คิดคำศัพท์ ขยับแป้น โลกใบใหม่ของภาษาออนไลน์

คิดคำศัพท์ ขยับแป้น โลกใบใหม่ของภาษาออนไลน์

คิดคำศัพท์ ขยับแป้น โลกใบใหม่ของภาษาออนไลน์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
A : Ruok ? B : (x_x) A : Ttul B : Tic... (*_*) A : D8 (@ @) ? B : ;) A : Hand ใครที่ไม่เคยเข้าไปสัมผัสกับโลกออนไลน์ หากอ่านบทสนทนาข้างต้นแล้ว คงตกอยู่ในภาวะหรืออาการ งง กันถ้วนหน้า และตามมาด้วยคำถามและความสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมีภาษามนุษย์ต่างดาวเช่นนี้ปรากฏอยู่ หรือไม่ก็ต้องพิมพ์ผิดเป็นแน่แท้ แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ท่องอยู่ในยุทธจักรออนไลน์จนเข้าขั้น เซียน แล้วล่ะก็ จะไม่แปลกใจกับภาษาประหลาดสักนิด เพราะบทสนทนาข้างต้นจะสื่อความหมายได้ดังต่อไปนี้ A : Are you ok ? / สบายดีไหม B : ฉันรู้สึกแย่มากเลย ไม่สบายใจเลย A : talk to you later / งั้นเอาไว้คุยกันวันหลังก็ได้ ไปแล้วนะ B : tongue in cheek / ล้อเล่นจ้ะ...ฉันกำลังตกหลุมรัก A : dead / ตาย! เธอนิ หลอกฉันเหรอ B : (เป็นท่าทางยิ้มพร้อมกับขยิบตา เพื่อจะบอกว่ากำลังพูดเล่นหรือโกหก) A : have a nice day / ขอให้มีความสุขนะยะ กำเนิดแห่งภาษาแชต ภาษาแชตทางอินเทอร์เน็ต เป็นภาษาหนึ่งที่ผู้คนในโลกออนไลน์นิยมใช้ในการติดต่อและสื่อสารกัน ถือเป็นภาษาที่มีรูปแบบเฉพาะตัวอย่างเห็นได้ชัดคือ สั้น กะทัดรัดได้ใจความ ทำความเข้าใจได้ง่าย โดยอาศัยหลักการง่ายๆในการนำมาประยุกต์ใช้คือ การตัดคำ ย่อคำ ทับศัพท์หรือสร้างภาพเข้ามาช่วยแทน เพื่อให้การสื่อสารรวดเร็วขึ้น และตรงประเด็น ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ชุมชนในโลกออนไลน์ขยายตัวเป็นวงกว้างมากกว่าแต่ก่อน จนยากที่จะตามทัน หลายเว็บไซต์ ปรับตัวเพิ่มลูกเล่นเพื่อดึงคนให้เข้ามามีส่วนร่วมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เว็บบอร์ด ไอซีคิว(ICQ) โปรแกรมสนทนาทันใจอย่าง QQ และอีกนานาสารพัดชนิด รวมไปถึง การแชต (CHAT) และเอ็มเอสเอ็น (MSN Messenger) ยกตัวอย่างเช่น การแชตนั้น ถือเป็นโปรแกรมหนึ่งที่ใช้ในอินเทอร์เน็ต สำหรับ พูดคุยสนทนา(ผ่านแป้นคีย์บอร์ด) โดยมีจุดเด่นคือสามารถคุยกันได้หลายคนพร้อมกัน เมื่อพิมพ์ไปหนึ่งประโยค ทุกคนจะเห็นพร้อมกันหมด หรือจะเลือกคุยกันเป็นการส่วนตัวสองต่อสองก็ได้ สำหรับโลกของการ CHAT จะแบ่งออกเป็นห้องๆ โดยผู้เล่นสามารถจะตั้งห้องเองก็ได้ ดังนั้น ห้องแชตจึงมีหลายหมื่นหลายพันห้อง ใครอยากคุยห้องไหนก็ต้องเข้าไปในห้องนั้น ซึ่งถือเป็นรูปแบบใหม่แห่งการสื่อสารที่เข้ามามีบทบาทต่อวัยรุ่นไทยค่อนข้างมาก เรียกได้ว่าใครแชทไม่เป็นก็เรียกว่าถึงขั้นล้าสมัยตกรุ่นไปเลย และการพูดคุยผ่านตัวหนังสือด้วยการสื่อสารออนไลน์สารพัดรูปแบบเหล่านี้นี่เอง ที่ทำให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ในการบัญญัติศัพท์และคำย่อต่างๆขึ้นมาสื่อสาร จนใครที่เพิ่งหลงเข้าไปร่วมสนทนาด้วยแรกๆ ถึงกับต้องยกมือเกาหัวด้วยความงวยงง นายโมบี้ เป็นนามปากกาของชายหนุ่มวัย 25 ผู้คลุกคลีอยู่กับการท่องอินเทอร์เน็ตมาตั้งแต่อายุ 15 จนสะสมประสบการณ์กลั่นกรองออกมาเป็นหนังสือคู่ใจวัยแชตที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากบรรดาขาแชตทั้งหลาย เบื่อที่จะต้องพิมพ์หรือใช้ข้อความยาวๆเลยนึกสนุก พิมพ์ข้อความที่มี Emotion แบบง่ายที่สุด อย่างรูปหน้ายิ้ม :) ลงไปท้ายข้อความที่ส่งให้เพื่อนๆ แรกๆใครก็คิดว่าพิมพ์ผิด แต่พอนานไปหลายคนที่ได้รับข้อความเริ่มเข้าใจและสนุกมากขึ้นก็เลยใช้กันได้สักพักก็เลิก เพราะไม่ฮิต ต่อมาเป็นช่วงที่ได้ติดต่อกับเพื่อนชาวต่างชาติพอดี ท้ายข้อความจากเพื่อนจะมีลงท้ายว่า :-) เราก็คิดว่าเขาพิมพ์ผิด แต่ดูไปดูมาก็เข้าใจ มานึกขึ้นได้ เราก็เคยส่งอย่างนี้ไปให้เพื่อน จึงพยายามใช้บ้าง จนเป็นความคุ้นเคยไปเลย อย่างทุกวันนี้ใครๆ เขาก็ใช้กัน ซึ่งก็ไม่ได้มาจากผมทีเดียว มีมาจากหลายกลุ่ม หลายทาง ถือว่าหลากหลายมาก อย่าง Emotion แบบสำเร็จรูปใน msn ตอนนี้ก็กำลังได้รับความนิยมมากเพราะไม่ต้องตีความอะไรมาก เห็นรูปก็รู้อารมณ์ของคนที่คุยด้วยได้แล้ว ทำให้คุยกันสนุกขึ้นนายโมบี้อธิบายเรื่องราวของภาษาแชต หลากเสียงสำเนียงออนไลน์ ด้วยความที่ภาษาแชตเป็นภาษาที่แตกต่างไปจากภาษาที่คุ้นเคย ต่างไปจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน และต่างไปจากภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น จึงทำให้คนที่ไม่ค่อยได้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ มองว่าการใช้ภาษาในการสื่อสารอย่างนี้ เป็นการใช้ภาษาที่ผิดหลักไวยากรณ์หรือปรับเปลี่ยนมากเกินไป จนถึงขั้นอาจทำให้ภาษาวิบัติก็เป็นได้ แน่นอน ก่อนอื่นคงต้องไปสอบถามความรู้สึกของบรรดาขาแชตทั้งหลายจากชุมชนออนไลน์ในเว็บไซท์ยอดนิยมว่า มีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้าง บูม สาวออฟฟิศวัย 26 ปี สะสมชั่วโมงออนไลน์มา กวและนักเล่นอินเทอร์เน็ตสามารถพบเธอได้จากเว็บไซต์กระปุก ดอทคอม ให้ความเห็นว่าการใช้ภาษาแชตคุยกันอย่างนี้ค่อนข้างสะดวกและรวดเร็ว และไม่คิดว่าเป็นการทำลายภาษาดั้งเดิม แต่น่าจะถือเป็นการประยุกต์ใช้มากกว่า อย่างเช่น ถ้าแอบเล่นในที่ทำงานจะมานั่งพิมพ์ยาวๆจนจบประโยคเจ้านายจับได้พอดี ดังนั้น ใช้วิธีนี้ดีที่สุด เพราะคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าจอก็ไม่รู้ด้วยว่า หมายความว่ายังไง หรือเท่ากับว่าเราได้คุยอะไรที่สามารถเปิดเผยได้เต็มที่ โดยไม่ต้องปิดบังคนที่คุยด้วย เพราะยังไงคนที่เล่นด้วยก็ไม่รู้ว่าตัวจริงเราเป็นใคร อิอิ (เสียงหัวเราะที่มักใช้ทางอินเทอร์เน็ตเวลาถูกอกถูกใจ) ใช้แล้วคลายความอึดอัดได้ คุยแล้วสนุก สามารถทำให้เรายิ้มได้กับคำหวานๆ แม้รู้ว่ามันไม่จริง แต่เราก็คิดว่ามันจริงซะก็สิ้นเรื่อง ตกลงคือได้เพื่อนคุย และก็คลายเครียดดีค่ะ ด้าน น้องหนู นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังย่านถนนราชดำเนินมองว่า การใช้ตัวหนังสือคุยกัน ทำให้คุยได้ง่ายกว่าการพูด เพราะจะสามารถถ่ายทอดได้ดีกว่า (สำหรับหนูนะ คนอื่นไม่รู้ ) เนื่องจากเวลาเป็นตัวหนังสือ สามารถกลั่นกรองให้ดูดีและดูสวยงามได้ ชอบที่จะใช้การสื่อสารแบบนี้ ได้คิดก่อนส่ง แต่เวลาเขียนทั่วไปก็ใช้ตามแบบที่เรียนมาไม่ติดเอาไปใช้ในชีวิตประจำวัน จึงคิดว่าไม่น่าเสียหายอะไร หุหุ (เป็นเสียงหัวเราะที่มักใช้ทางอินเทอร์เน็ตเวลาถูกอกถูกใจเช่นกัน แต่จะดูยียวนกวนกว่า อิอิ) ขณะที่ กะเทย ต.ช.ด. วัย 24 ปีซึ่งไปเจอะเจอที่เว็บไซค์ไทยเมทดอทคอม แสดงทัศนะในภาษาแชตที่ฟังแล้วต้องเวียนหัวว่า ใช้อย่างนี้คุยกับเพื่อนต่างชาติสะดวกดี สนุกด้วย ได้คุยกะเพื่อนที่อยู่ไกล ๆ อะ แล้วได้คุยทีละหลาย ๆ คนด้วย หุ ๆๆ ..ไม่เปลือง ต่อเน็ตครั้งเดียว 3 บาท ได้คุยกะเพื่อนเป็น 10 เลย อิ ๆ แถมยังได้รู้จักกะ คนอื่น ด้วย บางทียังได้ระบายอะไร ๆ หลาย ๆ อย่าง ที่เราบอกเพื่อน ไม่ได้อะ....แต่ให้คนอื่นที่ไม่รู้จักมารับรู้บ้าง บางทียังได้คำแนะนำดี ๆ อีกด้วย ... แต่ก็ไม่ควรเล่นเยอะเกินไป อะ กลัวเสียการเสียงานอะ.. หนุ่มผู้แข็งนอกอ่อนใน สรุปทิ้งท้ายเอาไว้อย่างรับฟังด้วยว่า อย่ามาจับผิดเลยทุกอย่างมันต้องเปลี่ยนไปตามยุคสมัยของมัน ไม่ต้องมองอื่นไกล อย่างภาษาที่เราใช้กัน ย้อนหลังไป 100 ปีที่แล้วก็ไม่ได้พูดอย่างนี้ รูปตัวอย่าง Emoticon ที่กำลังได้รับความนิยมในการพูดคุยผ่านโปรแกรมเอ็มเอสเอ็น(MSN Messenger) ส่วน ธนิต หนุ่มทำงานวัย 28 ปี เผยว่า เข้าไปคุยกับแฟน เพราะไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน เนื่องจากฝ่ายหญิงไปเรียนต่อต่างประเทศ ถ้าจะใช้โทรศัพท์ก็กลัวเปลือง คุยกันทางนี้ก็สะดวก ส่วนภาษาแชตที่ใช้ก็ได้รับสืบทอดมาจากแฟนที่ใช้ก่อนอีกที ซึ่งแรกๆ ก็งงๆ เหมือนกัน แต่พอได้ลุ้นได้เดากันมากขึ้น เลยติดและต้องพยายามหาคำใหม่มาใช้ตลอดแล้วผลัดกันเดา อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า มีบ้างเหมือนกันที่ติดไปใช้กับภาษาพูด คือเวลาพูดจะกร่อนเสียงให้คำสั้นลงเหมือนที่พิมพ์ หรืออย่างเวลาหัวเราะก็ออกเสียง อย่าง อิอิ แป๋วว แหง่วว ... เป็นต้น ท้ายสุดนายโมบี้ฝากเอาไว้ว่า ควรใช้ภาษาแชต เฉพาะการแชตเท่านั้น หากเป็นการสื่อสารอื่นที่ต้องการความเป็นทางการ ก็ควรใช้ภาษาปกติที่ถูกหลักไวยากรณ์จะดีกว่า คราวนี้จะได้ไม่มีใครมาว่า ว่าเป็นพวกบ่อนทำลายภาษา กฏต้องห้ามในวงการแชต สำหรับใครที่อยากเข้าวงการนี้ไ ม่ต้องรอให้แมวมามองก็สามารถเข้ามาด้วยลำแข้งของตัวเองได้ โดยการปฏิบัติตามข้อกำหนดดังต่อไปนี้ หนึ่ง-ทุกครั้งที่พิมพ์โปรดใช้ตัวอักษรตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด โดยไม่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องทางไวยากรณ์ ยกเว้นกรณีที่ต้องการเน้นบางข้อความให้เด่นชัดขึ้น หรือกรณีขึ้นประโยคใหม่ที่มีใจความยาวๆ จำไว้ว่าการใช้ตัวอักษรตัวพิมพ์ใหญ่เป็นเรื่องที่หยาบคายมากเพราะถือเป็นการตะโกน ฉะนั้น จงหาทางหลีกเลี่ยง ใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น สอง-คำไหนย่อได้ก็ย่อ ถ้าคุณไม่ได้ย่อ นอกจากจะเสียเวลาพิมพ์แล้ว อาจจะถูกมองว่าเชยอีกด้วย สาม-ฝึกใช้ไอคอนอีโมชัน (Emotion) ให้เป็นนิสัย เพื่อความสะดวกในการสนทนาของคุณเอง และให้ผู้รับเข้าใจตรงกันกับคุณ แถมยังดูน่ารักและเข้าใจจิตใจได้ง่ายกว่าคำพูดอีกด้วย สี่-ขอย้ำว่า ภาษาคาราโอเกะเหมาะใช้กับคนไทยเท่านั้น อย่าหลงไปใช้กับชาวต่างชาติเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะคุยกันไม่รู้เรื่อง หรือฝ่ายตรงข้ามอาจแปลความหมายผิด ห้า-Text Message เป็นภาษาที่ไม่มีอะไรตตัวและไม่เป็นทางการ จึงไม่มีถูกผิดและสามารถเปลี่ยนแปลงได้เรื่อยๆ อย่านำไปเป็นบรรทัดฐานหรือใช้อย่างเป็นทางการ ทิปแนะนำสำหรับนักแชท นกเหล็กเหิรฟ้า นามแฝงของเซียนด้านไอทีคนหนึ่งได้ฝากแง่คิดสำหรับการพูดคุยในแวดวงออนไลน์ว่า มีทั้งคำจริงและคำโกหก ซึ่งถือเป็นปกติที่ไม่ควรเปิดเผยตนเองมากเกินไป และคำโกหกนั้นอาจไม่มีผลใดๆ ต่อตัวเอง เว้นแต่ว่าเกิดสนใจใครคนหนึ่งเป็นพิเศษ และอยากทราบว่า คำพูดของเขาหรือเธอคนนั้นมีความจริงหรือเท็จเพียงใด ทั้งนี้ ข้อแนะนำของนกเหล็กเหินฟ้าสามารถทำหรือปฏิบัติง่ายๆ ดังต่อไปนี้ - คุณควรจดจำข้อมูลวัน เวลา สถานที่ ตัวเลข ที่ได้จากการออนไลน์ เพื่อนำมาตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง หากคำพูดนั้นเป็นคำเท็จ เขาหรือเธอซึ่งเป็นเจ้าของคำพูดมักจะลืมรายละเอียดในเรื่องวัน เวลา สถานที่ แต่หากคำพูดนั้นเป็นจริง ข้อมูลย่อมไม่เปลี่ยนแปลง - คำโกหกในเรื่องอายุนั้นไม่สำคัญ บางคนต้องการเพื่อนคุยในวัยทำงาน แต่ยังอยู่ในวัยเรียนก็จำเป็นต้องเพิ่มอายุขึ้นไป หรือบางคนอยากได้เพื่อนพูดคุยอยู่ในวัยเรียน ก็ต้องลดอายุลงมา ประเด็นคำลวงเรื่องอายุนี้พบได้แทบทุกคน และไม่ยากที่จะค้นหาอายุที่เป็นจริง - การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและทัศนคติ ในเรื่องการเมือง ปรากฏการณ์ทางสังคม เหตุบ้านการเมือง ข่าวสารข้อมูลต่างๆ นอกจากจะช่วยในเรื่องจับผิดคำเท็จคำจริงได้แล้ว ยังช่วยบอกเราได้ว่า เขาหรือเธอเป็นคนอย่างไร และทัศนคติที่แสดงออกมาสามารถบ่งบอกถึงอุปนิสัยใจคอ การศึกษาและภูมิหลังในเรื่องอื่นๆ เพียงแต่คุณจะต้องมีความรอบรู้ในเรื่องที่จะพูดคุยด้วย - หลังจากออนไลน์ได้ระยะหนึ่ง ย่อมมีการขอเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งเบอร์โทรศัพท์ไม่ใช่เงื่อนไขของการรุกล้ำจากคนแปลกหน้าเข้าถึงตัวเรา หากคุณคิดว่าคน คนนี้ไม่น่าไว้วางใจ ก็สามารถปฏิเสธการรับสาย แต่ถ้ายังโทรศัพท์มาก่อกวน คุณสามารถพึ่งความคุ้มครองจากกฎหมายได้ - จากโทรศัพท์ก็มาสู่การนัดหมาย สถานที่นัดหมายไม่ควรเป็นที่เปลี่ยว ไม่ควรเป็นเวลากลางคืน สถานที่นั้นผู้หญิงควรมีสิทธิ์กำหนดด้วยตนเอง และต้องเป็นสถานที่ที่คุณสามารถร้องขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างได้โดยง่าย เพราะจากประสบการณ์ที่ท่องโลกออนไลน์อย่างช่ำชอง เชื่อว่า ใน 10 คู่ที่ออนไลน์จะต้องมีความพยายามนัดพบกันทั้ง 10 คู่ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม และอินเทอร์เน็ตเป็นเพียงเส้นทางให้พบปะกันเท่านั้น สุดท้ายสัญชาตญาณของมนุษย์ย่อมพยายามค้นหากันจนพบ - อย่างไรก็ตาม จุดที่น่าเป็นอย่างยิ่ง คือ คนเราไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ แม้ว่าจะได้รับข้อมูลที่หลากหลายตามต้องการ ได้รับข้อมูลที่ผ่านการกลั่นกรองมาแล้ว แต่เมื่อถึง ณ วินาที ที่ต้องตัดสินใจ ส่วนใหญ่เลือกใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินใจ แทนการตัดสินใจบนพื้นฐานของเหตุผลและข้อมูล สุดท้ายความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้น

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ คิดคำศัพท์ ขยับแป้น โลกใบใหม่ของภาษาออนไลน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook