รีวิว Fujifilm FinePix S5 Pro

รีวิว Fujifilm FinePix S5 Pro

รีวิว Fujifilm FinePix S5 Pro
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
New Gear >>12MP DSLR 69,900 บาท

เซ็นเซอร์ทั่วไปมักจะมีข้อจำกัดในเรื่องของไดนามิกเรนจ์ นั่นก็คือในรูปที่มีคอนทราสต์สูง อาจจะมีเงาสีดำที่มืดทึบ มีไฮไลต์สว่างจ้าจนขาดรายละเอียดหรือไม่ ก็มีทั้งสองอย่าง ทั้งนี้ขึ้น อยู่กับค่าการเปิดรับแสงที่คุณหรือกล้องเป็นผู้กำหนด ที่มันเกิดขึ้นอย่างนั้น เป็นเพราะเม็ด พิกเซลแต่ละอันหรือ photosites บนเซ็นเซอร์สามารถรับมือกับช่วงของแสงได้ในระดับหนึ่ง เท่านั้น เมื่อสุดขีดความสามารถของมันแล้ว มันก็จะไม่สามารถเก็บเอาโฟตอน (photon) ได้มากพอที่จะบันทึกเป็นสัญญาณใดๆ ได้ ในขณะที่อีกกรณีหนึ่งคือบันทึกเอาไว้มากเกินไปจนอิ่มตัว

เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณต้องการก็คือเซ็นเซอร์ที่มี photosites ต่างขนาดคละกันไป มีทั้งขนาดใหญ่สำหรับรูปถ่ายทั่วไป และขนาดเล็กที่มีความละเอียดอ่อนสูงสำหรับเก็บรายละเอียด ในส่วนที่เป็นไฮไลต์เซ็นเซอร์ SR ของ Fujifilm เป็นตัวเดียวที่สามารถรับมือกับปัญหานี้ มันมีทั้ง พิกเซลขนาดใหญ่ชนิด S-type และขนาดเล็ก R-type ที่มีไดนามิกเรนจ์กว้างกว่าเซ็นเซอร์แบบเดิม ถึง 400 เปอร์เซ็นต์ FinePix S5 Pro ใช้เซ็นเซอร์ SR นี้เช่นเดียวกับ S3 Pro รุ่นพี่ของมันที่ออกสู่ ตลาดมาก่อนหน้านี้ ซึ่งการออกแบบเช่นนี้ได้รับการทดลองใช้มาแล้วในกล้องคอมแพคท์ของ Fujifilm หลายๆ รุ่น

กี่ล้านพิกเซล?
S5 Pro มี 6 ล้านพิกเซลที่เป็น S type และอีก 6 ล้านพิกเซลที่เป็น R type ก่อนหน้านั้นมีการ ออกแบบให้พิกเซลทั้งสองชนิดอยู่ด้วยกัน ทว่าตอนนี้มันสอดแทรกสลับกันอยู่ทั่วผิวหน้าเซ็นเซอร์ เลยยากที่เราจะบอกว่ากล้องตัวนี้มี 6 หรือ 12 ล้านพิกเซลกันแน่ ตามค่าที่ตั้งไว้นั้น S5 Pro จะถ่าย ออกมาเป็นไฟล์ 12 ล้านพิกเซล และเพราะว่าพิกเซลเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน เราจึงขอ จัดมันเป็นกล้อง 12 พิกเซลด้วยเหตุนี้


Fujifilm นำเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ SR ก้าวขึ้นมาอีกระดับด้วยการรวมเข้ากับบอดี้แบบ Nikon D200 ตัวฉกาจ กลายเป็นการจับคู่ที่ยากจะหาใครเทียบ


จุดเด่นของ S5 Pro คือความนุ่มนวลของโทนสีที่ถ่ายทอดออกมา รวมกับการเก็บ รายละเอียดที่ทำได้ดีและสีสันที่สดใส

สิ่งที่พิสูจน์ได้ดีคือรูปภาพที่ถูกอัดออกมา ไม่ใช่จำนวนพิกเซล สีสันที่ได้จาก S5 Pro นั้นยอดเยี่ยมและการถ่ายทอดโทนสีผิวดูเหมือนว่าจะทำได้อิ่มตัวและ เปิด กว้างกว่ากล้องตัวอื่นๆ ส่วนไดนามิกเรนจ์ที่เพิ่มขึ้นสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน ไม่เพียงแต่รายละเอียดในส่วน ของไฮไลต์ที่สามารถเก็บได้เท่านั้นแต่รวมถึงการปรับเปลี่ยนของโทนสีในส่วนสว่างที่ต่างกัน อย่างสุดขั้วที่มันทำได้อย่างนุ่มนวล อย่างไรก็ดี มันไม่ต่างไปจาก S3 Pro รุ่นก่อนหน้าที่การ ประมวลภาพแบบ JPEG ในตัวกล้องยังทำได้ไม่ดีนักในการรับมือกับระดับของไฮไลต์ที่มากกว่า ปกติเมื่อเทียบกับรายละเอียดที่พบได้ในไฟล์ RAW

ที่น่าเสียดายอีกอย่างหนึ่งก็คือไม่มีโปรแกรมแปลงไฟล์ RAW ให้มาด้วยตอนที่ซื้อกล้อง ที่มีให้ก็คือฟังก์ชันที่อยู่ใน FinePix Viewer ซึ่งสามารถแปลงไฟล์ RAW ได้เท่าที่กล้องตั้งค่าและ บันทึกไว้ตอนที่ถ่ายรูปนั้น ไม่สามารถ ประมวลผลใหม่ ได้อย่างที่โปรแกรม HyperUtility ของ Fujifilm สามารถทำได้ (ซึ่งถ้าอยากได้ต้องจ่ายเพิ่มอีก 100 ปอนด์)

มีอะไรใหม่อีกบ้าง
แม้ว่าเซ็นเซอร์ SR 12 ล้านพิกเซลใน S5 Pro อาจจะดูเหมือนมีคุณสมบัติไม่ต่างกับ S3 Pro รุ่นก่อน แต่ข้อแตกต่างที่ชัดเจนหลายอย่างอยู่ที่การประมวลภาพและบอดี้ของตัวกล้องเอง

ระบบประมวลภาพได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างมากเพื่อให้ภาพที่ได้มีคุณภาพดีกว่าเดิมและมี ISO ที่สูงถึง 3200 ผลลัพธ์ที่ได้จากกล้องตัวนี้น่าทึ่งทีเดียว เราไม่พบสัญญาณรบกวนเลยที่ ISO 100/200 และพบเพียงเล็กน้อยที่ ISO 400/800 ความสามารถในการทำงานที่ค่า ISO สูงๆ ของ S5 Pro นั้นน่าประทับใจเป็นอย่างมาก และถ้าคุณกังวลว่าฟังก์ชันลดสัญญาณรบกวนจะกำจัดส่วน ของพื้นผิวที่มีคอนทราสต์ต่ำออกไปเสียหมดคุณก็สามารถลดปริมาณของมันลงได้ คุณจะได้เม็ด เกรน (grain) (ซึ่งมีจำนวนที่น้อยมาก) และรายละเอียดที่เพิ่มขึ้น

S3 Pro มีโหมดการถ่ายหลักสามชนิด ได้แก่ โหมด Standard ที่คุณสามารถปรับไดนามิก เรนจ์ (เป็น normal หรือ wide) ปรับคอนทราสต์ ปรับความคมชัดของภาพ โทนสีและความอิ่มตัว ของสี โหมด F1 เพื่อถ่ายทอดความนุ่มนวลของโทนสีและช่วงคอนทราสต์ที่กว้างแบบเดียวกับ กล้องฟิล์ม โหมด F2 เพื่อถ่ายทอดภาพที่มีคอนทราสต์สูง ความอิ่มตัวของสีสูงแบบฟิล์มสไลด์ ยากที่เราจะเข้าใจเหตุผลว่าทำไมถึงต้องมีตัวเลือกสำหรับไดนามิกเรนจ์ถึงห้าแบบในกล้องตัวใหม่นี้ ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่ 100 เปอร์เซ็นต์ (แบบปกติ) ถึง 400 เปอร์เซ็นต์ (มากที่สุด) แน่นอนว่าคอง เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโหมด Standard ของกล้องสามารถปรับไดนามิก เรนจ์ให้เข้ากับความสว่างของฉากที่กำลังถ่าย


ช่องมองภาพขนาดใหญ่
S5 Pro ใช้ช่องมองภาพที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติเช่นเดียวกับ Nikon D200 ซึ่งเป็นสิ่งที่พัฒนาขึ้น มากจาก S3 Pro รุ่นเก่าที่ช่องมองภาพมีขนาดคับแคบเมื่อเทียบกัน


ปุ่มควบคุมด้านบน
S5 Pro มีปุ่มควบคุมที่รวมอยู่ด้านบนตัวเครื่องสำหรับปรับค่า ISO ค่าไวท์บาลานซ์ และ คุณภาพของรูปถ่าย


ไดนามิกเรนจ์
แม้การถ่ายเป็นไฟล์ RAW จะดึงความสามารถในการถ่ายทอดไดนามิกเรนจ์ของเซ็นเซอร์ใน S5 Pro ให้เห็นการถ่ายเป็น JPEG ก็สามารถแสดงไฮไลต์ออกมาได้อย่างดีเยี่ยมเช่นกัน

รายละเอียด
คงยากที่คุณจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างรูปที่ได้จากกล้องตัวนี้กับรูปจากกล้อง SLR 10 ล้านพิกเซลตัวอื่น

การเปิดรับแสง
เวลาใช้โหมดวัดแสงแบบ multi-pattern ควรระวังเป็นพิเศษ ภาพมักจะออกมามืดกว่าปกติและมีไฮไลต์มากในบริเวณที่มีคอนทราสต์สูง

การประมวลภาพนั้นมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก แต่ที่มากกว่าก็คือการเปลี่ยนแปลง ของรูปลักษณ์ภายนอก มันแตกต่างกับ S3 Pro อย่างมาก เหตุผลก็เพราะว่า Fujifilm ไม่ได้ทำบอดี้ กล้อง SLR ด้วยตัวเองแต่อาศัยบอดี้ของ Nikon มาปรับเปลี่ยน S3 Pro อาศัยโครงสร้างของกล้อง ฟิล์ม Nikon D80 แต่เป็นเวอร์ชั่นดิจิตอล แม้จะเป็นแบบที่ล้าสมัยไปบ้างแต่ก็ทำงานได้ดี แต่ S5 Pro นั้นใช้บอดี้ของ Nikon D200 ซึ่งใหญ่กว่า แข็งแรงกว่า และเป็นกล้องที่ โปร กว่าบอดี้พลาสติก ของ S3 Pro

ช่องมองภาพก็มีขนาดใหญ่กว่าของ S3 Pro รวมถึงจอ LCD 2.5 นิ้วที่ใหญ่และการจัดวาง ปุ่มควบคุมที่สะอาดตากว่า พร้อมด้วยจอ LCD บอกสถานะขนาดใหญ่ที่ด้านบนของตัวเครื่อง

ระบบเมนูของ S5 อาจจะดูไม่หรูหราเหมือน D200 แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี Fujifilm ไม่สามารถเทียบกับ Nikon ได้ในเรื่องของการถ่ายภาพต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะเป็นเพราะว่ามัน ต้องอาศัยพลังในการประมวลผลที่สูง และยังน่าประหลาดใจอีกที่คราวนี้ไม่มีช่องเสียบการ์ดความ จำแบบ xD มาให้

ถ้าเอากล้องทั้งสองตัวมาวางเทียบกัน คุณอาจจะตัดสินใจยากพอสมควร คุณจะเล่น Nikon ที่ราคาถูกกว่า ถ่ายทอดสีได้สดใส คมชัด หรือจะเลือก S5 Pro ที่ถ่ายทอดโทนสีได้นุ่มนวลกว่า และให้โทนสีผิวที่สวยงาม? Nikon ดูจะเหมาะกว่าสำหรับงานถ่ายภาพแบบสต็อค ภาพถ่ายสัตว์ป่า หรือภาพกีฬา แต่ถ้าคุณสนใจการถ่ายภาพนิ่ง ภาพบุคคล หรือภาพเหตุการณ์แล้วล่ะก็ S5 Pro คือ DSLR ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

คู่แข่ง
Pentax K10D ราคา 650 ปอนด์
แข็งแรงและงานผลิตดี K10D ให้ภาพที่มีคุณภาพสูงเหมือนถ่ายด้วยฟิล์มและมีราคาที่ไม่แพงเลย 90%

Nikon D200 ราคา 800 ปอนด์
จะว่าไปก็เกือบจะเป็นกล้องตัวเดียวกันกับ S5 Pro ให้ภาพที่สดใส สะอาดยอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน 93%


ภาพถ่ายภายในอาคาร ISO 3200 ที่มีใน S5 Pro ไม่ได้มีไว้อวดเพียงอย่างเดียว แต่ระบบกำจัด noise ของกล้องอันมีประสิทธิภาพช่วยให้คุณเก็บภาพชั้นยอดได้ในทุกสภาพแสง


สีผิว เซ็นเซอร์ SR ใน S3 Pro ถ่ายทอดโทนสีผิวออกมาได้สดใส สะอาด และเป็นธรรมชาติ S5 Pro ก็เช่นกัน จะเห็นได้ว่าใบหน้านั้นมีประกายอันละเอียดอ่อนแฝงอยู่


ภาพถ่ายกลางแจ้ง ถ้าอยากได้สีสันที่ สด ให้เลือกโหมด F2 Film Simulation แล้วคุณจะได้สีสัน ในภาพอย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน เช่นเดียวกับที่คุณเคยเห็นตอนล้างฟิล์มสไลด์ Fujifilm Velvia ครั้งสุดท้าย

The Specs
ติดต่อ www.fujifilm.co.th
ราคา 69,900 บาท
เซ็นเซอร์ 12 ล้านพิกเซล 23x15.5 มม.
รูรับแสงกว้างสุด 1.6x
SLR เลนส์เมานท์ Nikon F
เมมโมรี่การ์ด CF ไม่มีแถม
ช่วง ISO 100, 200, 400, 800, 1600, 3200
โหมดการเปิดรับแสง Program, Aperture, Shutter, Manual
โหมดการวัดแสง Multi-zone, หนักกลาง
โหมดการโฟกัส 11-จุด AF ออโต้หรือแมนวลเฉพาะจุด, AF บริเวณเดียว, ไดนามิก AF, ไดนามิก AF แบบกลุ่ม, ไดนามิก AF โดยให้ความสำคัญกับวัตถุที่อยู่ใกล้สุด, Single Servo AF, Servo AF แบบต่อเนื่อง, โฟกัสแบบแมนวล
การหน่วงของชัตเตอร์ ประมาณ 0.25-0.5 วินาที
ความไวชัตเตอร์ 30-1/8,000 วินาที, bulb
แฟลชในตัว GN12 ที่ ISO 100
แฟลชซิงค์ 1/250 วินาที
โหมดแฟลช Auto, On, Off, แก้ตาแดง, slow sync, ม่านฉากหลัง, ฮอตชู
โหมดการถ่ายภาพ Single, ถ่ายต่อเนื่อง (1.5 ถึง 3 fps ขึ้นอยู่กับค่าไดนามิกเรนจ์), ตั้งเวลาถ่าย
เวลาในการบันทึก ไม่ระบุ
จอ LCD จอ LCD สี ขนาด 2.5 นิ้ว ความละเอียด 230,000 พิกเซล
น้ำหนัก 830 กรัม เฉพาะบอดี้ ไม่รวมแบตเตอรี่หรือการ์ด
แบตเตอรี่ แบตชาร์จแบบ Lithium-ion
ระยะการใช้งานแบต 400 รูป มาตรฐาน CIPA
การโอนย้ายข้อมูล USB 2.0 High Speed, วิดีโอ
ซอฟต์แวร์ FinePix Viewer

The Ratings
คุณสมบัติเด่น
ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องขนาด 3fps ทำให้ S5 Pro กลายเป็นตัวเลือกที่อาจจะยังไม่โดนใจสำหรับงานภาพข่าวหรือภาพกีฬา นอกจากนั้นแล้วมันยังเป็นกล้องที่ยอดเยี่ยมมาก

สมรรถภาพ
สีสันงดงามมาก เซ็นเซอร์ SR ให้โทนสีที่ละเอียดอ่อนแม้ในส่วนที่เป็นไฮไลต์ ความสามารถในการถ่ายที่ ISO สูงก็ทำได้น่าประทับใจมาก

การใช้งาน
ปุ่มหมุนควบคุมทั้งสองอันและการออกแบบที่ไม่รกจนเกินไป ทำให้การเรียนรู้เและใช้งาน S5 Pro เป็นเรื่องง่าย

คุณภาพการผลิต
S5 Pro ใช้บอดี้โลหะแบบเดียวกับ Nikon D200 ให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่ง นอกจากนั้นยังมีอายุ ชัตเตอร์ที่นานถึง 100,000 ครั้ง

ความคุ้มค่าเงิน
ผลงานออกมาชั้นหนึ่ง ทว่าราคายังสูงกว่าคู่แข่ง อย่าง D200 ซึ่งก็มีคุณภาพดีเยี่ยมเช่นเดียวกัน

คำตัดสินของ Digital Camera
S5 Pro เป็นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่จากรุ่น S3 Pro ในเรื่องการใช้งานและคุณภาพการผลิต และนับว่าเป็นคู่แข่งที่สำคัญของ Nikon D200 ความละเอียดของพิกเซลไม่ต่างกันมาก ซึ่ง S5 Pro จะโดดเด่นมากในเรื่องของการถ่ายทอดโทนสีที่ดีเยี่ยมโดยเฉพาะกับภาพถ่ายบุคคล 91%

สนับสนุนเนื้อหาโดย
นิตยสาร Digital Camera : July 07


อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ รีวิว Fujifilm FinePix S5 Pro

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook