อุตฯคอมพ์แผ่วต่อเนื่องเดลล์หั่นราคาบี้คู่แข่ง

อุตฯคอมพ์แผ่วต่อเนื่องเดลล์หั่นราคาบี้คู่แข่ง

อุตฯคอมพ์แผ่วต่อเนื่องเดลล์หั่นราคาบี้คู่แข่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ฐานเศรษฐกิจ : แม้จะมีการคาดการณ์กันว่าในปี 2003 นี้ ยอดขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จะฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง หลังจากอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ต้องประสบกับภาวะลุ่มๆ ดอนๆ มาสองปีซ้อน แต่จากสภาวการณ์ปัจจุบัน ในเมื่อผู้ผลิตยังคงแข่งกันลดราคาสินค้ากันอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ คงหวังไม่ได้มากนักที่จะเห็นผลกำไรงอกเงยขึ้นมา กระนั้นก็ดี ช่วงสองปีที่ผ่านมา น่าจะถือเป็นยุคที่ดียุคหนึ่งของอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ เนื่องจากได้รับอานิสงส์ของอุตสาหกรรมดอตคอมที่กำลังบูม ยอดขายเครื่องพีซี เครื่องเซิร์ฟเวอร์ หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ด้านอื่นๆ ขยับตัวสูงขึ้น 12% ในปี 2000 คิดเป็นมูลค่าต่ำกว่า 4 แสนล้านดอลล่าร์เล็กน้อย ซึ่งบริษัทบางแห่งคาดหวังเพียงแค่ว่าเมื่อเข้าสู่ปี 2001 ดีมานด์ในตลาด อาจจะอ่อนตัวลงมาบ้างแต่ไม่น่าจะรุนแรงมากนัก แต่เหตุการณ์ที่หวังไว้กลับไม่เป็นเช่นนั้น ในทางตรงข้ามในปีนั้น ยอดขายสินค้าฮาร์ดแวร์กลับตกลงไปประมาณ 7.7% และล่าสุดในปีที่แล้วยอดขายยังคงตกลงอย่าง ต่อเนื่องอีก 8.5% มาอยู่ที่ประมาณ 336.5 พันล้านดอลล่าร์ ตลาดโดยรวมยังส่อเค้าชะลอตัว ผู้ประกอบการปรับเชิงยุทธ์สู้ศึก สำหรับปี 2003 นี้ อุตสาหกรรมด้านคอมพิวเตอร์ก็ถูกตั้งเป้าว่าน่า จะพลิกฟื้นขึ้นมาได้บ้าง เนื่องจากมียอดการสั่งซื้อสินค้าจากทั้งลูกค้าในกลุ่มองค์กรและกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคทั่วไป จากการคาดการณ์ของบริษัทวิจัยไอดีซีระบุว่า แม้ว่าสงครามการลดราคายังเป็นตัวฉุดรั้งการเติบโตของรายได้อย่างต่อเนื่อง แต่ยอดขายด้านฮาร์ดแวร์ในตลาดโดยรวมสำหรับปี 2003 น่าจะโตขึ้น 3.7% หรือคิดเป็นมูลค่า 348.8 พันล้านดอลลาร์ แต่สำหรับใครอีกหลายคนยังเชื่อว่าการ ชะลอตัวของการเติบโตน่าจะยังมีอยู่ ต่อไป จากผลการสำรวจความคิดเห็นของหัวหน้าฝ่ายสารสนเทศ จำนวน 100 คนที่ทำเมื่อเดือน ธันวาคมปีที่แล้วโดย บริษัทเมอร์-ริลล์ ลินช์ แอนด์ โคฯ พบว่า 62% ของผู้ตอบคำถามวางแผนที่จะปรับลดสัดส่วนงบประมาณของบริษัทที่ ใช้ลงทุนทางด้านเทคโนโลยีสาร- สนเทศลงต่ำกว่า 5% ซึ่งเป็นสัดส่วนโดยเฉลี่ยในปัจจุบัน ตัวอย่างมาตรการการรัดเข็มขัดที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ ในส่วนของตลาดเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งในปีนี้ เกือบ 8 ใน 10 ของสินค้าที่ขายได้ จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ในระดับราคาถูก คือ ถ้าไม่รันโดยใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์สก็จะเป็นระบบปฏิบัติการฟรีอย่างลีนิกซ์ แทนที่จะเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ ซึ่งมีราคาแพงกว่า ผลที่เกิดขึ้นคือ ขณะที่ยอดขายเครื่องเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 7.8% แต่บริษัทที่ประกอบธุรกิจดังกล่าวกลับมีรายได้ลด ลง 3.8% สถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในทำนองเดียวกับธุรกิจการเก็บบันทึก ข้อมูล สืบเนื่องจากดีมานด์ในตลาดลดลง ส่งผลให้ผู้ผลิตต้องปรับกลยุทธ์ ลดราคาอุปกรณ์เก็บบันทึกข้อมูลลงประมาณ 3 เซ็นต์ ต่อเมกะไบต์ ซึ่งลดลง ไปครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อน ดังนั้น แม้นักวิเคราะห์จะคาดการณ์ไว้ว่ายอดขาย ของสินค้าประเภทอุปกรณ์เก็บบันทึก ข้อมูลจะเพิ่มขึ้น 15-20% แต่เมื่อมา ดูในส่วนของยอดขายโดยรวมทั่วโลกกลับพบว่า มียอดเพิ่มสูงขึ้นเพียง 3.9% ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 30.6 พันล้านดอลล่าร์ เดลล์หั่นราคา ตัดหน้าคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์จะจืดชืดไปเสียทั้ง หมด อย่างน้อยก็มีอุตสาหกรรมด้านอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่าย (networking switches) และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ยังมีอนาคตสดใสอยู่บ้าง โดยนายสตีเวน มิลูโนวิช นักวิเคราะห์จากบริษัทเมอร์ริลล์ ลินช์ฯ กล่าวว่า ราย ได้ของอุปกรณ์ดังกล่าวทั่วโลกสำหรับปีนี้อาจขยับมาอยู่ที่ประมาณ 7.3% หรือมี มูลค่าเท่ากับ 58.4 พันล้านดอลล่าร์ โดยผู้ที่ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ ก็คือ บริษัทซิสโก้ ซีสเต็มส์ฯ ซึ่งเป็นผู้ครองส่วนแบ่งการตลาดประเภทตัวเชื่อมต่อหรือสวิตช์อยู่ถึง 60% แต่บริษัทซิสโก้ฯ ก็ไม่อาจนอนใจ ได้เนื่องจาก ณ ขณะนี้ มีกระแสการเข้ามาตีตลาดจากบริษัทที่ผลิตสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าอย่างบริษัทเดลล์ คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งอันที่จริงแล้ว บริษัทเดลล์ฯ มีการวางกลยุทธ์การรุกตลาดคอมพิว- เตอร์พีซีที่บริษัทอื่นๆ ไม่ควรมองข้าม นั่นก็คือ การใช้กลยุทธ์ขายเครื่องในราคาถูก ส่งผลให้ยอดขายในภาคอุต- สาหกรรมดังกล่าวถดถอยลงในลักษณะตัวเลขสองหลัก และทำให้ไม่มีบริษัทรายใหม่ๆ คิดที่จะเข้ามาดำเนินธุรกิจ ด้วย และถึงแม้จะมีการปรับลดราคาเครื่องคอมพิวเตอร์ลงมาให้ถูกแล้ว โดยมีราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 400 ดอลล่าร์ ก็ยังไม่มีผู้ใช้รายใดสนใจ ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่มีคอมพิวเตอร์อยู่แล้วกลับ ยอมทนใช้เครื่องเก่าที่มีอยู่ไปก่อนและจะยอมอัพเกรดเครื่องเท่าที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น ดังนั้น หากสถานการณ์เป็นอย่างนี้ต่อไป บริษัทแบร์ สเติร์นแอนด์โคฯ จึงคาดการณ์ว่า ยอดขายเครื่องคอม พิวเตอร์พีซีในปี 2003 จะตกลง 4% ไปอยู่ที่ 162.4 พันล้านดอลล่าร์ เช่นเดียวกับตลาดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มือถือ ซึ่งสถานการณ์ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก กล่าวคือ แม้บริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ดฯ หรือเอชพี และบริษัทปาล์มฯ จะพยายามสร้างสรรค์ สินค้าหลากรุ่น หลากสไตล์ออก มา แต่ยอดขายทั่วโลกในปีนี้กลับเติบโตเพียงแค่ 2.6% หรือเท่ากับ 4 พันล้านดอลลาร์ ที่เป็นเช่นนี้เพราะบริษัทเดลล์ฯ วางกลยุทธ์ตัดราคาคู่แข่งลงกว่า 50% โดยสินค้าล่าสุดที่ออกวางขายไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ตั้งราคาขายไว้เพียงเครื่องละ 199 ดอลล่าร์ เพื่อเป็นการตอบโต้กับสถานการณ์ในตลาดที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์รายต่างๆ จึงพากันลดราคาสินค้าลงตามอย่าง เพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้หันมาใช้จ่ายมากขึ้น เช่น กรณีของบริษัทซันฯ ที่ส่งเครื่องเซิร์ฟ เวอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการลีนิกซ์และ ชิปของบริษัทอินเทลฯออกสู่ตลาดใน ราคาย่อมเยา ส่วนบริษัทอีเอ็มซีฯ ก็ทำ ธุรกิจด้านอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลร่วม กับบริษัทเดลล์ฯ โดยวางกลุ่มเป้าหมาย ไว้ที่บริษัทธุรกิจขนาดเล็ก ในขณะเดียว กัน ผู้ผลิตเกือบทั้งหมดที่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ต่างพยายาม หาช่องทางเพิ่มรายได้โดยการขยาย ธุรกิจเข้าไปในอุตสาหกรรมด้านซอฟต์แวร์และการบริการซึ่งให้ผลตอบแทน ที่สูงกว่า ไอดีซีชี้ตลาดโน้ตบุ๊ก-ตัวต่อพ่วงสดใส แต่สำหรับอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก กลับพบว่าเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตดีที่สุด เมื่อเทียบกับภาคอุตสาหกรรมด้านไอทีประเภทอื่น ซึ่งอาจมองได้ว่าเป็นผลสืบเนื่องมาจากการเติบโตของเทคโนโลยีเครือข่ายแบบไร้สาย บริษัทวิจัยการ์ทเนอร์ คาดการณ์ตัวเลขยอดขายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กทั่วโลกในปี 2003 ว่าน่าจะถีบตัวสูงขึ้น 8.8% มาอยู่ที่ 57.3 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่อุปกรณ์ต่อพ่วงที่ผสานการ ทำงานระหว่างเครื่องพรินเตอร์ เครื่องสแกนเนอร์ และเครื่องถ่ายเอกสารไว้ในเครื่องเดียวกันจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 7.9% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4 หมื่น 7 พันล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ บริษัท ไอดีซีฯ ชี้ว่า น่าจะเป็นผลมาจากผู้บริโภค มีความนิยมและสนใจในเรื่องแอพ- พลิเคชันแบบมัลติมีเดียสูงขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น นายมิลูโนวิช จากเมอร์ริลล์ ลินช์ มองว่าอุปกรณ์ประเภทดั่งกล่าวก็คงไม่รอดพ้นสายตาของบริษัทเดลล์ฯ ซึ่งปัจจุบันกำลังเคลื่อนเข้าสู่ตลาดพรินเตอร์เช่นกัน โดยบริษัทเดลล์ฯได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถหั่นราคาเครื่องพริน เตอร์และหมึกลงให้ต่ำกว่าที่บริษัทเอชพีฯ ตั้งไว้ เพื่อให้สามารถดึงส่วนแบ่งการ ตลาดมาให้ได้ "จากภาวะการแข่งขันกันอย่างรุนแรงเช่นนี้ ในแต่ละปีจะทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้เพิ่มขึ้น 30-50% ด้วยจำนวนเงินเท่าเดิม ซึ่งย่อม เป็นผลดีต่อผู้บริโภค แต่ในทางกลับกัน สำหรับในกลุ่มผู้ผลิตสินค้าแล้ว นั่นหมาย ความว่าผู้ผลิตแต่ละรายยังคงต้องเผชิญกับภาวะถดถอยในธุรกิจด้านไอทีต่อไป" นายมิลูโนวิช กล่าว

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ อุตฯคอมพ์แผ่วต่อเนื่องเดลล์หั่นราคาบี้คู่แข่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook