สรุปฟีเจอร์เด่นที่คาดว่าจะมีบน Samsung Galaxy S9 และ S9+ ว่าที่เรือธงจอไร้กรอบน้องใหม่

สรุปฟีเจอร์เด่นที่คาดว่าจะมีบน Samsung Galaxy S9 และ S9+ ว่าที่เรือธงจอไร้กรอบน้องใหม่

สรุปฟีเจอร์เด่นที่คาดว่าจะมีบน Samsung Galaxy S9 และ S9+ ว่าที่เรือธงจอไร้กรอบน้องใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สรุปฟีเจอร์เด่นที่คาดว่าจะมีบน Samsung Galaxy S9 และ S9+ ว่าที่เรือธงจอไร้กรอบน้องใหม่ ที่จ่อเปิดตัวต้นปีหน้า จะต่างจากรุ่นก่อนอย่างไร มีสเปกจัดเต็มมากน้อยเพียงใด มาดูกัน!

แม้ว่า Samsung เพิ่งจะเปิดตัว Galaxy Note 8 มือถือเรือธงรุ่นล่าสุดไปได้ไม่นาน แต่ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาก็เริ่มมีเบาะแส และข่าวคราวของมือถือเรือธงอีกหนึ่งตระกูล ที่มีคิวเปิดตัวในช่วงต้นปีอย่าง Galaxy S9 และ Galaxy S9+ ปล่อยออกมาให้อัปเดตกันอย่างไม่ขาดสาย

ดังนั้นทางทีมงานจึงขอโอกาสสรุปทุกความเป็นไปได้แบบคร่าวๆ ของ Samsung Galaxy S9 และ S9+ โดยรวบรวมข้อมูลจากข่าวหลุด และข่าวลือจากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา หากพร้อมแล้ว ไปติดตามกันได้เลยครับ

ดีไซน์ และการออกแบบ

1

สำหรับ Galaxy S9 และ S9+ มีรายงานว่า จะยังคงถอดแบบการดีไซน์แบบ Metal-Glass มาจากรุ่น Galaxy S8 ที่ตัวเครื่องจะถูกผลิตจากวัสดุประโลหะผสานกับกระจก ทำให้ตัวเครื่องดูมีความเงางามเรียบหรู พร้อมบริเวณมุมเครื่องที่มีความโค้งมนโอบรับกับมือผู้ใช้งานได้อย่างลงตัว สำหรับคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 ที่กันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร เป็นเวลานาน 30 นาที รวมไปถึงปุ่มเรียกใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby ก็มีรายงานว่า จะยังคงมีให้ใช้งานเหมือนกับรุ่นก่อน

2

ที่ด้านหน้าจะยังคงเป็นดีไซน์จอไร้กรอบ ไร้ปุ่มโฮม แบบ Infinity Display เช่นเดิม แต่คาดว่าจะมีการลดพื้นที่ขอบบนและขอบล่างให้เหลือน้อยลงกว่ารุ่นก่อน เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลให้ใหญ่เต็มตามากยิ่งขึ้น ส่วนตำแหน่งการจัดวางเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือนั้น ยังไม่มีข้อมูลที่ทราบแน่ชัดมากนัก แต่มีข่าวลือว่า Samsung อาจตัดสินใจฝังเอาไว้ที่ใต้หน้าจอแทน หรืออาจสร้างรอยบากไว้ที่ด้านหน้าของหน้าจอ เพื่อติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ หลังเมื่อไม่นานมานี้ ทางค่ายได้จดสิทธิบัตรฉบับใหม่เป็นที่เรียบร้อย

 หน้าจอแสดงผล

3

The Bell สื่อจากประเทศเกาหลีใต้ ได้ทำการเปิดเผยว่า Galaxy S9 และ S9+ จะยังคงมีขนาดหน้าจอที่เหมือนกับรุ่นก่อน โดยในรุ่น Galaxy S9 จะมาพร้อมกับหน้าจอแบบ Super AMOLED ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2960 x 1440 พิกเซล ส่วน S9+ จะมาพร้อมกับจอใหญ่กว่าที่ 6.2 นิ้ว พร้อมสัดส่วนหน้าจอกว้างแบบ 18.5:9

โดยหน้าจอของทั้งสองรุ่น คาดว่าจะรองรับเทคโนโลยี Pressure-sensitive ที่บริเวณปุ่มโฮมแบบสัมดัสด้านล่างหน้าจอ เหมือนกับ Galaxy S8 สำหรับแยกแยะแรงสัมผัสของผู้ใช้งาน ซึ่งทำให้เราสามารถออกแรงกดได้ ราวกับกำลังกดปุ่มโฮมแบบ Physical จริงๆ อยู่นั่นเอง

 กล้องถ่ายภาพ

4

ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่น่าจับตามองมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่ Galaxy Note 8 ได้ทำการติดตั้งระบบกล้องคู่ Dual-Camera พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Dual-OIS และระบบถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอแบบ Live Focus มาให้ใช้งานเป็นรุ่นแรกของค่ายแล้ว ก็มีกระแสข่าวอย่างหนาหูว่า ทาง Samsung อาจยกเทคโนโลยีดังกล่าวมาติดตั้งบนมือถือตระกูล Galaxy S ด้วยเช่นเดียวกัน โดยเริ่มตั้งแต่รุ่น Galaxy S9 เป็นต้นไป

5

สำหรับกล้องคู่ของ Galaxy S9 และ S9+ คาดว่าจะมีความแตกต่างกับที่มีอยู่บน Galaxy Note 8 ในด้านของตัวเซ็นเซอร์รับภาพ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ทาง Samsung ได้เปิดตัวเซ็นเซอร์รับภาพ ISOCELL โฉมใหม่ถึง 2 ตัว  โดยตัวแรกคือ ISOCELL Fast 2L9 ที่มาพร้อมกับความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ขนาดพิกเซล 1.28 ไมครอน และเทคโนโลยีโฟกัสภาพแบบ Dual Pixel

ซึ่งสามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ด้วยกล้องเพียงตัวเดียว คล้ายกับ Google Pixel 2 ส่วนเซ็นเซอร์รับภาพตัวที่สองคือ ISOCELL Slim 2X7 ซึ่งนับว่าเป็นเซ็นเซอร์รับภาพตัวแรก ที่มีขนาดพิกเซลที่ 0.9 ไมครอน ส่วนประสิทธิภาพด้านอื่น คาดว่าทั้งสองรุ่นจะรองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 4K ที่ 60FPS ตั้งแต่แกะกล่อง ต่างจาก Note 8 ที่อัปเดตซอฟท์แวร์เพื่อเปิดให้ใช้งานในภายหลัง

 ชิปเซ็ตประมวลผล และ RAM

6

สำหรับ Samsung คาดว่าจะเป็นค่ายแรกที่ได้ใช้งานชิปเซ็ตประมวลผลตัวแรงรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Qualcomm Snapdragon 845 และคาดว่าจะมีการนำไปติดตั้งเอาไว้บน Galaxy S9 และ S9+ รุ่นที่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ และจีน เป็นรุ่นแรกอีกด้วย ส่วนรุ่นที่วางจำหน่ายในกลุ่มประเทศอื่น คาดว่าจะได้ใช้งานชิป Exynoss รุ่นใหม่ที่ทาง Samsung พัฒนาขึ้นมาเองอย่าง Exynos 9810 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตประมวลผลแบบ Octa-Core processor (8 แกน)

โดย Snapdragon 845 นั้น คาดว่าใช้กระบวนการผลิตแบบ LPP (Low Power Plus) ต่างจากชิป Snapdragon 835 ที่ใช้กระบวนการผลิตแบบ LPE (Low Power Early) ผลลัพธ์คือ จะช่วยให้ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ รีดประสิทธิภาพการทำงานได้สูงกว่า ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยลงกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ชิป Snapdragon 845 จะติดตั้งโมเด็มที่รองรับสัญญาณ 5G มาให้ด้วย พร้อมรองรับ LTE Cat. 18 ที่สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 1.2Gbps

7

ด้านชิป Exynos รุ่นใหม่นั้น คาดว่าจะใช้กระบวนการผลิตระดับ 8 นาโนเมตร LPP (8nm LPP) ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว ก็น่าจะทำให้ชิป Exynos รุ่นใหม่ มีประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวมที่เหนือว่าชิป Snapdragon 845 พอสมควร แต่ชิปทั้งสองรุ่นจะมีการติดตั้งของเล่นใหม่อย่าง หน่วยประมวลผลแยกสำหรับปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เหมือนกับชิป A11 Bionic หรือ Kirin 970 ด้วยหรือไม่ คงต้องจับตาดูกันดีๆ ครับ

สำหรับคุณสมบัติด้านอื่น มีกระแสข่าวว่า Galaxy S9 และ S9+ จะมาพร้อมกับ RAM ขนาด 6GB เทียบเท่ากับ Galaxy Note 8 พร้อมหน่วยความจำภายในความจุที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ที่ 128GB พร้อมเพิ่มความจุได้อีกผ่าน microSD Card สำหรับผู้ที่ต้องการเก็บข้อมูลด้านภาพถ่าย และคลิปวิดีโอความละเอียดสูงในระดับ 4K

 

กำหนดการเปิดตัว และราคาวางจำหน่าย

8

โดยปกติแล้ว Samsung มักจะเปิดตัวมือถือเรือธงรุ่นใหม่ก่อนเทศกาลมือถือครั้งยิ่งใหญ่ หรือ MWC เป็นเวลาประมาณ 1-2 วัน ซึ่งงาน MWC รอบหน้า จะจัดขึ้นในประเทศสเปน ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ปี 2018 ก็ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า Galaxy S9 และ Galaxy S9+ จะเปิดตัวในวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ ปี 2018 นั่นเอง

ส่วนราคาวางจำหน่ายยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยให้ทราบมากนัก แต่มีการคาดการณ์กันเอาไว้ว่า Galaxy S9 อาจเปิดราคาวางจำหน่ายในต่างประเทศเท่ากับ Galaxy S8 ที่ 749 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 24,900 บาท ส่วน Galaxy S9+ คาดว่า เคาะราคาวางจำหน่ายที่ 849 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 28,200 บาท

อย่างไรก็ดี ต้องย้ำให้ทุกท่านได้ทราบกันอีกครั้งว่า ข้อมูลด้านต้นเป็นการรวมรวบมาจากข่าวหลุด และกระแสข่าวลือที่ถูกเปิดเผยให้ทราบในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาเท่านั้น ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นจริงหรือไม่

ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งได้ในอนาคต แต่ก็น่าจับตามองว่า Galaxy S9 และ S9+ จะมีการพัฒนาฟีเจอร์อะไรให้ก้าวล้ำกว่าเรือธง Galaxy รุ่นก่อนๆ บ้าง เพราะในรุ่น Galaxy S8 นั้น ได้มีการปรับเปลี่ยนมาใช้งานดีไซน์ไร้กรอบ Infinity Display เป็นครั้งแรก ส่วน Galaxy Note 8 ก็มาพร้อมกับกล้องคู่เป็นครั้งแรก ก็ทำให้เราอาจได้เห็นอะไรใหม่ๆ เป็นครั้งแรกบน Galaxy S9 ด้วยเช่นเดียวกันนั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook