กล้องดิจิตอลเฮภาษีเหลือ0%

กล้องดิจิตอลเฮภาษีเหลือ0%

กล้องดิจิตอลเฮภาษีเหลือ0%
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สงครามราคาปะทุตลาดกล้องดิจิตอลปีระกา เจ้าตลาดโซนี่ ชิงปรับราคาลงอีก 20% เป็นรายแรก หลังรับอานิสงค์รัฐบาลลดภาษีนำเข้าเหลือ 0% ขณะที่คู่แข่ง แคนนอน-ฟูจิ-โกดัก ทยอยดัมพ์ราคาลงตาม ส่งผลรุ่นขนาดความละเอียด 3 ล้านพิกเซล ราคาไม่เกิน 5,000 บาท ส่วน 4 ล้านพิกเซล ราคาไม่เกิน 9,000 บาท ฟันธงยอดตลาดรวมพุ่ง 800,000 เครื่อง มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท นายจรัสพงศ์ เจนจรัสสกุล ผู้จัดการแผนกผลิตภัณฑ์ถ่ายภาพ บริษัทเจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด ในฐานะประธานชมรมผู้ประกอบการกล้องถ่ายภาพและอุปกรณ์ เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ"ว่าผลจากการลดภาษีนำเข้ากล้องดิจิตอลจากเดิม 3% เหลือ 0% ของรัฐบาล ทำให้ราคากล้องดิจิตอลปีนี้ลดลงประมาณ 15-20% โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมาโซนี่ ซึ่งได้รับการลดภาษีนำเข้าเป็นรายแรกได้ปรับราคาขายลงมา 20% ขณะที่คู่แข่งรายสำคัญ อาทิ แคนนอน ฟูจิ และโกดัก ช่วงนี้ได้ทยอยลดราคาขายส่งมาตาม ทั้งนี้คาดการณ์ว่ากล้องดิจิตอลขนาดความละเอียด 3-4 ล้านพิกเซล สำหรับกลุ่มตลาดล่างจะมีการลดราคาลงมาประมาณ 20% โดยขนาดความละเอียด 3 ล้านพิกเซล จะมีราคาจำหน่ายไม่เกิน 5,000 บาท ขณะที่ขนาดความละเอียด 4 ล้านพิกเซล จะมีราคาจำหน่ายไม่เกิน 9,000 บาท ส่วนรุ่นขนาดความละเอียด 5-6 ล้านพิกเซลนั้นมีการลดราคาลงประมาณ 15% ส่วนกล้องดิจิตอลขนาดความละเอียด 1-2 ล้านพิกเซลนั้นจะถูกทดแทนด้วยตลาดโทรศัพท์มือถือที่มีติดตั้งกล้องดิจิตอลในตัวและกล้องถ่ายวิดีโอที่มีคุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าตลาดโทรศัพท์มือถือที่มีติดตั้งกล้องดิจิตอลในตัว จะเข้ามาทดแทนตลาดกล้องดิจิตอลทั้งหมดเช่นเดียวกับแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นั้นมองว่าตลาดเมืองไทยค่อนข้างแตกต่าง เนื่องจากโทรศัพท์มือถือที่มีติดตั้งกล้องดิจิตอลความละเอียดเทียบเท่ากล้องดิจิตอลทั่วไปนั้นยังมีราคาสูง โดยเฉลี่ยมีราคา 30,000-50,000 บาท อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่กว่ากล้องดิจิตอล และมีข้อจำกัดเรื่องหน่วยความจำภายในเครื่อง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเชื่อว่ากลุ่มผู้ใช้โทรศัพท์มือถือที่มีติดตั้งกล้องดิจิตอลในตัวจะมีการปรับเปลี่ยนมาใช้กล้องดิจิตอลทั่วไป สำหรับตลาดรวมกล้องดิจิตอลปีนี้นั้น ชมรมผู้ประกอบการกล้องถ่ายภาพและอุปกรณ์ คาดการณ์ว่าจะมีตัวเลขยอดขายประมาณ 800,000 เครื่อง หรือมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 30% โดยปีที่ผ่านมาตลาดรวมมีตัวเลขยอดขายราว 62,900 เครื่อง หรือคิดเป็นมูลค่า 7,000 ล้านบาท "สัดส่วนตลาดของสินค้าแต่ละรุ่นปีนี้นั้นคาดการณ์ว่ากล้องดิจิตอลขนาดความละเอียด 2 ล้านพิกเซล จะมีสัดส่วนตลาด 2% ขนาดความละเอียด 3 ล้านพิกเซล มีสัดส่วนตลาด 20% ขนาดความละเอียด 4 ล้านพิกเซล มีสัดส่วนตลาด 40% ขนาดความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีสัดส่วนตลาด 29% และขนาดความละเอียด 6 ล้านพิกเซลขึ้นไปมีสัดส่วนตลาด 11%ส่วนยี่ห้อที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 3 อันดับแรกปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย 1.โซนี่ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 29% , 2. แคนนอน ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดราว 15-16% และซัมซุง ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 13%" นายจรัสพงศ์ กล่าวในฐานะผู้ดูแลรับผิดชอบในการทำตลาดกล้องดิจิตอลยี่ห้อซัมซุง และคาสิโอว่าขณะนี้บริษัทกำลังติดตามความเคลื่อนไหวการแข่งขันทางด้านราคาของคู่แข่งในตลาดอยู่ โดยยังไม่มีนโยบายลดราคามาเพื่อแข่งขัน เนื่องจากมองว่าการแข่งขันทางด้านราคา จะทำให้ ร้านค้าหรือตัวแทนจำหน่ายรายย่อยไม่สามารถอยู่รอดได้เพราะมีกำไรที่ลดลง แต่จะใช้วิธีนำเสนอทางด้านการตลาด โดยชี้ให้ผู้บริโภคเห็นถึงคุณภาพของสินค้า และคุณภาพการพิมพ์ภาพถ่ายจากตัวกล้อง ด้านแหล่งข่าวจากบริษัทโซนี่ ไทย จำกัด กล่าวว่าตลาดกล้องดิจิตอลปีนี้ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีแผนเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้สูงกว่า 30% จากปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งตลาด 29% โดยกลยุทธ์สำคัญคือการนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาเสริมการทำตลาดต่อเนื่อง ส่วนการลดราคาสินค้าลงมา 20% นั้นเป็นการลดเฉพาะบางรุ่นเพื่อระบายสินค้าในสต็อกออกไปไม่ได้เป็นกลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทในระยะยาว ขณะที่นายสุชาติ วนาพูนสุข ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการขายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีทัศนสื่อสาร บริษัทแคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย)จำกัด กล่าวว่าตลาดกล้องดิจิตอลปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าตลาดรวมจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 800,000 เครื่อง ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากปีที่ผ่านมา 16% เป็น 20% หรือคิดเป็นตัวเลขประมาณ 160,000 เครื่อง "กลยุทธ์การทำตลาดที่สำคัญของบริษัทคือมุ่งเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคปัจจุบันเลือกซื้อกล้องโดยไม่ได้คำนึงถึงเรื่องราคา ความละเอียด และรูปลักษณ์ อีกต่อไป แต่มีความต้องการคุณสมบัติการทำงานเพิ่มเติม อาทิ สามารถต่อกับเครื่องพิมพ์ หรือพรินเตอร์ เพื่อพิมพ์ภาพได้ทันที หรือ โปรแกรมซอฟต์แวร์ในการตกแต่งภาพถ่าย อีกทั้งยังต้องการคุณภาพของภาพถ่ายที่พิมพ์ออกมา ซึ่งบริษัทมีเทคโนโลยีด้านดังกล่าวซึ่งถือเป็นจุดแข็งการทำตลาด" นายสุชาติ กล่าวต่อไปว่าสำหรับกรณีที่รัฐบาลลดภาษีกล้องดิจิตอลจาก 3% ลงมาเหลือ 0% มีผลต่อตลาดไม่มาก โดยเชื่อว่าการโซนี่ลดราคาสินค้าของโซนี่ลงมา 20% จะเป็นการลดเฉพาะบางรุ่นที่อยู่ในตลาดมาเป็นเวลานาน ซึ่งบริษัทไม่มีนโยบายลดราคาลงมาแข่งขัน แต่อาจจะใช้วิธีการจัดแคมเปญ แถมหน่วยความจำเพิ่มเป็น 256 เมกะไบต์ จากเดิม 128 เมกะไบต์ เพื่อทดแทนส่วนต่างจากการที่รัฐบาลลดภาษีนำเข้าลงมาเหลือ 0% นายมนัส กนกภัยพิพัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ฟูจิ โฟโต้ฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าตลาดรวมกล้องดิจิตอลปีนี้จะมีอัตราการเติบโตถึง 110% หรือคิดเป็นจำนวนประมาณ 550,000 ตัว สำหรับผลประกอบการของฟูจิฟิล์มในปีงบประมาณ2547 ที่ผ่านมามียอดขายรวม 3,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 7% โดยตัวเลขของตลาดฟิล์มสีมีอัตราลดลง 8% ส่วนตลาดดิจิตอลมินิแล็บ FDI Station ซึ่งฟูจิเป็นผู้นำตลาดในตลาดดิจิตอลมินิแล็บ โดยมีมากกว่า 400 แห่ง จากตลาดดิจิตอลมินิแล็บซึ่งมีรวมราว 800 แห่ง "ปีนี้ฟูจิฟิล์มวางเป้าหมายว่าจะมียอดขายรวมอยู่ที่ 3,100 ล้านบาท โดยวางแผนการตลาดว่าจะขายกล้องดิจิตอล 88,000 ตัว และจะขยายศูนย์บริการดิจิตอลมินิแล็บ FDI Station เพิ่มอีก 100 แห่ง ซึ่งจะใช้งบประมาณในการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ในปีนี้ทั้งสิ้น 250 ล้านบาท" นายมนัสกล่าวต่อว่า สำหรับกลยุทธ์การตลาดจะใช้ยุทธศาสตร์การสื่อสาร โดยได้ตอกย้ำแนวความคิดหลัก ฟูจิฟิล์ม คือผู้นำทุกเทคโนโลยีภาพ ภายหลังจากปีที่ผ่านมาได้ปรับจุดขายทางการตลาดใหม่ เพื่อมุ่งนำเสนอให้เห็นว่าฟูจิฟิล์มไม่ใช่เฉพาะฟิล์มอย่างเดียว แต่ฟูจิฟิล์ม คือ ผู้นำทุกเทคโนโลยีภาพ ส่วนปีนี้มีแผนจัดทำภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ "Image Intelligence" ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์อัจฉริยะ สร้างความแข็งแกร่งให้แก่ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ฟูจิฟิล์ม ทำให้เหนือคู่แข่งขันอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้องดิจิตอลของฟูจิ หรือศูนย์บริการอัดภาพดิจิตอล FDI Station content by

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ ของ กล้องดิจิตอลเฮภาษีเหลือ0%

กล้องดิจิตอลเฮภาษีเหลือ0%
กล้องดิจิตอลเฮภาษีเหลือ0%
กล้องดิจิตอลเฮภาษีเหลือ0%
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook