3 ฟีเจอร์ ดีที่สุด และ แย่ที่สุด ของ Google Pixel 2 และ Pixel 2XL

3 ฟีเจอร์ ดีที่สุด และ แย่ที่สุด ของ Google Pixel 2 และ Pixel 2XL

3 ฟีเจอร์ ดีที่สุด และ แย่ที่สุด ของ Google Pixel 2 และ Pixel 2XL
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Google Pixel 2 และ Pixel 2 XL เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ออกแบบโดย Google ซึ่งมีความทันสมัย มีเอกลักษณ์ ละมีความมินิมอลในตัวเอง โดย Google ได้กล่าวว่า สมาร์ทโฟน 2 รุ่นนี้เป็นรุ่นที่มาพร้อมกับกล้องสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

หลายคนที่สนใจอาจจะยังลังเลอยู่ว่าจะซื้อหนึ่งใน 2 รุ่นนี้ดีหรือไม่ วันนี้เราจะมาทำให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้น ซึ่งเราได้สรุป 3 ฟีเจอร์ที่ดีที่สุดและแย่ที่สุด มาให้ได้ดูกันครับ

คุณภาพกล้อง

กล้องจากสมาร์ทโฟนตระกูล Pixel ในปีนี้ถือว่าพัฒนาจาก Pixel รุ่นแรกอย่างมาก สามารถแข่งขันกับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นที่ใช้กล้องคู่ได้สบายๆ

ทั้ง Pixel 2 และ Pixel 2 XL ต่างมาพร้อมกับกล้องชนิดเดียวกัน คุณภาพเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุณจึงสามารถเลือกขนาดที่ต้องการได้ โดยไม่ต้องสนใจเรื่องคุณภาพกล้อง โดยมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ใส่เข้ามาเพิ่ม ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกโหมดถ่ายภาพได้หลากหลายขึ้นเหมือนอย่าง iPhone 8 Plus และ iPhone X

Google Lens, AR stickers และ Assistant Squeeze

ข้อดีของการซื้อสมาร์ทโฟนจาก Google คืออุปกรณ์มักมาพร้อมกับ software ที่ทันสมัยที่สุด และมีฟีเจอร์เด็ดๆ จากทางบริษัท ซึ่งก็แน่นอนว่า Pixel 2 และ Pixel 2 XL จะต้องมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจเช่นกัน

ในครั้งนี้จะเห็นได้ว่ามีเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับระบบ AI และ AR ที่อาจจะกลายเป็นคู่แข่งกับ ARKit จาก iPhone ได้ โดยมีทั้ง Google Lens ที่ใช้จดจำและวิเคราะห์สิ่งของ หรือ AR sticker

อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจได้แก่ Assistant squeeze โดยเมื่อคุณบีบบริเวณด้านข้างของเครื่อง จะเป็นการเปิดการใช้งาน AI จาก Google โดยอัตโนมัติ

Always-on display และ microphone

เป็นหน้าจอที่จะรายงานการแจ้งเตือนได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องคอยกดเปิดหน้าจอ และสามารถใช้เสียงสั่งการได้ตลอดเพียงเริ่มต้นพูดว่า “Ok Google” นอกจากนี้ระบบยังสามารถตรวจจับเสียงเพลงรอบข้างและวิเคราะห์ได้อีกด้วยว่า เพลงที่เปิดอยู่เป็นเพลงอะไรครับ

 

และ 3 ข้อนี้คือฟีเจอร์ที่เจ๋ง และไม่เหมือนใครจาก Google Pixel 2 และ Pixel 2 XL ครับ แต่แน่นอนว่า ไม่มีสมาร์ทโฟนรุ่นใดที่จะสมบูรณ์แบบ Google Pixel 2 และ 2 XL ก็เช่นกัน และข้างล่างนี้คือ ข้อเสียของทั้ง 2 รุ่นครับ

ทั้ง 2 รุ่นใช้กล้องชนิดเดียวกัน

ถึงแม้ว่าการใช้กล้องรุ่นเดียวกันจะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อรุ่นที่ต้องการตามขนาดที่ต้องการได้ แต่หากดูจากราคาที่ต่างกันแล้ว จะพบว่า ทั้ง 2 รุ่นมีราคาต่างกันถึง 200$ หรือประมาณ 6,700 บาท นั่นหมายความว่าหากคุณต้องการจะซื้อ 2XL คุณจะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นปริมาณดังกล่าว เพียงเพื่ออุปกรณ์ที่มีขนาดจอใหญ่ขึ้น และแบตเตอรีใหญ่ขึ้นเท่านั้น

ไม่มีสายเสียบหูฟัง!

การตัดสายหูฟัง 3.5มม. ออกเป็นประเด็นใหญ่ที่อาจส่งผลให้ผู้ใช้หลายคนเลือกที่จะไม่ซื้อ Google Pixel เพราะนอกจากจะทำให้ไม่สามารถใช้หูฟังปกติที่มีอยู่ได้ง่ายแล้ว ยังไม่สามารถฟังเพลงไปพร้อมกับชาร์จสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย

ถึงแม้ว่าบริษัทจะแถมอแดปเตอร์มาให้ แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่ชอบอยู่ดี เพราะต้องคอยพกพาไปด้วยตลอด และหากทำหายก็ให้แน่ใจได้เลยว่า คุณจะต้องเสียเงินอีกประมาณ 670 บาท เพื่อซื้ออแดปเตอร์ตัวใหม่

ไม่ใช่จอไร้ขอบ

สิ่งที่เราสังเกตได้จาก Pixel 2 และ 2 XL คือหน้าจอที่ยังคงมีขอบอยู่ แตกต่างจากเทรนด์สมัยใหม่ที่เน้นในการผลิตสมาร์ทโฟนจอไร้ขอบครับ

แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่มากที่สุด และถึงแม้จะมีขอบ แต่หน้าจอของทั้ง 2 รุ่นก็ยังถือว่า มีความคมชัดสวยงามมาก แต่ถ้าหากคุณเป็นแฟนของสมาร์ทโฟนแบบไร้ขอบ นี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลสำคัญที่คุณจะตัดสินใจไม่ซื้อสมาร์ทโฟน 2 รุ่นนี้ครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook