รีวิว Olympus E-510

รีวิว Olympus E-510

รีวิว Olympus E-510
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ระบบ Four Thirds ของกล้องดิจิตอลกำลังมาถึงยุคเฟื่องฟูจริงหรือ? Mark Sparrow เชื่อว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นต้องขอบคุณการออกแบบกล้อง 35 มม. สุดคลาสสิกที่นำเรา ย้อนกลับไปในยุค 70s
คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

>>เมื่อพูดถึงกล้องยี่ห้อต่างๆ Olympus ดูจะมีเสน่ห์ในเรื่องการออกแบบที่ย้อนยุค ชนิดที่ว่าถ้าคุณไม่ชอบก็เกลียดไปเลย แต่ผมต้องออกตัวก่อนว่าผมเป็นแฟน Olympus มาตั้งแต่ปลายยุค 70s ซึ่งผมมีกล้อง SLR รุ่น OM สองตัวและเลนส์ Zuiko อีกจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ดี พอ Olympus ตัดสินใจไถทางหว่านเมล็ดด้วยการคิดค้นระบบที่เรียกว่า Four Thirds และเลือกใช้เซ็นเซอร์ขนาดค่อนข้างเล็ก ผมชักเริ่มไม่แน่ใจ เมื่อตอนที่ Olympus คิดค้นระบบนี้นั้น จุดประสงค์เพื่อสร้างมาตรฐานร่วมกันระหว่าง กล้อง SLR เพื่อให้สามารถผลิตกล้องที่มีขนาดเล็กและเบาลง แต่กระนั้นกล้อง SLR ของ Olympus หลายตัวกลับมีขนาดน้องๆ นักซูโม่ แต่ในที่สุดคำสัญญาก็เป็นจริงด้วยกล้อง E-400 ซึ่งเป็นกล้อง SLR แบบ Four Thirds ตัวแรกที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว จากนั้นมันก็ถูกแทนที่ด้วย E-410 และตอนนี้ ก็มี E-510 ตามมาอีกรุ่น กล้องรุ่นล่าสุดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากกล้อง SLR รุ่นเก่าในตระกูล OM ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของตากล้องในยุค 70s และยิ่ง E-510 เพิ่มระบบ Image Stabilisation ป้องกัน ภาพสั่นและระบบ Live View สำหรับชมภาพได้ทันทีขณะถ่ายเข้าไปอีก ทำให้ดูเหมือนว่าความ ได้เปรียบของระบบ Four Thirds กำลังก่อตัวเป็นรูปร่างที่ชัดเจนเข้าไปทุกที
คลิ๊กเพื่อดูภาพขนาดใหญ่

งานผลิตชั้นยอด E-510 กว้างกว่า E-410 เล็กน้อย แต่โครงสร้างของบอดี้ที่ได้รับการเสริมด้วยใยแก้วนั้นเป็นงานผลิตชั้นดีและให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่ง ด้ามจับที่มีร่องนิ้วให้ความรู้สึกสบายเวลาใช้งาน ขนาดของ E-510 ที่ใหญ่กว่า E-410 เล็กน้อยอาจมาจากขนาดของแบตเตอรี่ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ใน E-500, E-330 และ E-300 นอกจากนั้นก็มีเพียงไม่กี่รายการที่ดูเหมือนจะใช้วัสดุราคาถูก เช่น ฝาปิดช่องเก็บการ์ดหน่วยความจำและปุ่มปรับโหมดการถ่ายที่ทำด้วยพลาสติก E-510 ใช้เลนส์คิท Zuiko 14-42 มม. น้ำหนักเบา ซึ่งเป็นเลนส์เมาท์พลาสติกที่หลายคนไม่ชอบ แต่อย่าเพิ่งปล่อยให้สิ่งนี้ปิดกั้นคุณจากภาพถ่ายที่คมชัดและคุณภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมไปเสียก่อน

ช่องมองภาพของ E-510 ค่อนข้างเล็กแต่ได้รับการพัฒนาให้ดีกว่าของเดิมซึ่งมีขนาดเล็ก แคบ ไม่ชัดเจน อย่างในรุ่น E-500 กล้องเปิดทำงานพร้อมถ่ายรวดเร็วแม้ E-510 จะเสียเวลา ทำความสะอาดเซ็นเซอร์ทุกครั้งที่เปิดทำงาน ระบบ SuperSonic Wave Filter เขย่าฝุ่นใดก็ตาม ที่อาจจับอยู่บนเซ็นเซอร์และมันอาจจะเป็นระบบกำจัดฝุ่นที่มีประสิทธิภาพที่สุดในบรรดาผู้ผลิตกล้องทุกยี่ห้อ

