โกดักตีตื้น เกือบไล่ทันโซนี่ในตลาดกล้องดิจิตอล

การสำรวจตลาดกล้องดิจิตอลตลาดกล้องดิจิตอลของสหรัฐฯในช่วงไตรมาสล่าสุดของไอดีซีพบว่า โกดักสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ทำสถิติยอดขายหายใจรดต้นคอผู้นำในตลาดตลอดกาลอย่างโซนี่ น้อยกว่าเพียง 0.2 เปอร์เซ็นต์ นักวิเคราะห์มองว่าการที่โกดักเกือบไล่ทันโซนี่ได้สำเร็จ จะทำให้ตลาดกล้องดิจิตอลในไตรมาสที่สี่ร้อนระอุสุดขีด ซึ่งจะเป็นไตรมาสสำคัญที่เป็นตัวตัดสินยอดขายรวมทั้งปีของผู้ผลิตแต่ละค่าย การสำรวจครั้งนี้ ไอดีซี (IDC) ทำการสำรวจตลาดกล้องดิจิตอลของสหรัฐฯในช่วงไตรมาสที่สาม โดยพบว่ายอดจำหน่ายของโซนี่ (Sony) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1 ล้านเครื่อง ถือเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ของตลาด ในขณะที่ยอดจำหน่ายของโกดัก (Kodak) นั้นน้อยกว่าโซนี่ไปเพียง 10,000 เครื่อง ทำให้สัดส่วนในตลาดของโกดักต้องตกเป็นรองโซนี่ด้วยสัดส่วน 19.8 เปอร์เซ็นต์ อันดับที่สามเป็นของแคนอน (Canon) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมาเป็น 800,000 เครื่อง หรือราว 16 เปอร์เซ็นต์ รองลงมาเป็นโอลิมปัส (Olympus) ด้วยยอดขาย 600,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วน 12 เปอร์เซ็นต์ ตามการรายงานของสำนักข่าวซีเน็ต คริส ชูต (Chris Chute) นักวิเคราะห์ตลาดกล้องดิจิตอลของไอดีซี กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ตำแหน่งแชมป์ของโซนี่ไม่ทิ้งห่างจากอันดับสองมากเท่าไหร่ ตั้งแต่ไอดีซีเคยทำการสำรวจตลาดมา "การลงทุนในด้านเทคโนโลยีภาพดิจิตอลของโกดักเริ่มจะเห็นผลจริงๆจังๆ" ชูตกล่าว "โกดักไม่ได้เป็นผลิตภัณฑ์เบอร์สองราคาประหยัดแล้วในตอนนี้ เพราะโกดักเริ่มจะถีบตัวเองด้วยการเพิ่มคุณภาพให้กับผลิตภัณฑ์ แถมยังมีการเคลื่อนไหวทางกลยุทธ์ด้วยการรวมตัวกับพาร์ทเนอร์ยักษ์ใหญ่อย่างเดลล์ (Dell) " ที่ผ่านมาโกดักนั้นทุ่มทุนส่วนใหญ่ไปที่ธุรกิจฟิล์มถ่ายรูป จนกลายเป็นธุรกิจอู่ข้าวอู่น้ำของโกดักมายาวนาน จนกระทั่งกระแสความนิยมในกล้องดิจิตอลเริ่มมีผลกระทบต่อยอดรายรับของบริษัท โกดักจึงเริ่มเบนเข็ม เทเม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ เริ่มลงมือพัฒนาทรัพยากรเพื่อการผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีภาพดิจิตอลมาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปี เทคโนโลยีภาพดิจิตอลเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างสรรค์เทคโนโลยีการถ่ายภาพในกล้องดิจิตอลไปจนถึงการให้บริการพิมพ์หรืออัดรูปดิจิตอล ที่ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภค ชูตมองว่ายอดขายที่เปลี่ยนแปลงจะเป็นโอกาสทองให้กับโกดัก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายปลายปีที่ผู้ผลิตหลายค่ายต่างหวังกอบโกยยอดขายเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายรวมทั้งปี ชิวต์กล่าวทิ้งท้ายว่า "ไตรมาสสุดท้าย จะเป็นช่วงที่เราไม่สามารถคาดการณ์ใดๆได้เลย ซึ่งจุดนี้ทำให้เราบอกไม่ได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับยอดขายรวมทั้งปี"