กว่าจะมาเป็นรอยบากบนหน้าจอ iPhone X ก็มีประวัติที่ยาวนานและล้ำมาก

กว่าจะมาเป็นรอยบากบนหน้าจอ iPhone X ก็มีประวัติที่ยาวนานและล้ำมาก

กว่าจะมาเป็นรอยบากบนหน้าจอ iPhone X ก็มีประวัติที่ยาวนานและล้ำมาก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

iPhone X เป็นอุปกรณ์ที่ดีที่สุดที่แสดงให้เราเห็นว่า เทคโนโลยีเกี่ยวกับเซนเซอร์และระบบการประมวลผล นั้นมีการพัฒนาอย่างมากในช่วงเวลาสิบปีที่ผ่านมา หากใครยังจำได้ จุดเริ่มต้นนั้นเริ่มขึ้นในปี 2009 เมื่อ Microsoft ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ด้านล่างนี้ครับ

และในปัจจุบัน Apple สามารถย่อขนาดเทคโนโลยีทั้งหมดจากเมื่อ 10 ปีก่อน ใส่ลงในพื้นที่รอยแหว่งขนาดเล็กนิดเดียวได้

เทคโนโลยีจาก Microsoft เป็นการยิงแสงอินฟราเรดจำนวนมากออกไป จากนั้นจะทำการตรวจจับพวกมันด้วยกล้องอินฟราเรด โดยประมวลผลสิ่งที่อยู่ตรงหน้าผ่านข้อมูลที่กลับเข้ามาผ่านชิปพิเศษ โดยเทคโนโลยีจาก Microsoft กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกซื้อรวดเร็วที่สุด ณ เวลานั้น ถึงแม้ว่าในวงการเกมแล้ว มันจะถือเป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างไม่ได้รับความสนใจมากเท่าที่ควรก็ตาม แต่เทคโนโลยีนี้ก็มีผลอย่างมากต่อการพัฒนาวงการหุ่นยนต์และการพัฒนาเครื่องจักรต่างๆ

ในปี 2013 Apple ได้เข้าซื้อ PrimeSense ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวจาก Microsoft ไป และต่อมา Microsoft ก็ได้เปิดตัว Xbox One ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาเอง มาแทนที่เทคโนโลยีจาก PrimeSense ซึ่งมีความแม่นยำและมีความละเอียดมากขึ้น โดยมันสามารถจดจำใบหน้า หรือแม้แต่ตรวจจับอัตราการเต้นหัวใจได้เลยทีเดียว

และปัจจุบัน Apple ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใส่เซนเซอร์ที่มีความสามารถในการตรวจจับใบหน้า รวมถึงฟีเจอร์ Face ID ขึ้น โดยมีอุปกรณ์สำคัญคือ กล้องหน้า เทคโนโลยี “TrueDepth” ที่สามารถยิงแสงกว่า 30,000 จุด และสามารถสร้างแบบสแกนใบหน้าคนความละเอียดสูงได้ และ Apple ยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น แต่กลับใส่ฟีเจอร์ Animoji สุดเจ๋ง และลูกเล่นกล้องหน้าที่สามารถคาดเดาทรงหน้าแล้วสร้างเงาแสงมุมต่างๆ ให้กับรูปถ่ายของเราได้อีกด้วย

ถึงแม้หลักการทำงานของระบบจะยังคล้ายกับเมื่อ 10 ปีก่อน แต่รายละเอียดนั้นมีความซับซ้อนมากขึ้นอย่างมาก ใครจะไปคิดว่า เทคโนโลยีนี้จะสามารถถูกย่อขนาดให้เล็กจิ๋ว แล้วนำมาใส่ในรอยแหว่งเล็กๆ ที่ด้านบนหน้าจอของสมาร์ทโฟนราคา 999$ ได้!

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook