รีวิว Nokia 8 เรือธงของโนเกีย กับการกลับมาจับมือกับเพื่อนเก่าอย่าง Zeiss

รีวิว Nokia 8 เรือธงของโนเกีย กับการกลับมาจับมือกับเพื่อนเก่าอย่าง Zeiss

รีวิว Nokia 8 เรือธงของโนเกีย กับการกลับมาจับมือกับเพื่อนเก่าอย่าง Zeiss
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ประเทศไทยได้เป็นหนึ่งในประเทศที่ขาย Nokia 8 เรือธงตัวใหม่ออกมาได้เร็วพอสมควร ระดับโลก ถ้าปล่อยแค่พรีวิวให้อ่านกันคงยังไม่พอใช่ไหมครับ ครั้งนี้มาพบกับรีวิวของ Nokia 8 ใหม่ล่าสุดเลยดีกว่า จะมีความน่าสนใจอะไรกับมือถือรุ่นนี้ในมุมมองการจับจริง มาดูกันดีกว่า

รายละเอียดของ Nokia 8

  • ขนาดตัวเครื่อง 151.5 x 73.7 x 7.9 มิลลิเมตร
  • สีตัวเครื่อง Tempered Blue, Polished Blue, Steel
  • น้ำหนัก 160 กรัม
  • CPU : Qualcomm® Snapdragon ™ 835 MSM8998 (4 * 2.45GHz Qualcmm® Kryo ™ + 4 * 1.8GHz Kryo)
  • GPU : Adreno 540
  • RAM 4GB  LDDR4X
  • ความจุในตัว 64GB
  • ความจำเพิ่มเติม : Micro SD 256GB
  • รองรับสัญญาณเครือข่าย : 2G/3G/4G Cat 9 450/50 Mbps (Dual SIM)
  • WiFi 802.11 b/g/n/ac, Bluetooth V5.0
  • หน้าจอ 5.3 นิ้ว IPS LCD ความละเอียด 2560x1440
  • กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลใช้เลนส์ Zeiss เลนส์คู่ F2.0 พร้อมกับ Laser Auto Focus และมี LED Flash 2 ดวง
  • กล้องหน้าความละเอียด 13 ล้านพิกเซล F2.0 auto focus
  • แบตเตอรี่ : 3090 mAh
  • ระบบปฏิบัติการ Android 7.1.1 พร้อมอัปเกรดเป็น Android 8.0

รูปร่างของ Nokia 8

ด้านหน้า ดูดีมีเอกลักษณ์เหมือน Nokia 3, 5 และ 6 ที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ว่าหน้าจอขนาด 5.3 นิ้ว ซึ่งไม่ได้เล็กและไม่ใหญ่ จับได้ถนัดมือ ความละเอียด 2560x1440 พิกเซล ใช้หน้าจอแบบ IPS LCD รองรับมัลติทัช 10 จุด

 

ส่วนบน มีกล้องหน้าขนาด 13 ล้านพิกเซล, เซนเซอร์ หูฟังสนทนา และมีโลโก้ Nokia แบบเด่นชัด

 

ส่วนล่างมีปุ่มกด Back, Home ที่ติดตั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ, และปุ่ม Recent Apps สลับ Apps ได้

 

ด้านข้างออกแบบให้รับกับมือดี แต่ก็แอบคิดว่ามันคือ Nokia 5 ช่องใส่ซิมครั้งนี้ยุบเหลือ 1 ช่องโดยเป็น Nano SIM 1 ช่องพร้อมกับ Hybrid Slot สามารถสลับได้ทั้ง Nano SIM และ Micro SD

 

ด้านข้างขวา มีปุ่มปรับระดับเสียงและ Power ขนาดกำลังดี

 

ด้านบนมีเสาอากาศ และมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

 

ด้านล่าง มีทั้งไมโครโฟน, ลำโพง และ USB-C พร้อมกับเส้นของเสาอากาศ

 

ด้านหลังออกแบบเรียบง่ายพร้อมโลโก้ Nokia อยู่ตรงกลาง แต่ด้านบนของกล้องนั้นมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ มีทั้งไมโครโฟน และกล้องใหม่ใช้เลนส์ Zeiss แบ่งออกเป็นเลนส์สีและขาวดำ พร้อมกับ Laser Focus และมี LED Flash ให้ 2 ด้วย และด้านหลังมีให้เลือก 3 สีในระยะแรกคือ สีน้ำเงินผิวด้าน, เงิน, น้ำเงินผิวเงา

ภาพรวมของโนเกีย 8 ถือว่าเป็นมือถือขนาดเหมาะมือที่จับได้ดี และมีขนาดหน้าจอที่เหมาะกับการใช้งานของคนทั่วไป การจัดองค์ประกอบทำได้ดี แต่ถ้าจะให้พูดถึงข้อเสียคงมี 2 จุดคือ ไม่ว่าจะเลือกสีอะไรจะได้หน้าสีดำเหมือนกัน และ ข้างหลังนั้น ค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องเกิดรอยง่าย โดยเฉพาะผิวแบบ Glossy และจุดเด่นอีกข้อคือ กันน้ำได้ในระดับ IP54

ประสิทธิภาพ ของ Nokia 8

 

จากที่ได้ทดสอบประสิทธิภาพจาก Antutu ออกมานั้นได้อยู่ที่ 175460 คะแนน แม้ว่าจะด้อยกว่าตอนทำบทความสัมผัสแรกนิดหน่อย แต่ถือว่าใกล้เคียงกัน เรื่องการเล่นเกมและใช้งานพร้อมกันหลาย ๆ เรื่องนั้นถือว่าหมดห่วงได้ แต่ว่า ระหว่างที่ใช้งานกับ Nokia 8 นั้นพบว่าความร้อนของเครื่องปรากฏออกมามากเกินไปสักหน่อย แม้ว่าจะมีระบบ Head Pipe มาช่วยแล้วก็ตาม แนะนำว่า ควรหาซื้อเคสแบบดี ๆ ไม่ต้องหนามาใช้จะดีไม่น้อย

 

ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 3090 mAh แม้จะเล็กไปหน่อย หลายคนคิดว่ามือถือรุ่นนี้ต้องกินพลังงานเพราะ CPU ตัวแรง แต่จากที่ทดลองด้วยการใช้โปรแกรม PC Mark ทดสอบพลังงานกลับใช้ได้ถึง 10:40 ชั่วโมง โดยประมาณ ถือว่าทนทาน และใช้งานจริง ๆ นั้นพบว่าสามารถรอดได้ทั้งวัน เพราะหน้าจอของเครื่องไม่ได้ใหญ่

นอกจากนี้ Nokia 8 ก็มีโหมดประหยัดพลังงาน และยังมีระบบ Quick Charge 3.0 ติดมาให้ด้วยเช่นเดียวกันหายห่วงเรื่องพลังงานไปได้เลย

ลูกเล่นเด่นของ Nokia 8

 

เริ่มด้วยระบบปฏิบัติการของ Nokia 8 ยังได้ใช้ Android 7.1.1 Nougat อยู่ แต่คาดว่าอีกไม่นานหลังจากนี้จะได้กิน Android Oreo 8.0 แน่นอน และด้วยความว่าหน้าจอเป็นแบบ Pure Android ทำให้ไม่ต้องทำความเข้าใจอะไรใหม่เยอะ ความลื่นไหลดี ใช้งานคล่องมือ

ลูกเล่นที่เด่น ๆ ของ Nokia 8 นั้นมีให้เลือกใช้มากมายเช่น

  • Nokia Glance ฟีเจอร์การแจ้งเตือนเมื่อปิดหน้าจออยู่ สามารถแจ้งจำนวนข้อความ จำนวนสาย นาฬิกาปลุก ข้อมูลนาฬิกาปลุกได้
  • Nokia Care บอกข้อมูลเรื่องคู่มือ, คุยกับฝ่ายสนับสนุน, ดูระยะรับประกัน และมีข้อมูลศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุดให้คุณได้รู้
  • Application ของ Google มาให้ครบไม่มีขาด

 

ระบบเสียงของ Nokia 8 นั้นคล้ายกับ Nokia 3 และ 5 ก็ยังไม่มีลูกเล่นเด็ดออกมา ณ ตอนนี้ แต่เชื่อว่าหลังบ้านกำลังพัฒนาลงไปในโนเกีย 8 อยู่ แต่จากที่ได้ลองนั้นถือว่าเสียงออกมายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ให้เสียงคมชัดนและรองรับ File ความละเอียดสูงได้ดี แต่ว่าลำโพงเครื่องอยู่แค่ด้านล่าง ทำให้เสียงออกมาเบาไปหน่อย โดยเฉพาะเมื่อจับเครื่องเล่นเกม

ส่วนลูกเล่นที่เหลือนั้นมีทั้งเครื่องคิดเลข, Google Photos สามารถปรับแต่งภาพได้ โดยเฉพาะภาพหน้าชัดหลังเบลอ, แต่ไม่มีเครื่องอัดเสียง ซึ่งต้องโหลดเอง

 

กล้องหลังของ Nokia 8 เป็นการกลับมาอีกครั้งของเลนส์ Zeiss ของโนเกียหลังจากหลายไปสักพักใหญ่เมื่อ Microsoft ซื้อกิจการไปนั่นเอง โดยครั้งนี้เลือกใช้กล้องคู่ด้านหลังขนาด 13 ล้านพิกเซล พร้อมกับ LED Flash 2 ดวง และมี Laser Focus และมีเลนส์สีและขาวดำแยกกัน โดยเลนส์สีจะมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS มาให้ด้วย

หน้าตา UI ของกล้องไม่ได้แตกต่างอะไรจาก Nokia 3, 5 และ 6 คือสามารถเลือกเข็มทิศ ความสูง เส้นตัดได้ และสามารถเลือกกล้องสี, ขาวดำ หรือรวม 2 กล้องได้ และรองรับ HDR

ส่วนโหมดกล้องกล้องนั้นมีให้เลือกตั้งแต่ ปรับเอง, Live Bokeh โดยสามารถปรับที่หลังได้ Panorama และ Touch up แต่ที่โนเกียภูมิใจนำเสนอคือ การถ่ายภาพกล้องหน้าและหลังพร้อมกัน โดยแบ่งเป็นครึ่งต่อครึ่งหรือ Dual Sight Mode และสามารถถ่ายได้ทั้งแบบวีดีโอ หรือ ภาพนิ่งและรวมถึงการ Live อีกด้วย

นอกจากนี้ โนเกีย 8 ติดตั้งระบบ Live ให้สามารถเปิดกับกล้องมือถือคุณได้ทันที สามารถทำได้ทั้งกล้องหน้าและหลัง แถมระบบเสียง การถ่ายวีดีโอ Nokia OZO ทำงานพร้อมกับไมโครโฟน 3 ตัวให้เสียงที่ดังใช้ได้เมื่อต้องถ่ายวีดีโอ

และยังถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงสุด 4K และ Slow Motion ได้ช้าสุดที่ 120 FPS ความละเอียด 720P

กล้องหน้าของ Nokia 8 ให้ขนาด 13 ล้านพิกเซล F2.0 ใช้เลนส์ของ Zeiss เช่นกัน โดยมีโหมดการทำงานคล้าย ๆ กับกล้องหลัง รวมถึงสามารถปรับระดับ Beauty Mode ได้ 20 ระดับ

(ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Nokia 8)

สรุปจากที่ได้ลอง Nokia 8

 

เป็นมือถือที่ครบเครื่องเน้นเรื่องการถ่ายภาพที่ออกมาทำได้คุณภาพไม่ผิดหวัง สเปคแรงตอบสนองการเล่นเกมและใช้งานได้คล่องตัว และยังมีดีกรีอัปเดตได้ไกล เพราะใช้ Pure Android ประทับใจตรงนี้อย่างมากที่สุด และเชื่อว่าคนที่ซื้อไม่ผิดหวัง แต่อยากให้ปรับปรุงเรื่องกล้องแค่เรื่องการหน้าตาให้ใช้งานง่ายกว่านี้ และความร้อนของเครื่องเกิดง่ายไปนิด

ส่วนราคาของ Nokia 8 เคาะอยู่ที่ 19,500 บาท เมื่อเทียบกับมือถือที่สเปคเทียบเท่ากันก็จะมี Sony Xperia XZ Premium, HTC U11, Xiaomi Mi6, Samsung Galaxy S8 แต่ละตัวก็มีอาวุธและของเล่นเยอะไม่แพ้กัน แต่โนเกียจะขายได้ในเรื่องของ ความเป็น Pure Android และกล้องที่ไว้ใจได้ แต่อาจจะไม่ได้ชูจุดเด่น ยกเว้นถ้าคุณต้องการถ่ายภาพกล้องหน้าและหลังพร้อมกัน มันก็เป็นตัวเลือกที่น่าสน และราคาไม่แพง จะแพ้ราคาที่ Xiaomi เท่านั้นเอง

แต่สุดท้ายแล้วถ้าคุณคิดถึง Zeiss และโนเกีย อยากลองอะไรแปลกใหม่ ฟีเจอร์กล้องที่จัดมาหนัก คุณภาพงานประกอบดี และอัปเกรดได้ไกล Nokia 8 คือตัวเลือกที่ใช่ครับ

ข้อดี

  • Pure Google แบบดั่งเดิม พร้อมอัปเกรด Android Oreo
  • กล้องหน้าและกล้องหลังเลนส์ใช้ของ Zeiss
  • ลูกเล่นกล้องมากมายทั้งละลายหลัง และถ่ายภาพกล้องหน้าหลังพร้อมกันได้
  • สเปคเครื่องดีมาก
  • แบตเตอรี่ทนทาน
  • ราคาเครื่องคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มา

ข้อควรปรับปรุง

  • ลูกเล่นของกล้องแอบงง ๆ
  • ไม่มีเคสแถมมาให้
  • กล้องหลังทำงานคู่จะทำให้ระบบกันสั่นไม่ทำงาน
  • ความร้อนของเครื่องมากไปหน่อย
  • สี Polished Copper ยังไม่มา

อัลบั้มภาพ 31 ภาพ

อัลบั้มภาพ 31 ภาพ ของ รีวิว Nokia 8 เรือธงของโนเกีย กับการกลับมาจับมือกับเพื่อนเก่าอย่าง Zeiss

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook