เทียบหน้าตาและฟีเจอร์ iOS 11 กับ iOS 10 ของใหม่ต่างจากของเก่าอย่างไร มีอะไรเพิ่มเข้ามาบ้าง

เทียบหน้าตาและฟีเจอร์ iOS 11 กับ iOS 10 ของใหม่ต่างจากของเก่าอย่างไร มีอะไรเพิ่มเข้ามาบ้าง

เทียบหน้าตาและฟีเจอร์ iOS 11 กับ iOS 10 ของใหม่ต่างจากของเก่าอย่างไร มีอะไรเพิ่มเข้ามาบ้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปรียบเทียบหน้าตาและฟีเจอร์ iOS 11 กับ iOS 10 ของใหม่ต่างจากของเก่าอย่างไร มีอะไรเพิ่มเข้ามาบ้าง ดูกันชัดๆ ที่นี่

ในที่สุดก็เปิดตัวกันไปเรียบร้อยแล้วเมื่อคืนนี้กับ iOS 11 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ล่าสุดที่จะเข้ามาขับเคลื่อน iPhone และ iPad ให้ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม ซึ่งในครั้งนี้ก็มีการปรับปรุง UI ให้ใช้งานง่ายและเพิ่มอิสระในการปรับแต่งมากขึ้น โดยภาพรวมแล้วหน้าตาของ iOS 11 มีความแตกต่างจาก iOS 10 มากพอสมควร แต่การบรรยายอย่างเดียวคงไม่ช่วยให้เห็นภาพเท่าไหร่ ในบทความนี้เราจึงนำหน้าตาของ iOS 11 และ iOS 10 ในส่วนต่างๆ มาเปรียบเทียบให้ดูกันชัดๆ จะเปลี่ยนไปแค่ไหน และดีขึ้นอย่างไร ไปดูกันเลยครับ

[ซ้าย iOS 11 / ขวา iOS 10]

1. Notification Center และ Home Screen

ในส่วนของหน้า Notification Center ของ iOS 11 มีการปรับโฉมใหม่ให้ดูคล้ายกับหน้าจอ Lock Screen ฟอนต์ตัวอักษรหนาขึ้นเล็กน้อย ทำให้อ่านได้ง่ายขึ้นบนฉากหลังที่สว่าง นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงไอคอนสัญญาณโทรศัพท์ทางซ้ายบน และเปลี่ยนไอคอนแจ้งสถานะแบตเตอรี ส่วนหน้า Home Screen ยังมีดีไซน์เหมือนเดิม

 2. Control Center

Control Center เป็นความเปลี่ยนแปลงของ iOS 11 ที่ชัดเจนที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่หมดกลายเป็นวิดเจ็ตที่ควบคุมได้ง่ายกว่าเดิม และยังมีตัวเลือกการตั้งค่าที่ละเอียดขึ้น ทำให้เราปรับเปลี่ยนวิดเจ็ตในหน้า Control Center ได้ตามใจชอบ นอกจากนี้ยังสามารถกดเบา-กดหนักเพื่อเข้าถึงการตั้งค่าในระดับต่างๆ กันได้ด้วย

3. App Store

App Store ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีการปรับโฉมใหม่ใน iOS 11 เช่นกัน โดยเปลี่ยนจากการแสดงไอคอน ไปเป็นการเน้นแสดงรูปภาพตัวอย่างแทน และยังมีการแบ่ง category ออกเป็นหลายๆ ส่วนเช่น Today (แสดงแอปพลิเคชันมาใหม่), Games และ Apps ส่วนปุ่มอัปเดตและแถบค้นหายังคงไม่หายไปไหน

 4. Settings

หน้าตาในส่วนของการตั้งค่าได้รับการปรับปรุงขึ้นเล็กน้อย โดยขยายชื่อเมนูด้านบนให้ใหญ่ขึ้น และเปลี่ยนรูปร่างของแถบค้นหาให้ดูเข้ากับธีมมากกว่าเดิม เมื่อเลื่อนลงมาจะพบกับเมนูใหม่ ได้แก่ Accounts & Passwords และ Emergency SOS

 5. ปุ่มกดโทรศัพท์

แป้นกดเลขหมายโทรศัพท์ของ iOS 11 ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมาก มีเพียงฉากหลังที่ขาวสว่างขึ้น และฟอนต์ที่มีการปรับปรุงนิดหน่อย

 6. Recent Calls

หน้าจอการโทรล่าสุดของ iOS11 มีการเพิ่มขนาดฟอนต์ให้ใหญ่ขึ้น และหนาขึ้น ไม่ต้องเพ่งตาอ่านกันอีกต่อไปเหมือน iOS เวอร์ชันก่อน

 7. Calculator

แอปพลิเคชัน Calculator ใน iOS 11 เปลี่ยนดีไซน์แป้นตัวเลขใหม่ จากแบบตารางมาเป็นปุ่มวงกลมแยกจากกัน และมีตัวเลขที่มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยลดปัญหาการกดผิดปุ่มได้พอสมควร

 8. Calendar

Calendar ของ iOS 11 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเท่าไหร่ เพียงแค่ขยายฟอนต์ให้หนาขึ้นเพื่อให้ดูง่าย และเปลี่ยนสีฟอนต์บางส่วน

 9. Camera

เมนูการถ่ายภาพในแอป Camera ใน iOS 11 มีการนำการตั้งค่าหลักๆ กลับมา หลังจากที่ถูกถอดออกไปในแอป Camera & Photos ของ iOS 10 เพิ่มฟังก์ชันการสแกน QR Code หน้าเมนูที่ให้เราเลือกฟอร์แมตของไฟล์ภาพถ่ายได้ (HEIF/HEVC, JPEG/H.264)

 10. iMessages

iMessage มีการเพิ่มแถบเมนูด้านล่างแสดงทางลัดเข้าสู่แอปพลิเคชันต่างๆ ส่วนไอคอนสติกเกอร์ก็สามารถปัดขึ้นเพื่อเรียกดูไอคอนแพ็คทั้งหมดได้เลย

 11. Safari

Safari เบราเซอร์คู่ชีพของ iOS ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ยกเว้นแถบ URL ที่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย

 12. iPhone Storage

ในส่วนของ Storage หรือการจัดการหน่วยความจำ มีการเพิ่มชาร์ตให้ดูกันชัดๆ ว่าไฟล์ประเภทใดกินพื้นที่ในเครื่องไปเท่าไหร่ และยังปรับปรุงเมนูให้เข้าใจง่าย และเข้าถึงการตั้งค่าได้ง่ายกว่าเดิมมาก

 ทั้งหมดนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของ iOS 11 เท่านั้น สำหรับฟีเจอร์อื่นๆ ของ iOS 11 สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่บทความ : สรุปข้อมูล iOS 11 ในงาน WWDC 2017

iOS 11 เปิดให้นักพัฒนาดาวน์โหลดไปทดสอบแล้ววันนี้ ดาวน์โหลดได้ที่ https://developer.apple.com และจะเปิดให้ดาวน์โหลดแบบ Public Beta ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ส่วนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป จะเปิดให้ดาวน์โหลดในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่มีการเปิดตัว iPhone 7S, iPhone 7S Plus และ iPhone 8 นั่นเองครับ 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook