รีวิว New Microsoft Surface Pro ราคาถูกลงกับประสิทธิภาพดีขึ้น ในบอดี้ที่คุ้นเคย

รีวิว New Microsoft Surface Pro ราคาถูกลงกับประสิทธิภาพดีขึ้น ในบอดี้ที่คุ้นเคย

รีวิว New Microsoft Surface Pro ราคาถูกลงกับประสิทธิภาพดีขึ้น ในบอดี้ที่คุ้นเคย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับคนที่รู้จักกับ Microsoft Surface Pro รุ่นก่อนหน้านี้คงมีคำพูดเดียวกันว่ามันแพงมาก และประสิทธิภาพก็ไม่ได้ดีเท่ากับเพื่อน ๆ เพียงแต่มันดีตรงที่ความอเนกประสงค์ทำอะไรได้หลากหลายพร้อมกับ Touch Screen และมีปากกา ครั้งนี้เป็นการกลับมาครั้งอีกครั้งกับการรีวิว Microsoft Surface Pro รุ่นใหม่ล่าสุด

รายละเอียดของ Microsoft Surface Pro Intel Core i5)

- ขนาดเครื่อง : 292 mm x 201 mm x 8.5 mm

- น้ำหนัก :  770 กรัม (ไม่รวม Keyboard)

- สีของเครื่อง : เงิน (Keyboard เป็นอุปกรณ์เสริมเลือกสีได้)

- CPU :  Intel® Core™ i5-7 Generation

- GPU : Intel Graphic HD 620

- RAM : 8GB

- ความจำในตัว :256GB

- ความจำภายนอก USB 3.0, Micro SD

- การเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือ -

- WiFi : 802.11 b/g/n/ac

- Bluetooth : V4.1

- หน้าจอ : 12.3 นิ้ว IPS LCD  (2736 x 1824 พิกเซล)

- กล้องหน้า : 5 ล้านพิกเซล

- กล้องหลัง : 8 ล้านพิกเซล + Auto Focus

- ระบบปฏิบัติการ Windows 10 Creator Update

- แบตเตอรี่ : ไม่ได้ระบุความจุ แต่อยู่ได้นานสุด 13.5 ชั่วโมง

รูปร่างของ New Microsoft Surface Pro 

ด้านหน้า จะมีความแตกต่างจากคู่แข่งแต่ก็ยังคล้ายกับ Microsoft Surface Pro 4 โดยใช้หน้าจอขนาด 12.3 นิ้วความละเอียด 2736 x 1824 พิกเซล รองรับมัลติทัช 5 จุด และปากกา Surface Pen ที่มีความละเอียดมากกว่าเดิม

ส่วนบน มีกล้อง Webcam ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมกับลำโพงตัวเครื่องด้านบน

 

ด้านข้างถ้าใครเคยใช้ Microsoft Surface Pro 4 จะพบว่ามันบางลงกว่าเดิมชัดเจนเพราะไม่มีพัดลมระบายอากาศอีกต่อไป (เฉพาะรุ่น Intel Core i7 ที่ยังคงมีอยู่) ฝั่งซ้ายมีแค่ช่องเสียบหูฟังและที่เปิดสำหรับฝาหลัง

ฝั่งขวา มีช่องเสียบ USB 3.0 พร้อมกับช่องเสียบอุปกรณ์เสริม HDMI และสายเสียบชาร์จไฟ

ด้านบนมีปุ่มเปิดปิดเครื่อง และ ปุ่มปรับระดับเสียง

ด้านล่าง มีช่องสำหรับเสียบ Keyboard ซึ่งมีข้อดีคือฝั่งแม่เหล็ก ดูดได้ง่ายและติดไว

สำหรับ Keyboard ของ Microsoft Surface รุ่นนี้มีความคล้ายกับรุ่นที่แล้วคือปุ่มจะแยกออกจากกัน มี Touch Pad ขนาดใหญ่และเป็น Multi Touch ให้สามารถกดได้ง่ายมากขึ้น และมีหลากหลายสี ซึ่งที่ได้มาทดลองใช้เป็นหนัง Alcantara ซึ่งจะมีราคาแพงกว่าปกติ แต่ผิวสัมผัสก็ดีขึ้น

ด้านหลังสุดมีกล้องขนาด 8 ล้านพิกเซลอยู่ตรงกลางและมีบางพับปรับระดับได้มากกว่าเดิม และแข็งแรงขึ้น ภายในสามารถใส่การ์ด Micro SD เข้าไปเพิ่มความจำภายในตัวเครื่องได้อีกด้วย

และมีฐานสำหรับไว้ตั้งเครื่อง ซึ่งสามารถปรับรูปแบบการวางได้หลายหลาย พร้อมซ่อนช่องใส่ Micro SD อยู่ด้านขวา

ภาพรวมของ Microsoft Surface Pro รุ่นใหม่แม้ว่าจะไม่ได้ฉีกหนีจาก Microsoft Surface Pro 4 สักเท่าไหร่ แต่ถ้ามองถึงเรื่องน้ำหนักและการพกพาเมื่อมันไม่มีพัดลมระบายอากาศก็คล่องตัวมากขึ้น ส่วนปากกายังคงเสียบกับตัวเครื่องได้ แต่ว่าครั้งนี้ ปากกาไม่ได้ติดมาในกล่องให้เหมือนเดิม ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่

ประสิทธิภาพ ของ Microsoft Surface Pro

ทีมงาน Sanook! Hitech ได้ทดสอบจากการใช้งานจริงทั้งเรื่องการกด Benchmark และ ลองประมวลผลกับ Harddisk รวมไปถึงเรื่องของการทดสอบใช้งานนั้นพบว่าเครื่องให้ความลื่นไหลดี และไม่ได้สร้างความร้อนมาอย่างที่คิด แม้ไม่ได้ติดตั้งพัดลมระบายอากาศเลยก็ตาม แต่อาจจะไม่ถูกใจคอมเกมเพราะ GPU แรงน้อยไปหน่อย

ส่วนแบตเตอรี่นั้นแม้จะไม่ได้ระบุความจุ แต่เห็นว่า Microsoft ให้มากกว่าเดิม แต่น้ำหนักเครื่องเบา และเคลมว่าอยู่ได้ 13.5 ชั่วโมง แต่เมื่อลองใช้งานเปิดปิดพบว่า วันที่ 2 นั้นเหลืออยู่ 27% ก็ถือว่าเพียงพอ และมีระบบประหยัดพลังงานด้วย

จะติก็แค่ที่ชาร์จไฟยังคงเป็นแบบเฉพาะ ทำให้ใช้ร่วมกับใครไม่ได้ อย่างน้อยที่ชาร์จรุ่นใหม่นี้ก็มี USB จ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้

คุณสมบัติอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

สำหรับ Microsoft Surface Pro รุ่นใหม่นี้ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 Creator Update รุ่นใหม่ล่าสุด มีจุดเด่นที่โปรแกรมระดับ 3D และการจดบันทึกสามารถทำได้ง่ายมากขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ของ Windows ที่ใช้ง่ายกดอะไรก็เจอ เหมาะกับคนทำงาน

แถมยังมี Microsoft Office 365 รุ่นใหม่ที่เข้าถึงได้ง่ายและมีโหมดช่วยให้การทำงานได้ง่าย เช่นต้องการสร้างสไลด์สำหรับ Present กรุงเทพมหานคร แค่พิมพ์คำว่ากรุงเทพมหานาคร จะรวมข้อมูลและทำเป็น Slide ให้เสร็จออกมาดูดี ที่เหลือก็ไอเดียของคุณที่จะทำให้มันดูดีขึ้นนั่นเอง

สำหรับของเล่นที่ต้องซื้อเพิ่มในครั้งนี้นอกจาก Keyboard แล้วยังมีปากกา Surface Pen ที่มีข้อดีคือมันละเอียดขึ้นมาถึง 4,096 ระดับด้วยกัน ทำให้ความแม่นยำในการเขียนของคุณนั้นทำได้ดีขึ้น แต่ต้องแลกกับการจ่ายเงินเพิ่มที่ 3,900 บาท

และมาพร้อมกับ Wireless Mouse แบบใหม่ สามารถเปิดปิดได้ง่ายเพียงแค่งอขึ้นก็สามารถเปิดได้แล้ว ไม่ใช่แค่กดให้ราบก็จะปิดเอง เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth และใช้งานได้ยาวนาน

ส่วนระบบเสียงนั้นแม้ว่าจะปรับแต่งลำโพงใหม่ แต่ก็พูดเลยว่าเสียงที่ได้ออกมานั้นถือว่าดังขึ้นตามที่เคลมเอาไว้ แต่เข้าใจว่าถ้าดังมากกว่านี้ก็อาจจะส่งผลให้กระจกด้านหน้าแตกก็เลยมีลูกเล่นกลั้นไว้ก่อนด้วยเช่นกัน แต่ไม่มีระบบปรับแต่งรูปแบบเสียงได้

กล้องของ Surface Pro รุ่นใหม่นี้กล้องหน้าให้ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมระบบ Auto Focus มาให้ด้วย

สรุปหลังจากลองใช้ Microsoft Surface Pro รุ่นใหม่

ด้วยความที่ Microsoft Surface Pro 3 และ Pro 4 ทำอะไรไว้ดีหลากหลายเรื่องจนเรียกได้ว่าหลายคนพอใจกับความสามารถที่มันมี รุ่นใหม่แม้จะไม่ได้บอกว่าเป็นรุ่นที่ 5 แต่ก็มีการต่อยอดทั้งสเปคเครื่องที่ดีขึ้น หน้าจอความละเอียดดี และมีปากกาที่ละเอียดขึ้น แม้จะไม่ได้ติดมากับกล่องแล้วก็ตาม แลกกับน้ำหนักเบาและมีประสิทธิภาพที่ดีถือว่าเป็นอีกคอมพิวเตอร์พกพาที่หลายคนสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายเช่นกัน

ส่วนราคานั้น Microsoft Surface Pro รุ่นใหม่เริ่มต้นที่ 30,900 บาท กับ CPU Intel Core M3 ส่วนรุ่นที่ได้รับมารีวิวนี้มีราคาอยู่ที่ 49,900 บาท และแพงสุดนั้นแตะหลักแสนกับ Intel Core i7 ก็สามารถเลือกซื้อได้ตามรูปแบบการใช้งานของคุณ

เพียงแต่ว่าอุปกรณ์เสริมทั้ง Keyboard นั้นมีราคาอยู่ที่ 5,190 บาท และแบบ Signature จะมีราคา 6,390 บาท ปากกา Surface Pen ราคา 3,900 บาท และ Mouse Wireless Bluetooth ตัวนี้ก็ขายแยกในราคาประมาณ 3 พันกว่าบา ฟังดูเหมือนต้องแยกซื้อเหมือน iPad Pro แต่ความจริงแล้ว ถ้าคุณใช้งาน Windows บ่อย ๆ แล้วแนะนำว่าควรซื้อ Keyboard ไว้ก็จะดี ถ้าของเข้าชุดแพง Third Party มีให้เลือกมากมาย สามารถซื้อได้ในราคาถูกกว่าก็ได้เช่นกัน

สรุปปิดท้าย Microsoft Surface Pro รุ่นใหม่ ตัวเครื่องบาง ถูกลง สเปคแรงขึ้น แต่อุปกรณ์เสริมให้เลือกเยอะที่ต้องลองสักครั้งถึงจะรู้ว่าใช้กับคุณหรือไม่เช่นเคย

ข้อดี

  • ตัวเครื่องบางและเบาคล่องตัว
  • ปากกาละเอียดมาก
  • สเปคทันสมัย
  • ราคาถูกกว่ารุ่นที่แล้วมาก
  • แบตเตอรี่อึด

ข้อควรปรับปรุง

  • อุปกรณ์เสริมทุกชิ้นต้องซื้อเพิ่มหมด
  • ระยะเวลารับประกันสั้นกว่ายี่ห้ออื่น
  • ที่ชาร์จไฟไม่สามารถใช้ร่วมกับใครได้เลย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook