่อเนื่องอย่าง xbuntu, lubuntu, Puppy Linux เป็นต้น หรือจะแหวกแนวไปใช้ OS อื่นๆ เลยก็ได้ อย่าง “CloudReady” ที่เปลี่ยนคอมพิวเตอร์ของคุณให้กลายเป็น Chrome OS มี Browser Chrome Version ใหม่มาให้ใช้ในตัว (CloudReady ใช้ตามบ้านหรือส่วนบุคคลไม่แสวงหากำไรฟรี แต่ถ้าใช้เพื่อการศึกษาหรือภาคธุรกิจ หน่วยงานต่างๆ ต้องเสียเงิน) ถ้าท่านมีงบ ซื้อเครื่องใหม่ได้เลยครับ เดี๋ยวนี้ราคาเริ่มต้นไม่แพงแล้ว 7-8 พันกว่าบาทก็ได้คอมพิวเตอร์ใหม่ใช้งานพื้นฐานรองรับ Windows รุ่นใหม่แล้ว แต่แนะนำเผื่อเงินซื้อลิขสิทธิ์ Windows แท้อย่าง Windows 10 ไปเลย ช่วยให้การทำงานมีเสถียร์ภาพและปลอดภัยมากขึ้น ถ้าเปลี่ยน OS แล้วคุณยังจำเป็นต้องใช้ Software เก่าๆ ควรปรับตัวอย่างไร ใช้งานระบบปฏิบัติการเก่าบน Virtual Machine อย่าง Microsoft Hyper-V, Oracle VirtualBox, VMWare และควรตัดการเชื่อมต่อกับเครือข่าย LAN และอินเทอร์เน็ต

ถ้าคุณใช้ Windows 7 อยู่ จะสามารถติดตั้ง XP Mode ได้ โดยดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ Microsoft ตามลิงค์นี้

Windows Virtual PC https://www.microsoft.com/th-th/download/details.aspx?id=3702

Windows XP Mode https://www.microsoft.com/en-us/download/details.aspx?id=8002

และติดตั้งตามนี้ เพื่อจำลองการรัน Windows XP บน Windows 7 https://support.microsoft.com/th-th/help/977274

หากใช้โปรแกรมรันบน DOS ใช้ DOSBox (โปรแกรมจำลอง DOS) ช่วยได้ ดาวน์โหลดได้ฟรีที่ https://www.dosbox.com/download.php?main=1

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook