[Hands On] ลองสัมผัส “Micosoft Surface Pro LTE” รุ่นใส่ซิมได้ เพื่อคนทำงานที่ไม่อยู่กับที่

[Hands On] ลองสัมผัส “Micosoft Surface Pro LTE” รุ่นใส่ซิมได้ เพื่อคนทำงานที่ไม่อยู่กับที่

[Hands On] ลองสัมผัส “Micosoft Surface Pro LTE” รุ่นใส่ซิมได้ เพื่อคนทำงานที่ไม่อยู่กับที่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ Microsoft ได้เปิดตัว Surface Pro รุ่น LTE หรือคนไทยจะเรียกว่าใส่ซิมการ์ดได้ ซึ่งแตกต่างจาก รุ่นปกติเพียงแค่รองรับ WIFi เท่านั้น แต่ความจริงมีการซ่อนความสามารถอยู่ วันนี้ Sanook! Hitech จะมาเล่าหลังสัมผัสกับ Surface Pro LTE ว่ามันน่าสนใจหรือเปล่า

แรกเห็นรูปร่างของ Microsoft Surface Pro LTE

 Microsoft Surface Pro LTE

จริงๆ แล้วผู้อ่าน Sanook! Hitech น่าจะคุ้นเคยกับหน้าตาของ Microsoft Surface Pro รุ่นใหม่แล้ว ซึ่งมีจุดเด่นที่บางลงกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย ผลเกิดจากการตัดพัดลมระบายอากาศสำหรับรุ่น Intel Core i5 และ Intel Core m3 โดยยังคงมีหน้าจอ 12.3 นิ้วความละเอียด 3200x1800 พิกเซลเท่าเดิม ด้านหน้ามีกล้อง HD Webcam พร้อมกับ Iris Scanner ไว้ใช้งานกับ Windows Hello

Microsoft Surface Pro LTE

Microsoft Surface Pro LTE

ด้านข้างของเครื่องยังคงมีช่องเสียครบทั้ง Mini HDMI, USB และช่องชาร์จไฟปกติ สำหรับความพิเศษของรุ่นนี้อยู่ที่ด้านหลัง เพราะจะมีช่องใส่ซิมแบบ Nano SIM พร้อมตัวจิ้มซิมออกมา แต่จุดอ่อนคือที่จิ้มซิม ต้องใช้เฉพาะที่ให้มา เนื่องจากรูค่อนข้างเล็ก

Microsoft Surface Pro LTE

ด้านหลังก็มีกล้องขนาด 8 ล้านพิกเซลพร้อมกับ ฐานตัวเครื่องที่สามารถปรับได้หลายระดับ พร้อมกับข้างใต้เชื่อมต่อกับ Surface Keyboard ได้ ทั้งหมดนี้ถ้าให้สรุปคือ หน้าตาเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือช่องใส่ซิม

สเปคของเครื่องเป็นอย่างไร

Microsoft Surface Pro LTE มาพร้อมกับ Intel Core i5 รุ่นที่ 7 และมี GPU Intel  HD Graphics 620 และมี RAM ให้เลือกทั้งขนาด 4GB และ 8GB และความจำขนาด 128GB และ 256GB รองรับ 4G LTE Cat 9 โดย Microsoft ระบุว่าเป็น Modem จาก Qualcomm รุ่นใหม่ที่ไม่มีปัญหาเรื่องอินเทอร์เน็ตหลุดระหว่างใช้งาน

ส่วนแบตเตอรี่สามารถใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 12.5 ชั่วโมงเมื่อมีการเชื่อมต่อ LTE  ถือว่าค่อนข้างทนทานพอสมควร และมี Bluetooth V4.2 พร้อมกับ WiFi รองรับมาตรฐาน AC

ฟีเจอร์ที่ได้ลองใน Microsoft Surface LTE นั้นเหมือนกับรุ่นปกติทุกประการ เพราะว่า Microsoft ได้เลือกใช้ Windows 10 Pro อัปเดตใหม่ล่าสุดที่น่าใช้ขึ้นแร็วขึ้น

ส่วนลูกเล่นที่เพิ่มมาคือ Office 365 ฟีเจอร์ใหม่ที่เน้นเรื่องของการใช้งานจริงเช่น

Smart Lookup

Power BI

  • Smart Lookup ไว้สำหรับในการค้นหาข้อมูลเมื่อมีการ highlight เผื่อเต็มเข้าไปในสไลด์ของคุณ หรือจะเป็น
  • Power BI สร้างข้อมูลธุรกิจจาก Excel ที่ละเอียด แต่ง่ายเข้ามาแสดงผลใน Power Point
  • การใช้งาน AR ในการแสดงผลใน Power Point หรือจะใช้กับกล้องหลังของ Microsoft Surface Pro ก็ได้เช่นกัน

สรุปหลังจากที่ได้ลองใช้ Microsoft Surface Pro LTE เป็นระยะเวลาอันสั้น

ถือว่าคอมพิวเตอร์ที่มาในรูปแบบของ Tablet สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้ แต่เพิ่มเติมในเรื่องของการใส่ซิมการ์ด รองรับการใช้งานเดินทางไปไหนมาไหนมากกว่าการใช้อยู่กับที่ และไม่ต้องหารนำมือถือมาปล่อยสัญญาณให้เสียเวลา แค่เปิดเครื่องแล้วกดต่ออินเทอร์เน็ตได้ทันที

Microsoft Surface Pro LTE

แต่อาจจะมีแค่ว่าแบตเตอรี่แม้ว่าจะเคลมว่าอยู่ได้เท่าเดิม แต่อาจจะด้อยประสิทธิภาพลงเนื่องจากาการเชื่อมต่อ LTE ที่บางครั้งจะใช้ไฟเยอะ

ส่วนราคานั้น Microsoft ได้ร่วมกับ AIS ในการจำหน่าย Surface Pro LTE แบบการซื้อพร้อมกับเปิดเบอร์ใหม่และผ่อนค่าเครื่องไปด้วย ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 2 เกรด ตั้งแต่

  • รุ่นความจำ 128GB / RAM 4GB ซึ่งเหมาะสมกับคนที่ไม่ได้ใช้งานหนัก หรือกราฟฟิกใช้น้อย เน้นเรื่องของการทำเอกสารและชีวิตใช้งานบน Cloud เยอะ เพราะจ่ายไปแค่ 2,599 บาทต่อเดือน ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็เพียงพอ ที่เหลือไปเพิ่มกับ Office 365 จะดีกว่า
  • รุ่นความจำ 256GB / RAM 8GB ที่เหมาะสมกับคนที่เริ่มทำงานด้านกราฟฟิก ปานกลางอาจจะมีการเปิด Photoshop บ้าง และทำเอกสาร แถมเป็นคนเปิดอะไรเยอะ ๆแล้วไม่ค่อยปิด รุ่นนี้จะเหมาะกับคุณ โดยราคาอยู่ที่ 2,999 บาทต่อเดือน ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

ทั้งคู่จะมาพร้อมกับซิมการ์ดเล่นอินเทอร์เน็ตได้ 4 Mbps แบบไม่จำกัด และสามารถใช้ AIS Smart WiFi ได้ นอกจากนี้สามารถซื้อระบบความปลอดภัย Microsoft Intune หรือ Office 365 เพิ่มได้เช่นเดียวกัน

และคอมพิวเตอร์แบบนี้ค่อนข้างเหมาะกับธุรกิจ หรือการทำงานที่ไม่อยู่กับที่ แต่ได้ความบันเทิงเล็กน้อย ซึ่งใครสนใจอย่าลืมไปจับจองเพราะถึงสิ้นเดือนนี้ของแถมเยอะและคุ้ม หลังจากนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไร ต้องรอติดตามกันต่อไปครับ

สำหรับ Hands On Microsoft Surface Pro LTE ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ก่อน พบกันใหม่ในโอกาสถัดไปครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook