รีวิว Olympus E-410

รีวิว Olympus E-410

รีวิว Olympus E-410
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
New Gear>>10MP SLR £500 คุณคงหากล้องแบบ DSLR ขนาดเกือบเล็กกะทัดรัดหรือเบากว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว แต่ว่า Olympus ตัวเล็กนี้จะสามารถต่อกรกับคู่แข่งรุ่นใหญ่กว่าได้แค่ไหน Rod Lawton จะนำไปทดสอบให้คุณดู >> ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของมัน กล้อง DSLR ตัวเล็กตัวนี้แทบจะเหมือนกับ Olympus E-400 ที่เปิดตัวมาเพียงหกเดือนก่อนหน้านี้ทุกประการ มันมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบามาก อีกทั้งยัง ไม่มีด้ามจับซึ่งเป็นช่องบรรจุแบตเตอรี่ที่นูนขึ้นมาจากตัวกล้อง และดูเหมือนจะกลายเป็นมาตรฐาน สำหรับหน้ากล้องดิจิตอลแบบ SLR เกือบทุกตัวไปแล้ว ด้วยความที่มีขนาดเล็ก มันจึงให้ความรู้สึก เหมือนกล้องฟิล์มแบบ SLR สมัยก่อน อย่างกล้องรุ่นคลาสสิกของ Olympus ตระกูล OM ในยุค 70 นั่นเลย นอกจากหน้าตาที่สวยงามแล้ว E-410 ยังมีเมนูบนหน้าจอ LCD ที่ทำงานได้ดีเยี่ยม มันไม่เพียงแต่แสดงค่าที่ตั้งไว้ในขณะนั้น แต่มันยังให้คุณเลือกและปรับเปลี่ยนค่าได้โดยตรง ทำให้สะดวกในการใช้งาน ภายในตัวกล้องเองนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอีกไม่น้อย ที่ชัดเจนที่สุดคือการทำงานแบบ Live View ที่คุณสามารถเลือกมองภาพผ่านจอ LCD ก่อนถ่ายได้โดยไม่ต้องมองผ่านช่องมองภาพ อย่างเช่นเคย ฟังก์ชัน Live View Olympus บุกเบิกฟังก์ชันการทำงานแบบ Live View เป็นครั้งแรกด้วยกล้องรุ่น E-330 ที่มีรูปลักษณ์ที่ยังไม่ค่อยลงตัวและใช้งานค่อนข้างยาก (ปัจจุบันเลิกผลิตไปแล้ว) โดยจะมีการใช้เซ็นเซอร์ ตัวที่สองสำหรับการมองภาพ ส่วน E-410 นั้นเลิกใช้ระบบนี้ไป โดยหันมาใช้วิธีการยกกระจกสะท้อนภาพขึ้น เปิดม่านชัตเตอร์ และส่งภาพจากเซ็นเซอร์ไปยังจอ LCD โดยตรง ข้อเสีย ของการทำงานแบบนี้มีอยู่บ้าง ข้อแรกคือโอกาสที่ฝุ่นในกล้องจะเข้าไปเกาะ บนตัวเซ็นเซอร์จะมีมากกว่าปกติ อย่างไรก็ดี Olympus เป็นเจ้าแรกที่ริเริ่มใช้ระบบป้องกันฝุ่นจับ และ E-410 มี SuperSonic Wave Filter ที่จะทำให้ตัวเซ็นเซอร์สั่นและสะบัดฝุ่นที่เกาะอยู่ออก ทุกครั้งที่กล้องเปิดทำงาน เราพอใจมากที่ภาพถ่ายที่เราทดสอบไม่มีร่องรอยของฝุ่นให้เห็น แม้แต่น้อย ข้อเสียอย่างที่สองคือ Live View ทำให้การทำงานอย่างอื่นช้าลง การถ่ายในโหมด Live View ทำให้ตัวกระจกสะท้อนแสงต้องมีการพลิกตัวไปมา อย่างแรกแผ่นกระจกสะท้อนภาพจะกระดกขึ้น เพื่อเข้าสู่การทำงานแบบ Live View มันจะกระดกลงเมื่อคุณกดชัตเตอร์เพื่อโฟกัส (ในกรณีที่เซ็นเซอร์ AF อยู่ในกระจกห้าด้าน-Pentaprism) จากนั้นก็จะเปิดขึ้นลงอีกระหว่างรับแสง เช่นเดียวกับกล้อง SLR ทั่วไป และสุดท้ายกระจกก็จะกระดกขึ้นอีกหลังจากถ่ายเสร็จเพื่อ เตรียมพร้อมสำหรับถ่ายในโหมด Live View ต่อไป อาจฟังดูแย่กว่าความเป็นจริง