หลังจากผ่านช่วงลุ่มๆ ดอนๆ มาหลายปี กล้อง SLR ของ Olympus ก็เริ่มที่จะกลับมาเอาชนะใจ ใครหลายคนได้ด้วยนวัตกรรมอันเยี่ยมยอด การออกแบบที่โฉบเฉี่ยวและการทำงานที่ไว้วางใจได้ สีสันที่อิ่มและการเก็บรายละเอียดแสงเงาที่ดีทำให้ภาพนี้เป็นภาพที่ไร้ที่ติทางเทคนิค หากวัดแสงด้วยความระมัดระวังจะพบว่าไดนามิคเรนจ์ของ E-510 นั้นยอดเยี่ยมมาก ด้านหลังเป็นจอ LCD 2.5 นิ้วที่สามารถถ่ายทอดภาพที่ปรากฏบนเซ็นเซอร์ NMOS ของ E-510 ให้เห็นในทันที จอภาพให้สีที่ออกเหลืองไปบ้าง และแสดงภาพที่สว่างกว่าความเป็นจริง เล็กน้อย แม้ว่าการทำงานแบบ Live View นั้นอาจจะฟังดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สักพักคุณจะเริ่มรู้สึกว่า ขาดมันไม่ได้ นอกจากนั้นมันยังมีประโยชน์มากเวลาที่ต้องโฟกัสในที่แสงน้อย หรือในภาพระยะ ใกล้ คุณสามารถเลือกขยายส่วนกลางของภาพได้ 7 หรือ 10 เท่า เมื่อพูดถึงเลนส์ เราจะพบกับข้อจำกัดของระบบ Four Thirds เพราะเลนส์ที่มีให้เลือกนั้น จำกัดอยู่เฉพาะที่ผลิตโดย Olympus และอีกไม่กี่ตัวที่ผลิตโดย Sigma นอกจากเลนส์คิททั้งสองตัว แล้ว (ซึ่งจัดว่าคุ้มที่สุดหากจะซื้อ E-510) เลนส์ Olympus Zuiko ก็แสนจะยอดเยี่ยมทว่าราคาแพง เอาการ คุณจะต้องแน่ใจและเทใจให้ระบบ Four Thirds ร้อยเปอร์เซ็นต์ถ้าคุณเลือกที่จะเสียเงิน ให้กับค่าย Olympus ที่มีหนทางของตนเอง จุดเด่นของ Olympus คือเรื่องของสี เช่นเดียวกับ Pentax ที่มีความพิเศษในการถ่ายทอดสี ได้สดใสแต่สมจริง และ E-510 ก็ทำสิ่งนี้ได้ยอดเยี่ยม ในอดีตหลายคนอาจจะวิพากษ์วิจารณ์ระบบ Four Thirds ในเรื่องของสัญญาณรบกวนที่มีสูงเมื่อถ่ายด้วยความไวแสง ISO 400 ขึ้นไป แต่ปัจจุบัน นี้ด้วยระบบประมวลผล TruePic III และงานวิศวกรรมอันชาญฉลาดทำให้ Olympus สามารถ แก้ปัญหาเรื่องสัญญาณรบกวนได้ แม้จะไม่ถึงกับเป็นผู้นำทางด้านนี้แต่ก็จัดว่าใกล้เคียง ถ้าคุณ ถ่ายเป็นไฟล์ JPEG คุณจะพบว่าภาพมีความคมค่อนข้างจัด เราแนะนำให้คุณตั้งระดับการ กำจัดสัญญาณรบกวนไว้ที่ต่ำสุดและลดความคมชัดของภาพลงมาอีกเล็กน้อย เลนส์คิท แม้เลนส์เมาท์จะเป็นพลาสติกแต่เลนส์คิท 14-42 มม.นั้นเป็นดาวเด่นของกล้องตัวนี้ มันให้ความ คมชัด คอนทราสต์สูง และมีความเพี้ยนของสี (chromatic aberration) ต่ำ จอ LCD ไม่มีอะไรแปลกใหม่สำหรับจอ LCD 2.5 นิ้ว ความละเอียดจอที่ 230,000 นับว่าคมชัดดี แต่สีจะออกเหลืองไปนิดและความสว่างของจอมากไปหน่อย

พลังแบตเตอรี่ E-510 ใช้แบตเตอรี่ชนิดเดียวกับที่ใช้ในกล้อง SLR ของ Olympus รุ่นก่อน E400 ทุกรุ่น การชาร์จครั้งหนึ่งถ่ายได้ถึง 650 ภาพ รายละเอียดของเงา แม้ว่าในบริเวณมืดดำของหิน ก็ยังมีรายละเอียดที่มากพอและชัดเจน การรับแสงทำได้ดี รอยด่างและรอยชื้นสีเขียวและดำปรากฏให้เห็นชัดเจน รายละเอียดในไฮไลต์ ส่วนของขนนกที่สว่างมากทำให้กล้องสามารถเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน ไฮไลต์เกาะกลุ่มกันดี และมีไวท์บาลานซ์ที่เป็นกลาง คุณภาพของสี สีของหินที่ออกฟ้าและเหลืองอ่อนนั้นแสดงให้เห็นถึงความคลาสสิกของ Olympus ในการ ถ่ายทอดสีซึ่งเป็นจุดเด่นที่กล้องยี่ห้อนี้ทำได้ดี สุดท้ายคือเรื่องของระบบป้องกันภาพสั่น Olympus ได้เลือกใช้ระบบกันสั่นที่ตัวเซ็นเซอร์ CCD โดยตรงและมันทำงานได้ดีมาก โดยเพิ่มระดับแสงเข้าไปอีก 2-3 สต็อปโดยไม่ทำให้ภาพ เสียหาย เราเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนจากภาพที่เราลองถ่ายซึ่งยังคงความคมชัดได้ถึงความเร็ว 1/8 วินาที ไม่ค่อยแน่ใจ E-510 ดูจะลังเลไปบ้างเวลาโฟกัสซึ่งอาจเป็นเพราะระบบออโต้โฟกัสสามจุด หากเลือกใช้จุดโฟกัส ตรงกลางดูจะดีที่สุดและเหมือนจะทำให้กล้องทำงานเร็วขึ้นมาอีกเล็กน้อย การโฟกัสดูจะเป็นปัญหา อย่างหนึ่งที่ Olympus ควรจะลองแก้ไขดู และควรจะเปลี่ยนจากระบบสามจุดเป็นเก้าจุดเมื่อมี โอกาส ภายใต้ฝาปิดช่องเก็บการ์ดหน่วยความจำที่ดูไม่ค่อยแข็งแรงนั้นมีช่องเสียบการ์ดสองชนิด ช่องหนึ่งสำหรับการ์ด Compact Flash และอีกช่องสำหรับการ์ด xD Olympus เองยังคงดื้อดึง ที่จะใช้การ์ด xD แม้ว่ามันจะทำงานได้ช้าจนน่าหงุดหงิด เราแนะนำให้คุณใช้ CF เพื่อผลที่ดีกว่า ส่วนการถ่ายเป็นไฟล์ RAW นั้นสามารถทำได้สามภาพต่อวินาทีและถ่ายต่อเนื่องได้มากสุด ถึงแปดภาพ E-510 แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่สำหรับ Olympus เพียงการออกแบบ ที่โดดเด่นและมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้กล้องตัวนี้น่าสนใจเป็นพิเศษ เลนส์คิททั้งสองแบบกับแฟลช FL-36 ของ Olympus ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับการพกกล้องตัวนี้ ไปในการเดินทางหรือสะพายเป้ลุย จริงอยู่ที่ว่าราคาของเลนส์อาจจะสูงสักเล็กน้อย แต่ถ้าใช้เฉพาะเลนส์คิทก็เกือบจะเพียงพอสำหรับสำหรับทุกสิงที่คุณต้องการแล้ว ถ้าคุณ กำลังมองหา SLR ตัวแรกและยังไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโลกของกล้องระดับโปรอย่าง Canon หรือ Nikon แล้วล่ะก็ E-510 คือคำตอบสุดท้ายของคุณอย่างแน่นอน คู่แข่ง Nikon D40x ราคา 499 ปอนด์ ให้ภาพที่มีสีสันยอดเยี่ยม ใช้เลนส์อันหลากหลายของ Nikon ได้ มีหน้าเมนูที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น 76% Canon EOS 400D ราคา 499 ปอนด์ ควรถ่ายเป็นไฟล์ RAW ถ้าอยากได้ภาพที่มีรายละเอียดครบถ้วน นอกจากนั้นแล้วนับว่าการใช้งานของมันทำให้คู่แข่งหลายรายยังต้องอาย 85% ภาพถ่ายกลางแจ้ง ให้ภาพที่คมชัด มีน้ำหนัก และปริมาณคอนทราสต์ที่พอเหมาะ ถ่ายเป็นไฟล์ JPEG ได้คุณภาพขนาดนี้จึงอาจจะไม่จำเป็นต้องถ่ายเป็นไฟล์ RAW เลย สีผิว แม้ว่าจอ LCD จะให้สีที่ออกเหลืองไปบ้างแต่ภาพจริงที่ออกมานั้นสมจริงมาก ระดับ ความสมดุลระหว่างสีเหลืองและสีแดงม่วงออกมากำลังพอดี ภาพถ่ายภายในอาคาร การถ่ายทอดแสงในอาคารที่ทำได้อย่างแนบเนียนนั้นแสดงให้เห็นถึง ความสามารถของ E-510 ระบบป้องกันภาพสั่นทำงานได้ดีเยี่ยมสำหรับการถ่ายในสภาพ แสงต่ำเช่นนี้ The Specs ติดต่อ www.olympus.com ราคา 600 ปอนด์ (ราคารอเซลล์) เซ็นเซอร์ 10 ล้านพิกเซล แบบ Four Thirds ระยะโฟกัส SLR 2x เลนส์เมาท์ SLR Olympus Four Thirds เมมโมรี่การ์ด Compact Flash (Type I หรือ II) หรือ xD-Picture Card ช่วง ISO 100, 200, 400, 800, 1600 โหมดการเปิดรับแสง Program, Aperture, Shutter, Manual, โหมด Scene 18 ชนิด โหมดการวัดแสง ESP Multi-Pattern, หนักกลาง, เฉพาะจุด, Highlight Spot, Shadow Spot โหมดการโฟกัส Auto (3 โซน), Manual, Tracking, ต่อเนื่อง ความไวชัตเตอร์ 60-1/4,000 วินาที, bulb แฟลชในตัว GN12 ที่ ISO 100 แฟลชซิงค์ 1/180 วินาที โหมดแฟลช Auto, Auto FP, Manual, แก้ตาแดง โหมดการถ่ายภาพ Single, ถ่ายต่อเนื่อง (3fps), รีโมท, ตั้งเวลาถ่าย 2 + 12 วินาที ระบบกันภาพสั่น ที่เซ็นเซอร์ CCD จอ LCD จอ LCD สี แบบ HyperCrystal ขนาด 2.5 นิ้ว ความละเอียด 230,000 พิกเซล น้ำหนัก 460 กรัม (เฉพาะบอดี้) แบตเตอรี่ แบตชาร์จ Lithium-ion ระยะการใช้งานของแบต 650 รูป ไม่เปิด LCD มาตรฐาน CIPA การโอนย้ายข้อมูล USB 2.0 ซอฟต์แวร์ Olympus Master (Mac/Pc) The Ratings คุณสมบัติเด่น ระบบกำจัดฝุ่นและป้องกันภาพสั่นไหวทำงานได้ดีเยี่ยม มีคุณสมบัติเด่นหลายประการ ที่คุ้มกับเงินที่เสียไป สมรรถภาพ ความสามารถโดยรวมจัดว่าดี ระบบกันภาพสั่นทำงานยอดเยี่ยม ภาพออกมาสวยงามและ ใช้งานสนุก การใช้งาน เราอยากให้ E-510 มีสองปุ่มหมุนสำหรับการปรับตั้งค่าในการถ่าย นอกจากนั้นแล้ว การใช้งาน ทั่วไปนับว่าดี คุณภาพการผลิต ด้วยราคาขนาดนี้เราแทบไม่มีอะไรติเกี่ยวกับเรื่องงานผลิต ยกเว้นเรื่องปุ่มปรับโหมดกับฝาช่อง เก็บการ์ดความจำที่น่าจะมีคุณภาพดีกว่านี้เล็กน้อย ความคุ้มค่าเงิน เทคโนโลยีชั้นยอดที่มากับความคุ้มค่าโดยเฉพาะถ้าคุณซื้อเลนส์คิททั้งคู่ เราคิดว่ามันคุ้มราคาทีเดียว คำตัดสินของ Digital Camera E-510 คงไม่สามารถแทนที่ Canon และ Nikon ในฐานะกล้องแนวหน้าได้ แต่ Olympus ก็มีจุดเด่นของตนเองและจะยิ่งคุ้มค่าถ้าคุณซื้อกล้องพร้อมเลนส์คิททั้งสองแบบ เมื่อใช้ร่วมกับแฟลช FL-36 แล้วจัดว่ามันเป็นกล้อง SLR คุณภาพเยี่ยมตัวหนึ่ง เหมาะมากในฐานะเพื่อนคู่กายยามท่องเที่ยวเดินทาง 90%

สนับสนุนเนื้อหาโดย
นิตยสาร Digital Camera

อัลบั้มภาพ 14 ภาพ

อัลบั้มภาพ 14 ภาพ ของ รีวิว Olympus E-510

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook