ไมโครซอฟท์ส่งจอคอมพ์อัจฉริยะลุย

ฐานเศรษฐกิจ : หลังจากต้องเลื่อนแผนการออกวางตลาดอย่างเป็นทางการสำหรับจอภาพอัจฉริยะที่ผลิตโดยบริษัทวิวโซนิค ที่ใช้ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการ วินโดว์ส พาวเวอร์ สมาร์ต ดิสเพลย์ส (Windows Powered Smart Displays) หรือที่รู้จักกันภายใต้โค้ดเนมว่า ไมร่า (Mira) ของไมโครซอฟท์ ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ออกตัวในวันนี้ ด้วยความสามารถของระบบปฏิบัติการดังกล่าว จะทำให้ผู้ใช้สามารถ เชื่อมต่อเครื่องพีซีของตนที่อยู่ภายใน บ้าน กับจอภาพแบบระบบสัมผัส (touch screen display) ที่นำออกมาใช้ภาย นอกบ้านในระยะใกล้ได้ โดยใช้การเชื่อมต่อด้วยเครือข่ายมาตรฐาน 802.11b หรือเครือข่ายไว-ไฟ (Wi-Fi) ซึ่งผู้ใช้จะสามารถเปิดอ่านอี-เมล์ ท่องเว็บ ฟังเพลง หรือใช้งานแอพพลิเคชันต่างๆ ได้เสมือนหนึ่งนั่งอยู่หน้าจอเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีที่อยู่ภายในบ้าน เมแกน คิดด์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทไมโครซอฟท์ฯเปิดเผยว่า จอภาพที่บริษัทวิวโซนิคฯ นำออกขายมีอยู่ด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ airpanel V110 ซึ่งเป็นจอภาพขนาด 10 นิ้ว ขายในราคา 999 ดอลลาร์ และ V150 เป็นจอภาพในขนาด 15 นิ้ว ขายในราคา 1,299 ดอลลาร์ สินค้าดังกล่าวมาพร้อมกับตัวอะแดปเตอร์ที่เป็นยูเอสบีพอร์ตไว้ใช้เชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีกับจอภาพแบบไร้สายด้วยมาตรฐานไว-ไฟ และระบบปฏิบัติการวินโดว์ส เอ็กซ์พี โปรเฟสชันแนล เอดีชันที่มีการพัฒนาให้สามารถใช้กับจอภาพดังกล่าวได้ ทั้งนี้ สินค้าดังกล่าวมีวางออกขายบนเว็บขายของ อาทิเช่น Amazon.com, Buy.com, CompUsa และ Dell.com เป็นต้น ส่วนบริษัทด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าอิ-เล็กทรอนิกส์อื่นๆ ที่เตรียมออกจอภาพ สมาร์ต ดิสเพลย์อีก เช่น บริษัทฟิลิปส์ฯ ที่วางแผนจะออกวางขายจอภาพอัจฉริยะ DesXscape 150 DM ขนาด 15 นิ้ว เช่นกัน โดยมีกำหนดออกวางขายได้ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ สนนราคาประมาณ 1,499 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม คิดด์คาดว่าสินค้าของ ทั้งวิวโซนิค และฟิลิปส์ จะวางขายที่ ยุโรปในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ขณะที่บริษัทเอ็นอีซีฯ และฟูจิตสึ วางแผนที่ จะขายสมาร์ต ดิสเพลย์ ในช่วงสิ้นเดือน มีนาคมนี้ นอกจากนี้ยังมีบริษัทเบงฯ (BenQ) ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ก็กำลังพัฒนาจอภาพขนาด 10 นิ้ว โดยคาดว่าจะสามารถออกวางขายได้ในไตร-มาส 2 ของปีนี้ ขณะที่บริษัทซัมซุงอิ- เล็คโทรนิคส์ฯ ก็คาดหวังว่าจะสามารถผลิตสินค้าออกมาได้ทันในช่วงเทศกาลวันหยุดสิ้นปี 2003 นี้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้ นายเลสลีย์ เฟียริ่ง รองประธานฝ่ายวิจัยด้านอุป-กรณ์คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ของบริษัทวิจัยการ์ทเนอร์ฯจะออกมาแสดงความคิดเห็นว่า หากเทียบราคากับคุณภาพแล้ว สมาร์ต ดิสเพลย์ จัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อ เนื่องจากปัจ-จุบันก็มีคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊กที่สามารถเชื่อม เครือข่ายมาตรฐาน ไว-ไฟ ได้อยู่แล้ว แต่ทางบริษัทไมโคร-ซอฟท์ฯ กลับไม่ได้รู้ สึกหวั่นเกรงแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัท ไม่ได้ตั้งเป้าที่จะต้องขายสินค้าให้ได้ในปริมาณสำหรับในระยะต้นนี้ หากแต่ ต่อไปในอนาคต เมื่อมีการปรับลดราคาให้ต่ำลงมาอีก ทางบริษัทก็มั่นใจว่าสมาร์ต ดิสเพลย์ จะเป็น ที่นิยมมากขึ้น กระนั้น ในระหว่างนี้ไมโครซอฟท์ ก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ยังมุ่งพัฒนาซอฟต์แวร์ ที่จะใช้กับสมาร์ต ดิสเพลย์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้นไปอีก โดยการสุ่มตัวอย่างในกลุ่มผู้ทดลองใช้พบว่า สิ่งที่รอให้มีการพัฒ-นาปรับปรุงมีอยู่ 2 เรื่องหลักคือ ความสามารถในการใช้งานแอพพลิเคชันที่ ทำงานบนเครื่องพีซีได้พร้อมๆ กับบนหน้าจอภาพไร้สาย ซึ่งในขณะนี้ ยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากติดปัญหาทางด้านไลเซนส์ของแอพพลิเคชั่นและ เรื่องระบบความปลอดภัยที่กำหนดไว้ในระบบปฏิบัติการวินโดว์ส เอ็กซ์พี ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือ ความสามารถในการเล่นวิดีโอ ดีวีดี จากเครื่องพีซีโดยไม่สะดุด เนื่องจากปัจจุบัน ตัวเดสก์ท็อป โปรโตคอลที่ใช้เชื่อมต่อข้อมูลระยะ ไกลยังไม่สามารถรองรับข้อมูลขนาดใหญ่ในปริมาณมากๆ ได้ ซึ่งทั้งสอง เรื่องนี้ ไมโครซอฟท์กำลังหาหนทาง พัฒนาปรับปรุงอยู่ แม้ผลที่ได้จะยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังร่วมงานกับบริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ดฯ หรือเอชพีเพื่อใช้สมาร์ต ดิสเพลย์ในการแสดงผลในส่วนที่ใช้โต้ตอบกับผู้ใช้ในมีเดีย เซ็นเตอร์ พีซีที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทเอชพีฯ เพื่อการใช้งานในรูปแบบของมัลติมีเดีย ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทไมโครซอฟท์ฯ ยังคิดที่จะพัฒนานำสมาร์ต ดิสเพลย์ไปผสานกับอุปกรณ์เครื่องใช้อื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดูภาพดิจิตอลที่เก็บบันทึกไว้ในเครื่อง พีซีผ่านทางหน้าจอทีวี หรือผ่านทาง โปรเจ็กเตอร์ดิจิตอลได้ เป็นต้น ข้างฝ่ายบริษัทวิวโซนิคฯ นั้น มีการพัฒนาเพื่อผสานซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบ คุมระบบการทำงานภายในบ้านของบริษัทยูนิเวอร์แซล อิเล็กทรอนิกส์ฯ เข้า กับจอภาพ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุม หรือสั่งการเครื่องเสียงสเตริโอ วีซีอาร์ และอุปกรณ์เครื่องใช้อื่นๆ ภายในบ้านผ่านทางหน้าจอภาพในระบบสัมผัส ทั้งนี้ โฆษกของบริษัทวิวโซนิคฯ กล่าวว่า เทคโนโลยีดังกล่าวจะมีให้เห็นภายในไตรมาส 2 ของปีนี้