แต่การทำงานในโหมด Live View ของ E-410 ไม่เหมาะ กับเวลาที่คุณกำลังรีบร้อน แต่ในขณะเดียวกันมันจะช่วยให้คุณประเมินสภาพแสงได้แม่นยำ ขึ้นด้วยการแสดงค่าฮิสโตแกรมและให้คุณปรับชดเชยแสงได้ทันที ในกล้องแบบ SLR ทั่วไป นั้นคุณต้องถ่ายก่อนแล้วจึงมาตรวจดูอิสโตแกรม หลังจากนั้นจึงถ่ายใหม่ถ้าจำเป็น นอกจากนั้น Live View ยังขยายได้ถึง 7 หรือ 10 เท่า ซึ่งเหมาะมากสำหรับการโฟกัสแบบแมนวลสำหรับ ถ่ายแบบมาโคร และภาพบุคคลที่ต้องการความแม่นยำ คุณภาพของรูปถ่าย E-410 ใช้ระบบประมวลภาพชนิดใหม่ เราสังเกตเห็นว่า E-400 ตัวเก่าขาดความ คม อย่างกล้อง SLR 10 ล้านพิกเซลตัวอื่นๆ และมีสัญญาณรบกวนที่ ISO สูง ส่วน E-410 นั้นดูเหมือนจะมีความ แตกต่างที่ชัดเจน (แต่อย่าลืมว่า E-400 ที่เราทดสอบเป็นตัวทดลองก่อนผลิตขายจริง) เราไม่เห็น ความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างกล้องตัวนี้กับ D40x และ EOS 400D ที่ ISO ต่ำนั้นไม่มีสัญญาณ รบกวนซึ่งเป็นไปอย่างที่เราคาดไว้ และที่ ISO สูงคุณภาพจัดว่าดี จะเริ่มเห็นคุณภาพที่ลดลง บ้างเมื่อถ่ายที่ ISO 800 ถึง 1600 แต่คู่แข่งระดับ 10 ล้านพิกเซลตัวอื่นของ E-410 ก็ประสบปัญหา เรื่องสัญญาณรบกวนที่ ISO สูงๆ เช่นเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบในระดับพิกเซลต่อพิกเซลแล้วจึงจะเห็นความต่างของกล้องแต่ละตัว การถ่ายทอดสีสัน คอนทราสต์และความอิ่มของสีนั้น E-410 ทำได้ยอดเยี่ยม ระบบวัดแสงของกล้อง ทำงานได้ดี ให้ความเที่ยงตรงที่คุณสามารถควบคุมได้ดั่งใจ ระบบวัดแสงแบบ muti-pattern อาจจะก่อให้เกิดไฮไลต์ที่สว่างไปบ้างในบางครั้งแต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ถ่ายทอด ออกมาโอเว่อร์เกินไป เวลาที่มีแสงสว่างในฉากหลังและไม่ให้สีที่ดูหม่นหรืออึมครึมในสภาพ แสงที่สว่างและมีคอนทราสต์สูง นอกจากฟังก์ชัน Live View กับระบบวัดแสงแบบหนักกลางและเฉพาะจุดแล้ว ยังมีระบบวัดแสงแบบ shadow และ highlight ซึ่งจะปรับสภาพแสงของภาพในบริเวณที่มืด และที่สว่างให้เหมาะสมอีกด้วย ปรับโหมด แป้นปรับโหมดค่อนข้างแข็ง แต่ช่วยไม่ให้คุณปรับพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ E-410 มีโหมด scene ให้เลือก 20 โหมด และระบบวัดแสงที่ทำงานได้สลับซับซ้อนอีกด้วย จอ LCD 2.5 นิ้ว จอ LCD มีขนาดใหญ่ ชัดเจน มีประโยชน์ในการทำงานหลายอย่าง ซึ่งได้แก่การทำงานของฟังก์ชัน Live View นอกจากนั้นยังเป็นตัวควบคุมคำสั่งในการทำงานของกล้องด้วยเช่นกัน เลนส์คิท 14-42 มม. ทั้งเลนส์คิท 14-42 มม. และเลนส์ซูม 40-150 ที่สามารถซื้อเพิ่มได้นั้นน่าใช้ และมีขนาดกะทัดรัด มาก มันทำให้เลนส์ของ Canon และ Nikon ดูเทอะทะไปเลย สีเหลื่อม มีสีเหลื่อมแบบ chromatic aberration ให้เห็นบ้างจากเลนส์คิท 14-42 มม. แต่ไม่มากเท่าใด ส่วนสีเพี้ยนชนิดอื่นนั้นต่ำกว่าปกติมาก การเปิดรับแสง ระบบวัดแสงแบบ multi-pattern เชื่อถือได้แม้ในสภาพแสงที่มีคอนทราสต์สูง บริเวณที่มีทั้ง แสงสว่างและเงามืดนั้นกล้องสามารถถ่ายทอดออกมาได้ดี รายละเอียด มันยากที่จะเห็นความแตกต่างในรายละเอียดของเซ็นเซอร์แบบ Four Thirds ของ Olympus กับเซ็นเซอร์ 10 ล้านพิกเซลในกล้อง SLR ของผู้ผลิตรายอื่น ในขณะที่ระบบวัดแสงทำงานได้สลับซับซ้อนแต่ระบบออโต้โฟกัสนั้นทำงานเรียบง่าย E-410 มีจุดโฟกัสเพียงสามจุดซึ่งเรียงตามแนวนอนบนหน้าจอน้อยไปหรือเปล่า? เราพนันได้เลยว่า คุณจะเสียเวลากับระบบโฟกัสหลายจุดในกล้องตัวอื่นมากกว่าที่คุณใช้ในการปรับตัวให้คุ้นเคยกับ ความเรียบง่ายของระบบโฟกัสแบบสามจุดอันเรียบง่ายของกล้องตัวนี้ E-410 ทำงานได้ค่อนข้างรวดเร็วในเรื่องการประมวลภาพอีกด้วย หรืออย่างน้อยก็เร็วกว่า กล้องรุ่นก่อนหน้ามันอีกหลายตัว มันสามารถถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW ได้ที่ความเร็ว 3fps ก่อนที่ บัฟเฟอร์จะเต็ม ส่วนโหมด HQ นั้นสามารถถ่ายได้ที่ความเร็วเท่ากันจนกว่าการ์ดความจำจะเต็ม ราคาเฉพาะบอดี้ที่ 450 ปอนด์ของ E-410 นั้นดูจะสูงไปเล็กน้อย และราคาบอดี้พร้อม เลนส์คิทที่ 500 ปอนด์ก็ยังไม่ถือว่าถูก แต่ถ้าเป็นเลนส์คิทคู่แบบ twin-lens ซึ่งแพงขึ้นอีก 100 ปอนด์หรือรวมทั้งหมด 600 ปอนด์นั้นจัดว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว หลายคนอาจจะรู้สึกว่า E-410 นั้นถือไม่ถนัดมือเพราะขนาดที่เล็ก แต่มันก็ไม่เคยเป็นปัญหา สำหรับกล้องตระกูล OM อันคลาสสิกซึ่งจัดว่าเป็นกล้องที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตัวหนึ่งของ บรรดาตากล้องที่รักการเดินทาง หลายคนอาจจะยังลังเลกับการตัดสินใจเลือกเซ็นเซอร์แบบ Four Thirds ซึ่ง Olympus ทำให้โดดเด่นขึ้นมา ผู้ผลิตรายอื่นนิยมใช้เซ็นเซอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ ในกล้อง SLR ถ้าคุณสามารถรับสองข้อนี้ได้แล้วล่ะก็ สิ่งที่คุณจะได้รับเป็นการตอบแทนก็คือกล้อง คุณภาพยอดเยี่ยมที่ให้ผลงานน่าประทับใจ คู่แข่ง Canon EOS 400D ราคา 480 ปอนด์ กล้องสำหรับมือใหม่ที่ออกแบบการควบคุมการใช้งานได้ยอดเยี่ยม แต่ควรถ่ายเป็นไฟล์ RAW หากต้องการภาพที่คมชัด 85% Nikon D40x ราคา 480 ปอนด์ Nikon ให้ภาพที่งดงาม ติดตรงที่ระบบควบคุมการใช้งานที่นับว่าอยู่ในระดับ สมัครเล่น 85% สีผิว ระบบไวท์บาลานซ์อัตโนมัติทำหน้าที่ได้ดีในการถ่ายทอดสีผิวในสภาพแสงส่วนใหญ่ ส่วนค่าไวท์บาลานซ์แบบอื่นที่มีให้นั้นเหมาะสำหรับใช้งานกับสภาพแสงในร่มและแสงในอาคารมากกว่า ภาพถ่ายภายในอาคาร กรอบไม้นี้ถ่ายด้วย ISO 1600 รายละเอียดออกมาดี ไม่มีสัญญาณ รบกวนมากนักและเก็บรายละเอียดของพื้นผิวได้มาก ซึ่งมักเป็นข้อด้อยของการใช้ระบบกำจัด สัญญาณรบกวน (noise reduction) ภาพถ่ายกลางแจ้ง E-410 มีโหมดการถ่ายแบบ Vivid เพื่อให้สีสันที่จัดจ้าน แต่ก็จะเพิ่ม คอนทราสต์และมีความเสี่ยงในการเกิดไฮไลต์ แต่ส่วนใหญ่คุณคงไม่จำเป็นต้องใช้เท่าใด The Specs ติดต่อ www.olympus.com ราคา 500 ปอนด์ เฉพาะบอดี้ 600 ปอนด์ พร้อมเลนส์ 14-42 มม. 700 ปอนด์ พร้อมเลนส์คู่ 40-150 มม. (ราคารอเซลล์) เซ็นเซอร์ 10 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ 17.3 x 13 มม. ระยะโฟกัส SLR 2x เลนส์เม้านท์ SLR Olympus Four Thirds ระยะโฟกัสเลนส์คิท 28-84 มม. รูรับแสงเลนส์คิท F3.5-5.6 เมมโมรี่การ์ด CF, xD ไม่มีแถม ช่วง ISO 100, 200, 400, 800, 1600 โหมดการเปิดรับแสง Program, Aperture, Shutter, Manual, Full auto, Portrait, Landscape, Night scene, Sports, High key, Low key, Image Stabilisation mode, Macro, Nature macro, Underwater, Panorama โหมดการวัดแสง Multi-zone (49), หนักกลาง, เฉพาะจุด โหมดการโฟกัส AF 3 จุด แบบ auto หรือ manual AF point selection, single shot AF, single shot AF with manual, continuous AF การหน่วงของชัตเตอร์ 0.25-0.5 วินาที รวม AF โดยประมาณ ความไวชัตเตอร์ 60-1/4000 วินาที, bulb แฟลชในตัว GN12. ที่ ISO 100 แฟลชซิงค์ 1/180 วินาที โหมดแฟลช Auto, On, Off, แก้ตาแดง, slow sync, ม่านฉากหลัง, ฮอทชู โหมดการถ่ายภาพ Single, ถ่ายต่อเนื่อง (3fps), ตั้งเวลาถ่าย เวลาในการบันทึก JPEG 2 วินาที RAW 2 วินาที จอ LCD จอ LCD สีขนาด 2.5 นิ้ว ความละเอียด 230,000 พิกเซล น้ำหนัก 375 กรัม เฉพาะบอดี้ ไม่รวมแบตเตอรี่และการ์ด แบตเตอรี่ แบตชาร์จแบบ Li-ion PS-BLS1 ระยะการใช้งานของแบต 500 รูป มาตรฐาน CIPA การโอนย้ายข้อมูล USB 2.0 high speed, วิดีโอ ซอฟต์แวร์ Olympus Master 2 (PC และ Mac) The Ratings คุณสมบัติเด่น ระบบการวัดแสงที่ทำงานได้สลับซับซ้อน ฟังก์ชัน Live View ระบบกำจัดฝุ่นในตัว และโหมด scene ที่หลากหลายทำให้ E-410 เป็นกล้องคุณภาพเยี่ยมที่มีความสามารถรอบตัว สมรรถภาพ สีสันสวยงาม การวัดแสงชั้นหนึ่ง รายละเอียดดี สัญญาณรบกวนต่ำ ออโต้โฟกัสทำงานเงียบและรวดเร็ว สมรรถภาพยอดเยี่ยม การใช้งาน ขนาดที่เล็กอาจจะเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ระบบการปรับและควบคุมการสั่งงานทำให้การตั้งค่าทั้งหลายทำได้ง่ายดาย คุณภาพการผลิต มันอาจจะให้ความรู้สึกแบบพลาสติก แต่คุณต้องการกล้องน้ำหนักเบาหรือเปล่า งานผลิตแข็งแรงและการใช้งานก็สนุก ความคุ้มค่าเงิน อาจจะราคาสูงกว่าคู่แข่งเล็กน้อยแต่เลนส์คิทแบบคู่นั้นน่าสนใจ และมันให้คุณมากกว่าราคาที่ ประหยัด คำตัดสินของ Digital Camera E-410 แสดงให้เห็นว่าระบบเซ็นเซอร์แบบ Four Thirds นั้นให้คุณภาพของรูปถ่ายที่ทัดเทียมกับ เซ็นเซอร์ในกล้อง แบบ SLR ตัวอื่น มันเป็นกล้องที่ใช้งานง่าย เนื่องจากการมีฟังก์ชัน Live View มีระบบปรับตั้งค่าและควบคุมการทำงานที่ออกแบบได้ดี การใช้งานและขนาดที่กะทัดรัดของบอดี้ และเลนส์ 89%

สนับสนุนเนื้อหาโดย
นิตยสาร Digital Camera

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ รีวิว Olympus E-410

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook