เตือนภัย พบ KRACK โจมตีช่องโหว่ WPA2 ข้อมูลอาจถูกแฮกผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้

เตือนภัย พบ KRACK โจมตีช่องโหว่ WPA2 ข้อมูลอาจถูกแฮกผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้

เตือนภัย พบ KRACK โจมตีช่องโหว่ WPA2  ข้อมูลอาจถูกแฮกผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เว็บไซต์ ars technica รายงานว่าข้อมูลจาก US-CERT ระบุว่า  พบข่องโหว่ในโปรโตคอลของ WPA2 ซึ่งอาจทำให้ถูกถอดรหัสการเชื่อมต่อ Wi-Fi ระหว่าง คอมพิวเตอร์ และ Access Point ได้ ซึ่งเรียกสั้นๆว่า KRACK (Key Reinstallation Attacks)

WPA (Wi-Fi Protected Access)  คือ มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งการเชื่อมต่อ Wi-Fi โปรโตคอล (Protocol) คือ ข้อกำหนดหรือข้อตกลงในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (16 ตุลาคม 2017) US-CERT (United States Computer Emergency Readiness Team : หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา) ได้แจ้งเตือนองค์กรต่างๆกว่า 100 แห่ง เกี่ยวกับ KRACK โดยระบุว่า มีการโจมตีการจัดการกุญแจเข้ารหัสในกระบวนการเชื่อมต่อแบบ 4 ทาง หรือ 4-Way Handshake ของโปรโตคอลความปลอดภัย WPA2 (Wi-Fi Protected Access II) ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดความเสียหายมากมาย เช่น

ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ารหัสการเชื่อมต่อได้ นำข้อมูลเดิมมาส่งซ้ำ (Packet Replay) การขโมยการเชื่อมต่อ (TCP Connection Hijacking) การแทรก Code ที่ไม่พึงประสงค์ลงในเนื้อห่า (HTTP content injection)

Mathy Vanhoef และ Frank Piessens นักวิจัยของ KU Leuven ได้ออกมาเปิดเผยว่า จากการทดสอบด้วย กระบวนการเชื่อมต่อแบบ 4-Way Handshake นั้น ในขั้นตอนที่ 3 ได้พบการขอส่งกุญแจหลายครั้ง และมีการใช้เป็นค่า Nonce เดินซ้ำกัน จนสามารถเจาะเข้ารหัสการเชื่อมต่อได้ในที่สุด

Nonce (Number Used Once) คือ ค่าที่ได้จากการสุ่มสร้างขึ้นมาสำหรับกระบวนการยืนยันตัวตน โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการโจมตีด้วยวิธีการส่งข้อมูลซ้ำ (Replay Attack) ตัวอย่างของกระบวนการที่มีการใช้ Nonce เช่น 4-Way Handshake ซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญภายใต้มาตรฐาน IEEE 802.11i ในการสร้างการเชื่อมต่อระหว่าง Client (เครื่องลูกข่าย) และ Access point (AP)

แนวคิดในการโจมตีลักษณะนี้มาจากที่ Client (เครื่องลูกข่าย) เริ่มเปิดการเข้าร่วมเครือข่าย ระบบจะใช้การเชื่อมต่อแบบ 4-Way Handshake เพื่อสร้างกุญแจการเข้ารหัสใหม่ ซึ่งจะได้รับการติดตั้งกุญแจหลังจาก Client ได้รับข้อความที่ 3 จาก Access Point (AP) แล้วจึงจะเข้ารหัสโปโตคอลของการเขื่อมต่อได้เสร็จสมบูรณ์ แต่เมื่อข้อความที่ 3 ได้สูญหายหรือตกหล่นไป (ในกรณ๊นี้เกิดการจากที่แฮกเกอร์ได้ใช้การส่งข้อมูลไปมา) Access Point (AP) จะส่งข้ัอความที่ 3 อีกครั้ง ผลก็คือ Client อาจได้รับข้อความที่ 3 ซ้ำหลายครั้ง และทุกครั้งที่ได้รับข้อความที่ 3 ก็จะมีการติดตั้งกุญแจเข้ารหัสเดิมทุกคร้้ง

ทั้งนี้ อุปกรณ์ Wi-Fi ทั้งหมด และ Andoird ถึง 41% มีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีเพื่อเจาะการเข้ารหัสเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi ซึ่งอาจส่งผลทำให้ข้อมูลถูกขโมย หรือปล่อยโค้ด Ransomware ลงในอุปกรณ์ โดยนักวิจัยได้แนะนำให้ทำการ Patch ซอฟต์แวร์ของ Client และ Access Point แล้วจะสามารถใช้ WPA2 ได้ต่อไป

Patch หรือ Software Patch คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ถูกเขียนเพื่อซ่อมแซมหรือแก้ไขจุดบกพร่องของซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นเดิม

ผลงานการค้นพบในครั้งนี้ของนักวิจัยจาก KU Leuven จะได้รับการนำเสนอในชื่อ Key Reinstallation Attacks: Forcing Nonce Reuse in WPA2 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2017 นี้ ภายในงาน ACM Conference on Computer and Communications Security ที่เมืองดัลลัส ประเทศสหรัฐอเมริกา

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook