เปลี่ยนมือถือให้เร็ว-แรง ด้วย 10 วิธี ง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้

เปลี่ยนมือถือให้เร็ว-แรง ด้วย 10 วิธี ง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้

เปลี่ยนมือถือให้เร็ว-แรง ด้วย 10 วิธี ง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับคนที่ใช้มือถือแอนดรอยด์ คำถามสามัญที่มักจะได้ยินกันไม่ขาดก็คือ “ทำยังไงให้มือถือทำงานเร็วขึ้น” จนดูเหมือนว่าการท้าทายข้อจำกัดของความลื่นและรวดเร็ว จะเป็นความฝันของเหล่าผู้ใช้แอนดรอยด์

แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สำหรับคนที่ใช้มือถือนั้น ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี หรืออย่างน้อยก็ขอให้เร็วเท่าตอนแรกที่ซื้อมา อย่าน้อยลงแล้วกัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่เคยเป็นไปได้ เพราะบรรดาสารพันแอปพลิเคชันที่เราติดตั้งและใช้งานนั้น ทำให้เครื่องต้องทำงานหนักจนอาจจะเกินที่มันทำได้ ปัญหาอย่างเครื่องหน่วง แบตหมดเร็ว ความจำในมือถือเต็มก็เลยตามมา

วันนี้เราขอมาบอก 10 วิธีง่าย ตั้งแต่ง่ายๆ  ที่จะเปลี่ยนมือถือของคุณให้ทรงประสิทธิภาพขึ้นทันตา

1. เลือกเก็บเฉพาะแอปฯ ที่ใช้ ที่เหลือทิ้งให้หมด

คำแนะนำในการใช้งานแอนดรอยด์จากทุกแหล่ง จะพูดตรงกันหมดว่า ให้คุณเลือกเก็บไว้เฉพาะแอปพลิเคชันที่ใช้เป็นประจำทุกวันเท่านั้น ซึ่งก็ตรงตามนั้นชัดเจน คุณคงไม่เก็บของทุกชิ้นไว้ในบ้านเพียงเพราะมีที่ว่างก็วางๆ ไป มือถือก็เหมือนกัน คุณอาจไม่รู้ว่าแอปพลิเคชั่นบางตัวที่คุณไม่ค่อยได้ใช้นั้น ทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเชื่อมอินเตอร์เน็ต หรือใช้พื้นที่ในเครื่อง ซึ่งหน่วงการทำงานของมือถือโดยไม่มีประโยชน์อะไรเลย

2. ลบ App Cache ช่วยให้เครื่องเร็วขึ้นได้

อาจจะมีแอปพลิเคชันบางตัวที่คุณไม่ได้ใช้สม่ำเสมอ แต่มีข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต้องเก็บไว้ (เช่น แอปฯจองตั๋วเครื่องบิน หรือโรงแรม) ซึ่งวิธีช่วยจัดการสำหรับแอปฯเหล่านี้ก็คือ ลบ App Cache (App Cache ไฟล์ข้อมูลชั่วคราวที่แอปฯ สร้างขึ้นเพื่อให้เรียกใช้ข้อมูลในครั้งต่อไปได้รวดเร็ว แต่หากคุณไม่ค่อยได้ใช้ ไฟล์เหล่านี้ก็กินเนื้อที่ในเครื่องไปเปล่าๆ ) ซึ่งคุณสามารถจัดการได้ง่ายๆ ใน Settings ของเครื่อง ในหลายกรณีการลบจะช่วยให้แอปฯทำงานได้ลื่นขึ้น โดยเฉพาะแอปฯที่ต้องใช้ฐานข้อมูลมากๆ อย่าง Facebook หรือ Instagram ส่วนข้อมูลที่ถูกลบไป แอปฯก็สามารถอัปเดตใหม่ได้ในการใช้ครั้งหน้า (หมายเหตุ ในการลบ App Cache แอปฯ อาจถูกล้างการตั้งค่าบางอย่างที่เคยตั้งไว้ได้)

3. เคลียร์หน่วยความจำเรื่อยๆ ระหว่างวัน

แอนดรอยด์มีระบบจัดการข้อมูลที่ฉลาด โดยสามารถปิดโปรแกรมที่ไม่ใช้งานแล้วได้ด้วยตัวเอง แต่อย่างที่รู้กันมากตลอดก็คือ ระบบจะยิ่งทำงานได้ดีถ้าคุณมี RAM เครื่องเยอะ อันที่จริงมือถือระบบใหม่ๆ มักมีระบบลบไฟล์ขยะ กู้พื้นที่ในเครื่องให้กลับมาในตัวอยู่แล้ว แต่หากเครื่องของคุณไม่มี ก็สามารถโหลดแอปฯพวกลบไฟล์ขยะ เพิ่มประสิทธิภาพ RAM มาติดตั้งเพิ่มได้ แต่ตรวจสอบให้ดีอย่าเลือกแอปฯที่บอกว่า ช่วยให้มือถือเร็วขึ้นด้วยกำจัดไฟล์ขยะต่อเนื่องแบบเรียลไทม์ เพราะแอปฯจะทำงานตลอดเวลา แทนที่จะทำให้เครื่องเร็วกลับหน่วงให้เครื่องช้าลงไปอีก การเคลียร์ RAM ที่ดีจะช่วยให้มือถือทำงานได้เร็วขึ้นทันตาเห็นเลยทีเดียว

4. เลือกใช้แอปพลิเคชั่นแบบเวอร์ชั่น Lite (ถ้ามี)

แอปพลิเคชันดังๆ อย่าง Facebook, Twitter, Messenger มีเวอร์ชั่นแบบ Lite ที่เบากว่าด้วย โดยออกแบบมาสำหรับมือถือที่สเปกไม่สูงมาก หรือคนที่อยากแค่ใช้งานแอปฯนี้แบบเรียบง่ายไม่หวือหวา เวอร์ชั่น Lite นี้ จะกินเนื้อที่และข้อมูล (Data) น้อยลง ผลก็คือทำให้เครื่องทำงานเร็วขึ้นด้วยนั่นเอง

5. อัปเดตมือถืออย่างสม่ำเสมอ

ยิ่งอัปเดตมือถือเป็นเวอร์ชั่นใหม่ๆ ก็ยิ่งมีการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ดังนั้นให้อัปเดตเรื่อยๆ เท่าที่มือถือของคุณเอื้ออำนวย แต่หากว่ามือถือหรืออุปกรณ์ของคุณถูกตัดหางจากผู้ผลิตจนอัปเดตไม่ได้ คุณสามารถไปจัดการเองได้ที่ Custom ROMs ซึ่งอยู่ในหมวดปฏิบัติการของแอนดรอยด์ แต่วิธีนี้อาจจะต้องเป็นผู้ใช้มีประสบการณ์มากซักหน่อย

6. แต่อย่าอัปเดตมากเกินไป

ข้อนี้ดูขัดแย้งกับข้อก่อนหน้านิดหน่อย รวมถึงใครๆ ก็มักจะแนะนำให้อัปเดต แต่สิ่งหนึ่งที่ควรสังเกตหากคิดจะอัปเดตก็คือ มือถือของคุณมีพื้นที่เหลือน้อย หรือใช้งานมาหลายปีแล้วหรือเปล่า เพราะเวอร์ชั่นใหม่มักจะกินทรัพยากรในเครื่องมากกว่าเดิมเสมอ ถ้าเครื่องของคุณไม่มีเนื้อที่เหลือ การอัปเดตก็จะยิ่งถ่วงให้มือถือช้าลงจนแทบใช้งานแบบปกติที่เคยใช้ไม่ได้ กดดันให้รู้สึกว่าต้องไปซื้อมือถือเครื่องใหม่ซะอีก

7. คิดก่อนติดตั้งแอปพลิเคชัน

เป็นเวลาประมาณสิบปีแล้วที่แอนดรอยด์ออกสู่ตลาด และแอปฯที่ผลิตขึ้นสำหรับระบบปฏิบัติการนี้ก็เพิ่มขึ้นมากมายเป็นล้านๆ ตัว ในทุกหมวดหมู่ แต่อย่าลืมว่าแอปฯเป็นล้านๆ เหล่านี้ ไม่ได้ถูกผลิตโดยผู้พัฒนาที่มีความสามารถเสมอไป ยิ่งกว่านั้นบางแอปฯ ถึงขนาดเป็นของปลอม หรือโจรกรรมล้วงข้อมูลจากมือถือเราไปส่งให้ผู้ผลิต ถึงแม้ว่าตอนนี้กูเกิลจะมีอุปกรณ์ Play Protect เพื่อป้องกันแอปฯที่เป็นอันตรายแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องดีหากคุณจะตรวจสอบแอปฯนั้นให้ดีก่อนติดตั้งบนเครื่อง

8. คอยล้าง (Format) SD card เพื่อให้มือถือทำงานเร็วขึ้น

ถ้าคุณเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับมือถือ ส่วนหนึ่งของสาเหตุอาจมาจาก SD card เสียก็ได้ การฟอร์แมต SD card จึงไม่ใช่แค่การลบข้อมูลที่ไม่จำเป็น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเครื่องได้ด้วย

9. ตั้งค่าให้แอปพลิเคชันอัปเดตในระบบ WiFi เท่านั้น

มีแอปฯหลายตัวที่จะใช้เนื้อที่และระบบของเครื่องอัปเดตตัวเองตลอด การปิดระบบนี้ไปจะช่วยให้เครื่องทำงานได้เร็วกว่า ซึ่งหากคุณตั้งค่าอัปเดตด้วย WiFi เท่านั้น เครื่องจะเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตได้ยาก ทำให้แอปฯไม่สามารถอัปเดตตลอดเวลาได้ อีกทางเลือกหนึ่ง หากคุณไม่อยากให้ Google เข้าถึงเครื่องของคุณได้ตลอดเวลา ก็สามารถเลือกปิดระบบเชื่อมต่ออัตโนมัติของเครื่องและปิดระบบอัปเดตอัตโนมัติได้เช่นเดียวกัน โดยไปที่ Settings > Auto-update apps > จากนั้นเลือกที่ Auto-update apps over WiFi only

10.  บางครั้งการรีสตาร์ทเครื่องก็จำเป็น

เรื่องนี้เปรียบได้กับคอมพิวเตอร์ เมื่อทำงานไปหนักๆ ก็ต้องพักบ้าง นอกจากนี้แล้วการรีสตาร์ทยังเป็นการรีบูตระบบ ลบไฟล์ชั่วคราว ซึ่งจะทำให้เครื่องเร็วขึ้นและเพิ่มเนื้อที่ให้กับมือถือด้วย


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook