สรุปง่ายๆ iPhone X ควรค่าแก่การซื้อหรือไม่

สรุปง่ายๆ iPhone X ควรค่าแก่การซื้อหรือไม่

สรุปง่ายๆ iPhone X ควรค่าแก่การซื้อหรือไม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Apple เปิดตัว iPhone X หน้าจอไร้ขอบที่สาวกต่างรอกันมาอย่างยาวนาน ผู้เขียนบอกตรงๆ ว่าเมื่อไปลองเล่น Galaxy S8 ก็พบว่า หน้าจอไร้ขอบ (อ่ะๆ ขอบบางละกัน) นี่มันแจ่มจริงๆ มุมมองมันกว้างขึ้นเยอะจนอยากจะได้มา แต่ติดที่เดิมว่าใช้ iPhone 6s เลยรอดู iPhone จาก Apple ก่อนดีกว่า ตอนนี้หลายๆ คนอาจจะเริ่มลังเลแล้วว่า iPhone X น่าซื้อรึเปล่านะ?

ดีไซน์

iPhone X ถือว่าเป็น iPhone ที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่ Apple เคยออกแบบและทำมา หน้าจอไร้ขอบขนาด 5.8 นิ้ว (แต่มีติ่งด้านบน) ง่ายต่อการใช้งาน และพอดีกับการใช้งานด้วยมือเดียวแต่ได้หน้าจอที่ขนาดใหญ่กว่ารุ่น Plus ขอบด้านข้างของเครื่องเป็นสแตนเลสสตีลด้านหลังเป็นกระจก จากเดิมที่เป็นโลหะทั้งหมด การออกแบบในครั้งนี้ดูดีเลยทีเดียว

ซอฟท์แวร์

ครั้งแรกของ iPhone ที่มาพร้อมกับการควบคุมแบบใหม่ที่ไม่มีปุ่มโฮมอีกต่อไป โดยจะมีการใช้งานดังนี้

ใช้การแตะหน้าจอเพื่อเปิดเครื่อง ปัดหน้าจอขึ้นเพื่อเข้าสู่หน้าโฮมสกรีน ปัดหน้าจอขึ้นค้างไว้เพื่อเปิดใช้งาน Multitasking เรียกใช้ Control Center ได้โดยการปัดขอบด้านบนฝั่งขวาของรอยบากลงมา เรียกใช้ Notification Center ได้โดยการปัดขอบด้านบนฝั่งซ้ายของรอยบากลงมา

นอกจากนี้ยังสามารถสลับแอปที่ใช้งานได้โดยการปัดไปทางซ้าย-ขวา ที่ขีดๆ ด้านล่างได้อีกด้วย

ฮาร์ดแวร์

iPhone X (รวมถึง iPhone 8 และ iPhone 8 Plus) มาพร้อมชิปประมวลผล Apple A11 Bionic จัดเป็นชิปเซ็ตที่แรงที่สุดในหมู่บรรดาสมาร์ทโฟนทุกค่ายในตอนนี้ ในส่วนของกล้องนั้นก็มาพร้อม Portrait Mode แบบใหม่ กันสั่นแบบฮาร์ดแวร์ทั้งสองตัว (OIS) และโมดูลลสำหรับถ่าย Telephoto นั้นก็มีรูรับแสงที่กว้าง f/2.4 กว้างกว่า iPhone 8 Plus ที่มีรูรับแสง f/2.8

แต่จุดที่สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนคือ Face ID หรือระบบความปลอดภัยแบบใหม่ของ Apple ถึงแม้ว่าดูแล้วอาจจะไม่ว้าวอะไรเพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีแบรนด์อื่นทำออกมาแล้ว แต่ Apple ยืนยันว่า Face ID ของ iPhone X นั้นแตกต่างออกไป มีความปลอดภัยสูงกว่ามาก ไม่สามารถหลอกได้ด้วยรูปถ่ายเหมือนบางค่าย และเซ็นเซอร์ 3D นี้ยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Animoji น่ารักๆ ได้อีกด้วย

Apple ได้พัฒนาหน้าจอขึ้นนไปอีกระดับกับ Super Retina Display ซึ่งใช้หน้าจอ OLED ความละเอียด 2436 x 1125 พิกเซล ความหนาแน่น 459 ต่อนิ้ว ซึ่งเป็น iPhone ที่มีความละเอียดหน้าจอมากที่สุดเท่าที่ Apple เคยทำมา

สรุป

สำหรับผู้ใช้งาน iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ที่เพิ่งซื้อเครื่องใหม่มา ยังไม่ต้องรีบเปลี่ยนก็ได้ เนื่องด้วยการดีไซน์แบบเดิมและความแรงของชิปประมวลผลก็ยังใช้งานได้อย่างเหลือๆ อาจจะรอสัก 1 ปี เผื่อว่า Apple จะสามารถจัดการกับรอยบากด้านบนหน้าจอได้ดีกว่านี้ครับ

สำหรับู้ใช้งาน iPhone ที่ไม่ได้จำเป็นต้องจ่ายเงินถึง 40,000 บาทเพื่อซื้อ iPhone X คือใช้งานเพียงทั่วไปเท่านั้น อาจจะหยุดที่รุ่นเดิมก่อนก็ได้ เพราะอย่างไรเทคโนโลยีเมื่อเวลาผ่านไปราคาก็ต้องมีลงบ้าง ตอนนี้ก็ยังไม่จำเป็นต้องควักเงินมหาศาลที่สามารถซื้อ MacBook Air ไปใช้กับ iPhone ครับ

แต่คุณมีความอยากได้มามากกว่า 80% โดยเฉพาะแฟนๆ หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าสาวก ถ้าเงินถึงก็จัดเลยครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook