Panasonic Lumix DMC-FX48 Handy and Funny Camera

Panasonic Lumix DMC-FX48 Handy and Funny Camera

Panasonic Lumix DMC-FX48 Handy and Funny Camera
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากคราวที่ได้รีวิว Lumix DMC-LX3 ไปไม่นานนี้ โชคดีได้ Lumix มาทดลองใช้งานอีกแล้วครับ คราวนี้เป็นรุ่น DMC-FX48 ซึ่งก็เป็นหนึ่งในกล้องในตระกูล Lumix ของ Panasonic มีเอกลักษณ์ของตัวเองที่ชัดเจน ตัวเครื่องของ Lumix DMC-FX48 มีให้เลือกหลายสีครับ ไม่ว่าจะเป็น สีเงิน, สีดำ, สีทอง, สีแดง, สีชมพู และสีขาว ตัวที่ได้รับมาทดลองใช้งานครั้งนี้เป็นสีดำด้าน ดูภูมิฐานดีครับ ตรงกระบอกเลนส์เป็นสีเงินที่ตัดกันอย่างลงตัวให้ความรู้สึกที่ High-End เหมือนกัน

Lumix DMC-FX48 ใช้เซ็นเซอร์แบบ CCD ให้ความละเอียด 12.1 ล้านพิกเซล สามารถเลือกตั้ง aspect ratio ได้ไม่ว่าจะเป็น 4:3, 3:2 หรือ 16:9 สำหรับค่าความไวแสง ISO จะอยู่ที่ระหว่าง 80-1600 จอแอลซีดี TFT ที่ด้านหลังของตัวกล้องขนาด 2.5 นิ้วแสดงผลได้ที่ 230,000 dots สามารถตรวจวัดพร้อมปรับความสว่างให้เหมาะสมกับสภาพแสงโดยรอบอัตโนมัติ ได้ถึง 11 ระดับ boost ความสว่างได้สูงสุดถึง 40% และให้มุมมองของจอในองศาที่ชมได้กว้างมากขึ้นทั้งในแนวตั้งและแนวนอน
 ตัวเครื่องมีขนาด 95.3 x 52.9 x 21.5 มิลลิ- เมตร ส่วนน้ำหนักถ้ารวมแบตเตอรี่และเมโมรี่การ์ดแล้วจะอยู่ที่ 150 กรัมเท่านั้น ด้านเมโมรี่การ์ดที่ใช้จะเป็น SD/SDHC การ์ด และ MMC (เฉพาะภาพนิ่ง) แถมยังมีหน่วยความจำในตัวอีกถึง 40 MB
 
    เลนส์คุณภาพสูง
แน่นอนครับว่ากล้องในตระกูล Lumix ก็ต้องมาคู่กับเลนส์ Leica อยู่แล้ว สำหรับตัวนี้จะเป็น LEICA DC VARIO-ELMARIT ทางยาวโฟกัส 25–125 มิลลิเมตร (เมื่อเทียบเท่ากล้องฟิล์ม 35 มิลลิเมตร) ออพติคัลซูม 5x แถม ดิจิตอลซูม 4x

ส่วนรู้รับแสงสามารถเปิดกว้างสุดได้ถึง f2.8 สำหรับช่วง wide และกว้างสุด 5.9 เมื่อซูมไปช่วง tele
 
โหมดสำเร็จรูปให้เลือกมากมาย
กล้องคอมแพ็คมักจะมาพร้อมกับโหมดใช้งานแบบสำเร็จรูปให้เลือกใช้มากมายนะครับ สำหรับ Lumix DMC-FX48 จะเรียกว่าเป็น Scene Mode มีให้เลือกใช้ครอบคลุมตามสถานการณ์หลายรูปแบบ เช่น Portrait Mode, Sunset Mode, Fireworks และอื่นๆ ใช้ง่าย ที่หน้าจอจะแสดงเป็น icon ให้เลือกน่ารักดี
 
High-Speed Burst Mode
โหมดนี้เป็นอีกฟีเจอร์เด่นของกล้องตัวนี้เลย เอาง่ายๆ ก็คือโหมดที่ถ่ายภาพต่อเนื่องอย่างรวดเร็วนั่นเอง สามารถเลือกได้สองโหมดคือ Speed Priority หรือ Image Priority โดยในโหมดแรก Panasonic เคลมว่าสามารถถ่ายได้สูงสุด 10 เฟรมต่อหนึ่งวินาทีเลยทีเดียว (ว้าว) เอาไปใช้ถ่ายสถานการณ์ที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เช่นพวกภาพกีฬาหรือแข่งรถ ถ่ายเก็บไว้แล้วค่อยมาเลือกภาพที่ลงตัวที่สุดในภายหลัง
 
Face Recognition
เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้า (face detection) ได้รับความนิยมมากในกล้องคอมแพ็คยุคปัจจุบัน
แต่สำหรับ Lumix ตัวนี้ยังมีระบบจดจำใบหน้า (face recognition) เพิ่มเข้ามาด้วย ภาพรวมคือกล้องจะให้ความสำคัญกับบุคคลที่เราได้บันทึกข้อมูลไว้ (Register) ง่ายๆ ก็เพียงถ่ายภาพคนที่เราต้องการและป้อนข้อมูลส่วนตัว เช่นชื่อ อายุ ฯลฯ เก็บเอาไว้ หลังจากนั้นถ้าเราถ่ายภาพคนนั้นซ้ำอีก (ในสถานการณ์อื่น) กล้องก็จะจดจำใบหน้าคนนั้นได้ พร้อมปรับโฟกัส, รูรับแสง, แก้ตาแดงอัตโนมัติ โดยเน้นให้ความสำคัญกับคนดังกล่าวที่เราได้บันทึกข้อมูลไว้เป็นอันดับแรก ส่วนคนอื่นๆ ที่อยู่ในเฟรมก็จะให้ความสำคัญในอันดับที่รองลงไป

ทดลองใช้งาน

สัมผัสแรกที่รู้สึกคือ Lumix DMC-FX48 มีขนาดที่ค่อนข้างเล็กและน้ำหนักเบา ตัวกล้องสามารถพกพาได้สะดวก ใส่กระเป๋าเสื้อหยิบใช้งานได้ง่าย มีสายคล้องข้อมือแถมมาด้วย (ถ้าเปลี่ยนเป็นแบบที่สามารถรูดให้รัดพอดีกับข้อมือก็จะเยี่ยมเลย) ตอนที่เปิดเครื่องขึ้นมาดูจะช้าไปนิดนึง สำหรับปุ่ม On / Off กับปุ่มเลือกโหมด ถ่ายภาพ / ดูภาพ ใช้งานง่ายดีครับ รวมทั้งจัดวางไว้ในตำแหน่งที่สะดวกต่อการใช้งาน ด้านปุ่มช็อตคัตมาตรฐานต่างๆ เช่น Menu / Set, ปุ่มเลือกโหมดการทำงาน Flash, ปุ่มตั้งเวลาถ่าย Self Timer ฯลฯ ก็จัดวางอยู่ที่ด้านขวาเป็นปกติทั่วไป แต่ที่น่าสังเกตคือปุ่มเลือกโหมดการทำงาน (Mode Dial) ที่อยู่ด้านหลังกล้องบริเวณมุมขวาบนดูเหมือนจะจมลงไปในตัวกล้อง ค่อนข้างมิดชิด ซึ่งดีช่วยป้องกันการเผลอไปโดนแล้วปุ่มเลื่อนโดยไม่ได้ตั้งใจ

จอแอลซีดีแสดงผลที่ด้านหลังมีขนาดใหญ่ดีครับ รวมทั้งให้มุมมองในองศาที่กว้าง ไม่ว่าจะเป็นแนวตั้งหรือแนวนอน เวลาถ่ายรูปแล้วแบ่งให้คนอื่นดูได้หลายคนพร้อมกัน ดูง่าย ดีกว่าจอแบบเก่า ที่ดูเฉียงๆ แล้วจะมองไม่เห็นเท่าไหร่ จอแอลซีดีของ Lumix DMC-FX48 สามารถแสดงภาพในพื้นที่แบบ 100% คือเรามองเห็นที่ด้านหลังยังไง ภาพที่ถ่ายออกมาก็จะเป็นอย่างนั้นเลย ซึ่งต่างกับกล้องยกตัวอย่างเช่น DSLR บางรุ่นที่ช่องมองภาพอาจจะแสดงได้เพียง 95% ทำให้เวลามองในช่องมองภาพเห็นได้ไม่ครบ แต่พอถ่ายออกมาแล้วบริเวณขอบภาพจะติดส่วนที่ไม่สามารถมองเห็นในตอนแรกมาด้วย

ที่จอแอลซีดีมีการแสดงผลที่มากมาย หนึ่งในนั้นคือฟีเจอร์ Real-Time Histograms แสดงผลแบบเรียลไทม์น่าสนใจและมีประโยชน์มากทีเดียว ลักษณะจะเป็นกราฟแท่งแสดงค่าช่วยให้เรารู้ว่าภาพที่ถ่ายออกมาจะมีลักษณะแสงเป็นอย่างไร มืดไป สว่างไป หรือกำลังพอดี ถ้ามีเวลาลองศึกษาดูมี
ประโยชน์จริงๆ ครับ

การจัดเรียงเมนูของ Lumix DMC-FX48 เข้าใจง่ายไม่ซับซ้อน ส่วนตัวรู้สึกว่านี่คือแนวทางที่กล้องดิจิตอลควรจะเป็น ต้องใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน ไม่ต้องมาเสียเวลานั่งหาว่าเมนูตรงนี้อยู่ไหน หรือทำไมหาตรงนั้นหาไม่เจอ เสียเวลาและเสียจังหวะในการถ่ายภาพไป นอกจากนี้ยังมีปุ่ม Q. Menu เป็นช็อตคัตสำหรับเมนูที่เรียกใช้งานเป็นประจำอีกด้วย
 
Lumix DMC-FX48 มาพร้อมโหมดการทำงานที่ใช้ได้สะดวกจริงๆ โหมด iA (Intelligent Auto) ไม่ต้องคิดอะไรมาก กดถ่ายอย่างเดียวครับโหมดนี้ กล้องจะคำนวณค่าทุกอย่างให้เราเองเลย ที่ลองใช้งานให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก เหมาะกับสถานการณ์ที่ต้องการความรวดเร็วในการงาน โหมดนี้วัดแสงได้เยี่ยมมาก ด้านโหมด NormalPicture ใช้งานได้ยืดหยุ่น สามารถตั้งการชดเชยแสง (Exposure Compensation) ตามที่เราต้องการเพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ เช่นอยากถ่ายให้ภาพออกอารมณ์มืดนิดนึง (Low Key) หรืออยากถ่ายให้สว่างเป็นพิเศษ (High Key) ก็ทำได้ดีกับโหมดนี้

รวมทั้งโหมด Scene ก็มีโปรแกรมสำเร็จรูปให้เลือกสะดวกมากมาย ที่ชอบมากเลยก็คือโปรแกรม Film Grain ชอบภาพที่ถ่ายออกมาจะเป็นขาวดำที่มีคอนทราสต์จัดมาก แล้วก็จะเป็นจุดๆ คล้ายเกรนของฟิล์มขาวดำสมัยก่อน สวยดีทีเดียว หรืออย่างโหมด Panorama Assist ก็ถ่ายสนุกดีครับ ช่วยให้ถ่ายภาพพาโนรามาได้ง่ายขึ้น โดยจะแสดงภาพที่เราถ่ายไปก่อนซ้อนลางๆ ขึ้นมาช่วยไกด์เพื่อที่เวลาเอาภาพไปต่อกันในคอมพิวเตอร์จะได้ซ้อนกันเป็นภาพใหญ่ได้อย่างพอดี

โหมด Hi-Speed Burst นี่สุดยอดมาก ที่ Panasonic เคลมเอาไว้ว่าสามารถถ่ายได้สูงสุด 10 เฟรมต่อวินาที แต่รู้สึกผมจะกดถ่ายเกิน 10 ตลอด มันส์มาก ถ่ายเสร็จแล้วเอามาดู อารมณ์เหมือนหนังที่ใช้เทคนิค Stop Motion เลยครับ

 


ฟังก์ชัน Clipboard ก็เป็นอีกหนึ่งความสามารถที่มีประโยชน์จริง เหมาะกับการถ่ายพวกแผนที่เก็บไว้ในกล้อง แล้วเราก็พกกล้องไปอย่างเดียวไม่ต้องพกแผนที่ไปด้วย เวลาใช้งานก็แค่เลือกปุ่ม Mode Dial ไปที่โหมด Clipboard แล้วก็กดชัตเตอร์ถ่ายเหมือนปกติ หลังจากที่ถ่ายแล้วเราก็สามารถตั้งค่า Zoom Mark เพื่อกำหนดการซูมขยายไปยังบริเวณเฉพาะส่วนของภาพตามที่ต้องการ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook