รีวิว Samsung Galaxy Note 8 การกลับมาพร้อมกับกล้องหลังคู่และเทคโนโลยีอัดแน่น

รีวิว Samsung Galaxy Note 8 การกลับมาพร้อมกับกล้องหลังคู่และเทคโนโลยีอัดแน่น

รีวิว Samsung Galaxy Note 8 การกลับมาพร้อมกับกล้องหลังคู่และเทคโนโลยีอัดแน่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 หลังจากเกิดความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของ Galaxy Note 7 จนถึงขึ้นต้องยุติการจำหน่ายทั่วโลก ครั้งนี้เป็นเวลา 1 ปีเต็มที่ตระกูล Note กลับมาอีกครั้งที่เรียกได้ว่าเรียนรู้ปรับตัวใหม่เหมาะกับการใช้งานของคนทั่วโลก เน้นความปลอดภัยที่มากขึ้น แต่จะดีจริงหรือไม่ มาดูกันในรีวิว Samsung Galaxy Note 8 กันดีกว่า

รายละเอียดของ Samsung Galaxy Note 8

 - ขนาดตัวเครื่อง 162.5 x 74.8 x 8.6 มิลลิเมตร

- สีตัวเครื่อง Midnight Black (ดำ), Maple Gold (ทอง) และ Orchid Gray (เทา)

- น้ำหนัก 195 กรัม

- CPU : Exynos 9 (8895) Octa Octa-core (4x2.3 GHz & 4x1.7 GHz)

- GPU :  Mali G71

- RAM : 6GB

- ความจุในตัว 64GB

- เพิ่มความจำได้ด้วย Micro SD 256GB

- การเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ : 2G/3G/4G Cat 16 1Gbps / 50Mbps

- WiFi 802.11 b/g/n/ac, Bluetooth V5.0

- หน้าจอ 6.3 นิ้ว Infinity Display Super AMOLED ความละเอียด 2960x1440

- กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล F1.7 พร้อม Auto Focus

- กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล เลนส์คู่ F1.7 Dual Pixel พร้อมกับระบบ Auto Focus + LED Flash + Smart OIS

- แบตเตอรี่ 3300 mAg

- ระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat

รูปร่างของ Samsung Galaxy Note 8

เริ่มจากด้านหน้าของ Samsung Galaxy Note 8 นั้นไม่ได้แตกต่างอะไรมากเมื่อเทียบกับ Galaxy S8+ เพียงแต่หน้าจอขนาดใหญ่กว่าเป็น 6.3 นิ้ว แต่ความละเอียดยังคงเดิมคือ Quad HD+ แบบ Infinity Display รองรับมัลติทัช  10 จุด เช่นเคย คุณภาพของหน้าจอ Samsung Galaxy Note 8 ไม่เคยทำให้ผิดหวังเพราะให้แบบ Super AMOLED

ส่วนบน เซนเซอร์, หูฟัง Infrared สำหรับสแกนม่านตา และมีระบบสแกนใบหน้า และมีกล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สังเกตว่าช่องเสียบหูโทรศัพท์เล็กลงชัดเจน

ส่วนล่างมีปุ่ม Recent สำหรับสลับ Apps, ปุ่ม Home แบบสัมผัส แต่เมื่อปิดเครื่องจะไม่มีปุ่มกดแต่อย่างใด

 

ด้านข้างนั้นออกแบบให้เหลี่ยมสันกว่าเดิม ทำให้สามารถจับเครื่องได้ถนัดมือมากกว่า S8 เล็กน้อย แต่เห็นหน้าจอน้อยกว่า S8 พร้อมกับปุ่มกดฝั่งขวามีปุ่ม Power

 

ฝั่งซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มคำสั่งเสียบ Bixby

 

ด้านบนมีถาดใส่ซิมแบบ Nano SIM  พร้อมกับช่องใส่ซิมอีกช่องรองรับทั้งซิมแบบ Nano SIM หรือการ์ดความจำแบบ Micro SD ได้เช่นกัน พร้อมกับไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน

 

 ด้านล่างมีช่องเสียบ USB-C พร้อมกับ ช่องเสียบรูหูฟัง,ไมโครโฟน, และช่องเก็บปากกา S Pen

 

ด้านหลังแม้ว่าจะคล้ายกันแต่ว่า Note 8 จะมีกล้องหลังคู่ขนาด 12 ล้านพิกเซล พร้อมกับตำแหน่งของ Flash และ Heart Rate Sensor  ย้ายมาขั้นกลางระหว่างระบบสแกนลายนิ้วมืออยู่ด้านขวามือ พร้อมโลโก้ Samsung ถัดลงมา

 

ภาพรวมของเครื่องนั้นเป็นมือถือที่มีความคล้ายกับ Galaxy S8 อยู่ แต่ว่าขนาดตัวเครื่องใหญ่กว่าชัดเจน เหลี่ยมขึ้น และออกแบบให้คล้ายกับกระดาษจนมากกว่า S8 แต่ที่ดูจะไม่ลงตัวคือน้ำหนักของเครื่องที่มากไปหน่อยเท่านั้นเอง

ประสิทธิภาพของ Samsung Galaxy Note 8

 

จากภาพการทดสอบ Benchmark ที่เห็นคะแนนของ Antutu นั้นทำได้อยู่ที่ 175,074 คะแนน ถือว่าสูงพอสมควร เกิดจาก RAM ของเครื่องที่มากขึ้น เรียกได้ว่าหมดห่วงทั้งการทำงานและเล่นเกมได้อย่างดี ส่วนถ้าเล่นเกมนาน ๆ แล้วจะเกิดความร้อนไหม คำตอบคือ ยังคงมีเหมือนเดิม

 

 ส่วนแบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy S8 ให้มาขนาด 3300 mAh มากกว่า S8 และน้อยกว่า S8+ เมื่อทดสอบแบตเตอรี่พบว่าสามารถใช้งานได้อยู่ที่ 9 ชั่วโมง 5 นาที ถือว่าสั้นกว่าที่คิดไปนิดนึง แต่เมื่อใช้งานทั่วไป ด้วยความที่ CPU จัดการพลังงานดี ทำให้สามารถเอาตัวรอดได้ แต่ถ้าใช้งานหนักก็ต้องชาร์จระหว่างวันอยู่ดี

ส่วนระบบประหยัดพลังงานที่ให้นั้นยังคงมี โหมดให้เลือกปรับพลังงานทั้งหมด 3 รูปแบบ โดยดีที่สุดจะเข้า Ultra Saving Mode เหลือ โทรกับทำอะไรผ่าน Apps ที่กำหนดเท่านั้น และยังใจดีให้เลือกเหมือนเดิม พร้อมกับ Fast Charge ให้เลือกเช่นกัน

คุณสมบัติลูกเล่นที่น่าสนใจ

 

Samsung Galaxy Note 8 ให้ระบบปฏิบัติการ Android 7.0 พร้อมกับ User Interface แบบใหม่ที่สามารถปรับได้ทั้งแบบใหม่ที่ใช้การปัดไปมา โดยสามารถเข้า Apps Drawer โดยการปัดลง หรือจะเลือกแบบดั่งเดิมก็ได้ รองรับกับหน้าจอที่ยาวขึ้น พร้อมกับเปลี่ยน icon ให้ดูดีเลยทีเดียว และมี Notification ที่เข้าใจง่ายมาก

ลูกเล่นใหม่ของ Samsung Galaxy Note 8 มีการเพิ่มเติมความสามารถของเดิมอย่างมาก เช่น

  • ระบบสแกนม่านตา Iris Scan เพิ่มความปลอดภัยไปอีกขั้นหนึ่ง
  • ระบบจดจำใบหน้า เครื่องจะจดจำใบหน้าที่คุณได้บันทีกเอาไว้และสามารถนำมาใช้ในการปลดล็อคได้
  • Samsung Pass คล้ายกับ Samsung Pay แต่มันคือการใช้งานกับบัตรผ่านเช่นรถไฟฟ้าในบางประเทศ แต่ระบบปลดล็อคที่ทำงานร่วมกับทั้งคู่ได้มีเพียงแค่ สแกนลายนิ้วมือเท่านั้น
  • Secure Folder ระบบข้อมูลลับรวมถึง Apps ที่สามารถสร้างเพิ่มขึ้นมา ทำได้เหมือนกับกับการมีมือถือ 2 เครื่องในตัวเดียว

  • Bixby แม้ว่าตอนนี้เครื่องที่เตรียมจำหน่ายในประเทศไทยจะใช้คำสั่งเสียงไม่ได้ แต่ในส่วนนี้จะมีข้อมูลบอกครบตั้งแต่เรื่องการสร้างนัดหมาย การบอกจำนวนก้าวเดิน การบอกสิ่งที่ต้องทำ และรวมไปถึงข่าวสารต่าง ๆ ก็มีให้ครบถ้วน วิธีการเรียกสามารถกดปุ่มทางด้านซ้าย หรือ ปัดหน้าจอทางขวาได้เช่นกัน
  • Bixby Voice คำสั่งเสียงที่สามารถทำงานได้ เฉพาะภาษาอังกฤษ ณ ตอนนี้ แต่ก็ควบคุมได้ง่าย
  • Samsung DeX อุปกรณ์เสริมสำหรับคนที่อยากให้ Galaxy S8 ขยายสู่หน้าจอใหญ่และสามารถทำงานได้เหมือนกับคอมพิวเตอร์ ที่ใกล้เคียงกับความจริง แต่จะทำได้มากแค่ไหนคงต้องรอนำมาทดสอบกันต่อไป แถมครั้งนี้เล่นเกมได้ด้วย
  • ปุ่ม Home ด้านหน้าแม้จะซ่อนอยู่ในจอแต่ก็สามารถรองรับแรงกดในการสั่งงานได้
  • หน้าจอ Infinity Display นอกจากกว้างและใหญ่แล้วยังรองรับภาพแบบ HDR และ Dolby Vision ในบาง Apps อีกด้วย
  • Edge Screen สามารถสั่งงานทั้งเป็นโทรด่วน เรียก Apps หรือจะเป็น Mini Apps ที่ใช้งานด่วนได้
  • รองรับเทคโนโลยี Bluetooth 5.0 รุ่นใหม่ล่าสุดที่สามารถต่อเชื่อมได้ 2 อุปกรณ์และสั่งงานแยกกันได้ ถือว่าเป็นครั้งแรกบนมือถือรุ่นใหม่
  • ใส่ LTE Cat 16 มาให้จุดนี้สามารถทำความเร็ว 1Gbps ในการ Download แต่ขอเทคโนโลยีพร้อม พร้อมกับเสาอากาศแบบ 4x4 MIMO

แต่จุดเด่นที่แท้จริงนั่นคือ ปากกา S Pen ที่มีลูกเล่นมากมาย รองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับด้วยกัน กับฟีเจอร์ที่น่าสนใจไม่น้อยเช่น

  • Live Message ใช้ปากกา เขียนข้อความเป็น GIF Animation วาดภาพได้
  • Smart Select เลือกส่วนที่ต้องการของภาพได้และทำเป็น GIF Animation ได้หากเป็นภาพเคลื่อนไหว
  • Translate ใช้ปากกา ใช้การแปลภาษา แค่ชี้ไปที่คำที่เราไม่เข้าใจจะมีการแปลมาให้ แต่บางภาษาสามารถแปลเป็นประโยคได้
  • Screen Off Memo จดบันทึกเมื่อจอปิดอยู่ สามารถบันทึกได้เป็นร้อยหน้า
  • ใช้ปากกาเป็นแว่นขยาย หรือย่อ Apps โดยเรายังคงเห็นเนื้อเช่น เว็บไซต์ ได้เป็นต้น

  • สามารถวาดเขียนและผสมสีผ่าน Samsung Note ได้

ในเรื่องของคุณภาพเสียงนั้น Samsung ยังคงให้ Software ที่ชื่อว่า Sound Alive ที่สามารถปรับแต่งเสียงและปรับระบบเสียงให้รองรับเสียงแบบ UHQ ที่สามารถปรับได้หลากหลาย เมื่อลองเสียบฟังเพลงก็ถือว่าให้การตอบสนองที่ดีไม่น้อยทั้งการเสียบหูฟังหรือใช้ผ่าน Bluetooth แต่ข้อจำกัดมีนิดหน่อยคือ บางรูปแบบการเชื่อมต่อจะไม่สามารถใช้คุณภาพเสียงได้เต็มที่ และในกล่องมีหูฟัง AKG อย่าลืมลองใช้นะครับ

และยังมีเครื่องมืออื่น ๆ ทั้งเรื่องการจดผ่าน Samsung Note, Samsung Health, เครื่องคิดเลข, ไฟฉาย และเครื่องอัดเสียง เป็นต้น

สำหรับกล้องของ Samsung  Galaxy Note 8 แม้ว่าจะยังคงใช้ก้ลองหลังความละเอียด 12 ล้านพิกเซล Dual Pixel พร้อมกับค่ารูรับแสง F1.7 + Smart OIS แต่ก็เป็นครั้งแรกของ Samsung ในระดับเรือธงที่ได้กล้องคู่ โดยกล้องตัวที่ 2 นั้นจะเป็นลักษณะของ Tele Photo เน้นการซูม เพราะมีระยะ 56 มิลลิเมตร F2.4 นั่นเอง

แต่มีลูกเล่นใหม่ทั้งหมด 2 ตัวด้วยกันคือ Live Focus สามารถใช้ความสามารถของเลนส์ทั้ง 2 ตัวทำให้สามารถละลายหลังได้ โดยกล้องสามารถปรับได้แค่ความเบลอของด้านหลังเท่านั้น โดยที่เราต้องอยู่ห่างจากวัตถุ ประมาณ 4 ฟุต เครื่องจะบอกว่า พร้อมถ่ายหรือไม่

อีกฟีเจอร์หนึ่งคือ Dual Capture ซึ่งจะทำงานก็ต่อเมื่อเราเปิด Live Focus เท่านั้น การทำงานง่าย ๆ คือจะถ่ายภาพด้วยเลนส์ 26 mm F1.7 และ 52mm F2.4 เอาไว้ แล้วเมื่อเวลาแก้ไขภาพก็สามารถเลือกได้ว่าจะเอาภาพระยะไกลหรือไกลได้เช่นกัน ส่วนลูกเล่นที่เหลือไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงจาก S8 เท่าไหร่

เมื่อได้สัมผัสกล้องของ Samsung Galaxy Note 8 นั้นต้องยอมรับว่า เป็นกล้องที่มีประสิทธิภาพและสีสันที่กำลังดีไม่น้อย แต่อาจจะยังมีเรื่องของการถ่ายวีดีโอที่ระบบ Dual OIS อาจจะยังทำงานได้เกือบจะนิ่งแล้วขาดอีกหน่อยเท่านั้นเอง

และ Manual Mode ของ Samsung แม้ว่าจะเริ่มใช้งาน แต่ก็ยังต้องปรับปรุงอยู่เล็กน้อยในเรื่องการตอบสนองของภาพแบบทันทีเท่านั้นเอง และวีดีโอนั้นความละเอียดสูงสุดที่ถ่ายได้คือ 4K เท่ากับ Samsung Galaxy S8 

ส่วนกล้องหน้ายังคงใช้กล้องหน้าขนาด 8 ล้านพิกเซลพร้อมกับรูรับแสง F1.7 นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบ Auto Focus และสามารถทำหน้าชัดหลังเบลอได้ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

 

(ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy Note 8 ชมภาพเพิ่มเติมจาก Gallery ที่อยู่ด้านล่างนะครับ)

 

สรุปจากการลองใช้ Samsung Galaxy Note 8

 

เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาของ Samsung Galaxy Note ที่เข้าใจคนใช้และมีการต่อยอดจาก S8+ ในหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นกล้องที่มีความละเอียดสูง และเป็นกล้องคู่ที่สามารถถ่ายภาพละลายหลังได้ หรือจะเป็นลูกเล่นจากปากกาที่เพิ่มให้คนมาเขียนใช้ความสร้างสรรค์ที่ดีขึ้น และยังมีดีในเรื่องของฟังก์ชั่นที่ครบ แม้ว่าตัวเครื่องจะดูหนักไปหน่อยกับแบตเตอรี่ให้น้อยเกินไปนิด

แต่เมื่อเทียบกับราคาแล้วอยู่ที่ 33,900 บาท ถือว่าค่อนข้างสูงและแพงกว่า Galaxy S8+ ที่ 3,000 บาท ทำให้หลายคนคิดหนัก และคู่แข่งก็มีราคาถูกกว่านี้ แต่ด้วยความเป็น Note คือมีปากกาและ Performance ก็ทำได้ไม่เลวร้าย จึงเป็นข้อสรุปว่า ถ้าใครอยากได้มือถือที่สุดของ Android ณ ตอนนี้ มันคือรุ่นที่น่าสนใจที่สุด ณ ตอนนี้ครับ

ข้อดี

  • ขนาดหน้าจอใหญ่อลังการ
  • ลูกเล่นใหม่ ๆ เยอะมากและมีครบทุกอย่าง
  • ปากกาทำงานดีและคล่องตัวอย่างมาก
  • กล้องคู่ด้านหลังทรงประสิทธิภาพ
  • กันน้ำได้

ข้อควรปรับปรุง

  • ราคาสูงมาก
  • ระบบสแกนลายนิ้วมือก็ยังอยู่ใกล้กล้องอยู่ดี
  • หัวปากกา บางและเสี่ยงหักง่าย
  • ลำโพงหลังมีตัวเดียว

อัลบั้มภาพ 46 ภาพ

อัลบั้มภาพ 46 ภาพ ของ รีวิว Samsung Galaxy Note 8 การกลับมาพร้อมกับกล้องหลังคู่และเทคโนโลยีอัดแน่น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook