จบสวยงาม "dtac" และ "AIS" ชนะการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ได้กันคนละ 1 ใบ

จบสวยงาม "dtac" และ "AIS" ชนะการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ได้กันคนละ 1 ใบ

จบสวยงาม "dtac" และ "AIS" ชนะการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ได้กันคนละ 1 ใบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ กสทช. มีการจัดประมูล คลื่นความถี่ 1800 MHz ซึ่งระยะแรกจะเป็นการชิงใบอนุญาตทั้งหมด 2 ใบ ใบละ5MHz ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมูลได้แก่ AIS และ dtac ซึ่งผลออกมาแล้วคือ ทั้งคู่ได้รับใบอนุญาติคนละ 1 ใบเท่ากัน

คำแถลงจาก dtac

บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค รายงานว่าดีแทค ไตรเน็ตชนะประมูลคลื่น 1800 MHz จำนวน 1 ใบอนุญาตขนาด 2x5 MHz โดยชนะประมูลในราคา 12,511 ล้านบาท  ซึ่งการประมูลจัดขึ้นโดย สำนักงาน กสทช เพื่อจัดสรรใบอนุญาตคลื่นความถี่เพื่อใช้ในกิจการโทรคมนาคม และได้ประกาศรายชื่อผู้ชนะใบอนุญาตอย่างเป็นทางการเรียบร้อย

 คนกลาง นายราจีฟ บวา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มองศ์กรพัฒนาธุรกิจ dtac

นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “คลื่น 1800 MHz ที่ได้จากการประมูลจะนำมาให้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของลูกค้า 2G ที่มีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก และรวมถึงการนำคลื่นความถี่ดังกล่าวมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายบริการ 4G ตอบสนองความต้องการการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือที่เติบโตอย่างรวดเร็ว”

“ดีแทคต้องขอขอบคุณรัฐบาล และ กสทช. สำหรับการจัดประมูลคลื่นความถี่ที่ประสบความสำเร็จโดยคำนึงถึงข้อคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ดีแทคมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า กสทช. จะอนุมัติแผนมาตรการคุ้มครองลูกค้าใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ต้องแสดงความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างผู้ให้บริการ และ กสทช. เพื่อไม่ให้ซิมดับและมีผลกระทบต่อการใช้งานของลูกค้า หลังจากสิ้นสุดสัมปทาน” นายลาร์ส กล่าว

คำแถลงจาก AIS

เอไอเอส   ประกาศถือครองคลื่นความถี่ที่ได้รับจากกสทช.มากที่สุดในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม    หลังประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ได้เพิ่มอีก 1 ใบอนุญาตในมูลค่า 12,511 ล้านบาท โดยเฉพาะคลื่น 1800 MHz มีคลื่นกว้างถึง 20 MHz ทำให้ลูกค้ากว่า 40 ล้านเลขหมายทั่วประเทศได้รับประสบการณ์การใช้งานเพิ่มมากขึ้นทั้งบริการผ่านเสียง และบริการดาต้าจากมาตรฐานเทคโนโลยี 4G ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และเตรียมก้าวสู่เทคโนโลยี 5G ในอนาคต พร้อมเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลไลฟ์

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส กล่าวว่า บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค(เอดับบลิวเอ็น)  บริษัทในเครือเอไอเอส ซึ่งเข้าร่วมประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 1800 MHz และสามารถประมูลได้คลื่น1800 MHz จำนวน 1 ใบอนุญาตจำนวน 5 MHz ด้วยมูลค่า 12,511 ล้านบาท ทำให้บริษัทฯถือเป็นผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีดิจิทัลไลฟ์ที่ถือครองคลื่นความถี่ที่ได้รับจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) มากที่สุดในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม    รวมกับการใช้โรมมิ่งกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ส่งผลให้มีคลื่นในการให้บริการมากถึง 60 MHz โดยเฉพาะคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่มีรวมกันถึง 20 MHz ทำให้ลูกค้ากว่า 40 ล้านเลขหมายทั่วประเทศได้รับประสบการณ์การใช้งานเพิ่มมากขึ้นในเรื่องคุณภาพทั้งบริการผ่านเสียง และบริการดาต้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดตามมาตรฐานเทคโนโลยี 4G ที่สำคัญเป็นการยกระดับความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมในประเทศไทย เพื่อก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0

การประมูลครั้งนี้ ทำให้เอไอเอสมีคลื่นความถี่ 1800 MHz จำนวน 20 MHz ซึ่งถือเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยี 4G เพียงรายเดียวที่มีคลื่นความถี่ติดกันมากที่สุด ทำให้รองรับความเร็วของการใช้งานบริการดาต้าของลูกค้าผ่านโทรศัพท์มือถือสามารถรองรับในปริมาณที่มากขึ้นด้วยความเร็วที่สูงขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำในตลาด รวมทั้งยังสามารถสร้างโอกาสและเตรียมความพร้อมในการรองรับคลื่นความถี่ 5G ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

อีกทั้งคลื่นความถี่ 1800 MHz ที่บริษัทประมูลได้มานั้น มีความเหมาะสมและความคุ้มค่าสูงสุดสำหรับการขยายความจุโครงข่ายเพื่อรองรับการเติบโตของ4G โดยเป็นการเพิ่มช่องสัญญาณจากเดิม และใช้ได้กับอุปกรณ์โครงข่าย 4G บนคลื่น 1800 MHz ที่มีอยู่  ซึ่งช่วยให้บริษัทประหยัดงบประมาณการลงทุนในระยะยาว

เท่ากับว่าหลังจากนี้ dtac และ AIS จะมีคลื่น 1800MHz โดย AIS มีเพิ่มจากของเดิม ส่วน dtac มารับช่วงต่อจากสัมปทานที่หมดไป และผู้ใช้งาน 2G ในคลื่น 1800 MHz ที่อาจจะได้รับผลกระทบในอนาคต ก็คลายความกังวลได้ส่วนหนึ่ง ส่วนเทคโนโลยีใหม่นั้นทีม Sanook! Hitech จะนำมาบอกเล่ากันต่อไปเมื่อเวลามาถึง

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook