พรีวิว G-Net G522

พรีวิว G-Net G522

พรีวิว G-Net G522
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แรกเห็น สองเทรนด์โทรศัพท์มือถือปีนี้ที่น่าจะมาแรงก็คือ โทรศัพท์มือถือที่รองรับการใช้งาน 2 SIM และดูทีวีได้ เมื่อสองเทรนด์มารวมกันอยู่ในโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวอะไรจะเกิดขึ้น คำตอบก็คือเป็นโทรศัพท์มือถือแบบมัลติฟังก์ชันที่มีทั้งฟังก์ชันการใช้งานโทรศัพท์บวกกับฟังก์ชันเสริมพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้องดิจิทัล เครื่องเล่นเพลง รองรับการใช้งาน 2 SIM และดูทีวีได้ ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดนี้มีอยู่ในเครื่อง GNet G522 นั่นเองรูปทรงของ GNet G522 เป็นแบบ Bar Type ขนาดใหญ่พอๆ เครื่อง PDA Phone ทั่วไป ดีไซน์เสาอากาศแบบติดตั้งภายใน ตัวเครื่องใช้สีทูโทนคือ สีดำตัดกับสีบรอนซ์เงิน หน้าจอเป็นจอสีแบบ TFT Touch Screen LCD 262,144 สี ความละเอียด 240x320 พิกเซล ขนาด 2.8 นิ้ว รูปลักษณ์ทั่วไปเริ่มจากด้านหน้าไล่ตั้งแต่ด้านบนลงมาจะเห็นช่องลำโพงสำหรับสนทนาพร้อมปุ่มกดปรับเปลี่ยนช่องรายการทีวี ถัดลงมาเป็นหน้าจอแสดงผล และใต้หน้าจอเป็นแผงปุ่มกดใช้งาน สวนด้านข้างของเครื่อง เริ่มจากด้านซ้ายมีช่องสำหรับเสียบสายชาร์จแบตเตอรี่ และสายดาต้าลิงค์แบบ mini USB ในช่องเดียวกัน กับช่องเสียบชุดหูฟังและช่องเสียบปากกา Stylus ส่วนด้านขวามีปุ่มเข้าโหมดใช้งานทีวี ถัดลงมามีปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง และช่องเสียบเสาอากาศทีวี พลิกมาด้านหลังเครื่องจะเห็นเลนส์ของกล้องดิจิทัลพร้อมกระจกเงาสำหรับถ่ายรูปตัวเอง กับช่องลำโพงสำหรับฟังเพลงแบบคู่ และขาตั้งสำหรับดูทีวี

ทดลองใช้งาน การใส่ SIM CARD วิธีใส่ SIM Card เข้าไปในเครื่องให้ทำการถอดฝาหลังออกมาก่อน โดยพลิกเครื่องมาทางด้านหลัง แล้วใช้นิ้วกดลงตรงกลางด้านบนของฝาหลัง และดันเลื่อนฝาลงมาทางด้านล่างเพื่อปลดล็อคแล้วหยิบออกจากเครื่อง จากนั้นจะเห็นแบตเตอรี่ ส่วนกาถอดแบตเตอรี่นั้นให้ใช้นิ้วงัดตรงส่วนที่ยื่นที่อยู่ตรงกลางด้านล่างของแบตเตอรี่ขึ้นมาและหยิบแบตเตอรี่ออกจากเครื่อง สำหรับช่องใส่ SIM Card ของเครื่องรุ่นนี้จะมี 2 ช่องเพราะเครื่องรุ่นนี้รองรับการใช้งาน 2 SIM โดยในช่องใส่ SIM1จะเป็นแบบแนวตั้ง ส่วนช่องใส่ SIM2 เป็นแบบแนวนอน ให้นำ SIM Card ใส่เข้าไปช่องใส่ SIM1 ถ้าต้องการใช้งานแค่ SIM เดียว แต่ถ้าต้องการใช้งาน 2 SIM ก็ให้ใส่เข้าไปทั้ง 2 ช่อง เมื่อใส่เสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำแบตเตอรี่และฝาหลังใส่กลับเข้าไปตามเดิม

การเปิดปิดเครื่อง ปุ่มเปิดปิดเครื่องรุ่นนี้ใช้ปุ่มเดียวกับปุ่มวางสายรูปหูโทรศัพท์สีแดงพร้อมสัญลักษณ์วงกลมขีดกลางใต้ปุ่ม Soft Key ด้านขวามือ ให้กดปุ่มนี้ค้างไว้สักพัก เครื่องก็จะเปิดขึ้นมาพร้อมโลโก้ GNet ตามด้วยภาพกราฟิกแอนิเมชันและเสียง Polyphonic ประกอบ จากนั้นเครื่องจะทำการค้นหาสัญญาณเครือข่ายก่อนที่เข้าสู่หน้าจอพร้อมใช้งาน ภายในหน้าจอหลักประกอบไปด้วยสัญลักษณ์แสดงระดับสัญญาณเครือข่ายของ SIM1 และ SIM2 อยู่มุมซ้ายบนสุดของหน้าจอ ส่วนสัญลักษณ์แสดงระดับแบตเตอรี่อยู่ตรงมุมขวา ถัดลงมาตรงกลางเป็นชื่อของเครือข่ายที่ใช้งานโดยมีวงเล็บบอกว่าเป็น SIM1 และ SIM2 ตามด้วยวันที่และเวลา และที่ด้านล่างสุดของหน้าจอก็จะเป็นชื่อของ Soft Key โดยด้านซ้ายจะเป็น Menu ส่วนด้านขวาจะเป็น Name หรือสมุดโทรศัพท์สำหรับค้นหาเบอร์โทรศัพท์และเพิ่มเบอร์ใหม่ ส่วนตรงกลางเป็นไอคอนรูปโทรศัพท์สำหรับใช้งานโทร และใต้หน้าจอยังมีสัญลักษณ์ไอคอนสำหรับใช้งานเมนูลัดต่างๆ ปุ่มกดและความเหมาะมือ ปุ่มกดใช้งานของเครื่องรุ่นนี้แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก เริ่มจากส่วนแรกเป็นส่วนของปุ่มควบคุมการใช้งานต่างๆ ของเครื่องประกอบด้วยปุ่ม Navigator Key แบบ 5 ทิศทาง, ปุ่ม Soft Key ซ้าย-ขวา, ปุ่ม G1 สำหรับใช้งาน SIM1, ปุ่ม G2 สำหรับใช้งาน SIM2, ปุ่มโทรออก-รับสาย และปุ่มวางสาย/เปิด-ปิดเครื่อง อีกส่วนคือส่วนของปุ่มกดตัวเลขหรือ Key Pad นอกจากนี้ยังมีปุ่มที่อยู่เหนือหน้าจอด้านบนข้างช่องลำโพง 2 ปุ่มสำหรับใช้ปรับเปลี่ยนช่องรายการทีวีเมื่อเข้าโหมดทีวี กับปุ่มที่อยู่ด้านขวาข้างเครื่องอีก 2 ปุ่ม คือปุ่มเข้าโหมดทีวี และปุ่มปรับเพิ่มลดระดับเสียง ด้านความเหมาะมือเนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดพอๆ เครื่อง PDA Phone และเพื่อรองรับการดูทีวี ใครที่เคยใช้เครื่อง PDA Phone มาก่อนก็คงจะชินกับขนาดของเครื่อง แต่ถ้าเป็นมือใหม่เมื่อลองใช้งานไปสักพักไม่นานก็คงจะชิน

เมนูการใช้งาน การเข้าเมนูของเครื่อง GNet G522 ให้กดที่ปุ่ม Soft Key ด้านซ้าย หรือใช้ปากกา Stylus แตะที่ชื่อรายการบนหน้าจอแสดงผล ส่วนหน้าตาเมนูการใช้งานของเครื่องนี้แสดงผลเป็นภาพไอคอนกราฟิก สำหรับเมนูใช้งานหลักมีทั้งหมด 12 เมนูด้วยกันดังนี้ Phone Book เมนูสมุดโทรศัพท์ สำหรับค้นหาและเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อใหม่ สามารถตั้งกลุ่มการโทรและตั้งค่าในการใช้งานได้ Messages เป็นเมนูสำหรับรับ-ส่งข้อความแบบ SMS และ MMS Call History เป็นเมนูสำหรับดูเบอร์ที่ไม่ได้รับสาย เบอร์ที่โทรออก และเบอร์ที่ได้รับสาย และสามารถดูเวลาที่ใช้งานต่างๆ พร้อมกับค่าโทรและการใช้งาน GPRS ได้ในเมนูนี้ Settings เมนูตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ของเครื่อง Muitimedia เมนูรวมเครื่องเล่นมัลติมีเดียต่างๆ ได้แก่ Analog TV เมนูสำหรับเข้าสู่โหมดใช้งานทีวีแบบอนาล็อก, Camera เมนูสำหรับใช้งานกล้องดิจิทัลถ่ายภาพนิ่ง, ImageViewer (สำหรับดูไฟล์ภาพ), Video Recorder เมนูสำหรับใช้งานกล้องดิจิทัลบันทึกวิดีโอ, Video Player เมนูเครื่องเล่นวิดีโอ, Audio Player เมนูเครื่องเล่นเพลงดิจิทัล, Sound Recorder เมนูสำหรับบันทึกเสียง และ FM Radio เมนูสำหรับรับฟังวิทยุ FM Radio File Manager เมนูสำหรับจัดการไฟล์ต่างๆ ที่มีอยู่ในเครื่อง และการ์ดหน่วยความจำภายนอก ซึ่งสามารถสร้างโฟลเดอร์สำหรับเก็บไฟล์ต่างๆ นี้ได้ Fun & Game เป็นเมนูเกม โดยมีเกมให้เลือกเล่น 3 เกมคือ Mahjong, Puzzle และ Magicsushi, Themes สำหรับเลือกเปลี่ยนสีของธีมได้ และนาฬิกาจับเวลา User Profiles เมนูสำหรับตั้งค่าโปรไฟล์และเสียงเรียกเข้าสำหรับใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ได้ Organizer เมนูออร์แกไนเซอร์ สำหรับบันทึกนัดหมายในปฏิทิน สิ่งที่ต้องทำ นาฬิกาปลุก และดูเวลาโลก Services เป็นเมนูสำหรับใช้งานอินเทอร์เน็ตด้วย WAP Browser Extra เป็นเมนูที่รวบรวมเครื่องมือที่ช่วยในการทำงานได้แก่ เครื่องคิดเลข ตัวแปลงหน่วย อัตราแลกเปลี่ยนสุขภาพ โปรแกรมอ่าน E-Book และบลูทูธ Shortcuts เมนูทางลัดสำหรับตั้งค่าให้ใช้งานเมนูต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

คุณสมบัติการใช้งาน ด้านการโทร เริ่มจาก Phonebook หรือ สมุดโทรศัพท์ ในหมวด PIM เก็บบันทึกข้อมูลผู้ติดต่อลงในเครื่องได้ 300 ตำแหน่ง โดยใน 1 ชื่อใส่รายละเอียดต่างๆ ได้แก่ ชื่อ เบอร์มือถือ เบอร์บ้าน ชื่อบริษัท อีเมล์ เบอร์ที่ทำงาน เบอร์แฟกซ์ วันเกิด รวมทั้งสามารถใส่รูปเวลามีสายเข้า วิดีโอเรียกเข้า เสียงเรียกเข้าเฉพาะ และตั้งกลุ่มการโทรได้ 5 กลุ่ม พร้อมทั้งตั้งค่าเก็บข้อมูลให้เก็บในเครื่องหรือใน SIM Card ได้ โดยแยกเป็น SIM1 และ SIM2ส่วนการดูประวัติการโทร (Call History) แบ่งเป็นเบอร์ที่ไม่ได้รับสาย เบอร์ที่โทรออก และเบอร์ที่รับสาย ซึ่งรายละเอียดที่เก็บในกลุ่มนี้จะมีวันที่ เวลาที่โทร เบอร์โทร และจำนวนครั้ง ส่วนการดูเวลาที่ใช้สายนั้นต้องเข้าไปดูในเมนูเวลาโทร (Call Time) ซึ่งแบ่งเป็นเวลาโทรล่าสุด โทรออกทั้งหมด และรับสายทั้งหมด รวมทั้งการลบข้อมูลเวลาทั้งหมด พร้อมทั้งเช็คสถานะการใช้งาน SMS และ GPRS ได้ในเมนูนี้

ด้านการรับ-ส่งข้อความ การรับ-ส่งข้อความในเมนู Messages รองรับทั้ง SMS และ MMS โดยพิมพ์ข้อความได้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ พร้อมทั้งมีระบบช่วยสะกดคำแบบ MultiTap และ SmartThai ในส่วนของ SMS มี Template หรือข้อความสำเร็จรูปพร้อมส่งทันที ส่วน MMS นั้นสามารถแนบไฟล์ภาพ ไฟล์วิดีโอ และไฟล์เพลงไปพร้อมกับข้อความ และสามารถตั้งค่าการรายงานผลการส่ง และอื่นๆ ได้

ด้านมัลติมีเดีย เริ่มที่ฟังก์ชัน Analog TV โดยมีเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ในตัว (TV Tuner) สำหรับรับชมฟรีทีวีในระบบอนาล็อก ด้วยระบบค้นหาสถานีอัตโนมัติ พร้อมระบบบันทึกช่องรายการได้สูงสุด 15 ช่อง และแสดงผลได้แบบเต็มจอ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้งานได้ 31 ประเทศ ส่วนเสาอากาศที่ใช้มีความยาวประมาณ 25 ซม. ตัวเสาสามารถหักบิดงอได้ 180 องศา และหมุนได้ 360 องศา เพื่อให้รับสัญญาณได้ชัดเจนขึ้น สามารถปรับเปลี่ยนช่องได้อย่างรวดเร็วด้วยปุ่มกด 2 ปุ่มที่อยู่เหนือหน้าจอแสดงผล ส่วนความชัดเจนนั้นทำได้น่าประทับใจ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานที่รับชมด้วย แนะนำว่าทุกครั้งที่เปลี่ยนสถานที่รับชมควรใช้ฟังก์ชัน Auto Search ค้นหาสถานีอัตโนมัติใหม่อีกครั้งเพื่อให้รับชมได้ชัดเจนยิ่งขึ้น มาที่การถ่ายภาพเครื่องรุ่นนี้มีกล้องดิจิทัลความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล ถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ โดยภาพนิ่งเลือกความละเอียดได้สูงสุด 1280 x 960 พิกเซล ซูมดิจิทัลได้ 4 เท่า พร้อมตั้งค่าปรับแสงสมดุลสีขาว, ปรับค่าชดเชยแสง, ปรับความสว่าง, เปลี่ยนสีเอฟเฟกต์, ใส่กรอบรูป, ถ่ายภาพแบบ Multishot ได้ต่อเนื่องสูงสุด 5 ภาพ และตั้งเวลาในการถ่ายได้ ส่วนวิดีโอนั้น บันทึกพร้อมเสียงได้ในรูปแบบไฟล์ MP4 และ .3GP ในขนาดสูงสุดแบบไม่จำกัด และบันทึกได้นานสูงสุดจนกว่าหน่วยความจำจะเต็ม นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Audio Player หรือเครื่องเล่นเพลงดิจิทัล รองรับการเล่นไฟล์ MP3, MIDI, WAV, AMR ตั้งค่าเล่นเพลงซ้ำ เพลงแบบสุ่ม พร้อมทั้งดูรายละเอียดของเพลง แสดงเนื้อเพลง รวมทั้งปรับแต่งเสียงอีควอไลเซอร์ได้ 8 แบบ ด้วยระบบเสียงสเตอริโอ โดยสามารถฟังผ่านลำโพงแบบคู่ด้านหลังเครื่องหรือหูฟังแบบ Stereo Bluetooth ได้ และยังมีฟังก์ชัน Video Player สำหรับเล่นไฟล์วิดีโอในรูปแบบไฟล์ .3GP และ MP4 ที่แสดงผลได้แบบเต็มจอ ส่วนคุณสมบัติด้านมัลติมีเดียอื่นๆ ก็มีฟังก์ชัน FM Radio สำหรับฟังวิทยุ FM ที่บันทึกสถานีได้สูงสุด 9 สถานี ด้วยระบบค้นหาสถานีแบบอัตโนมัติ และสามารถรับฟังได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ชุดหูฟังเป็นเสาอากาศเหมือนเครื่องรุ่นอื่นๆ เพราะใช้เสารับสัญญาณเดียวกันกับภาครับทีวี พร้อมทั้งโปรแกรม ImageViewer สำหรับดูไฟล์ภาพที่ถ่ายได้จากกล้องดิจิทัล และโปรแกรม Sound Recorder สำหรับบันทึกเสียง ด้านการ

เชื่อมต่อ สำหรับการเชื่อมต่อเริ่มที่การใช้งานอินเทอร์เน็ตทำได้ด้วย WAP Browser เวอร์ชัน 2.0 ผ่านเครือข่าย GPRS Class 12ซึ่งอยู่ในเมนู Service ในส่วนของหน่วยความจำนั้นมีหน่วยความจำภายในแบบ Shared Memory ขนาด 760 KB สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้สูงสุด 2 GBส่วนการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อรับส่งข้อมูลและไฟล์ต่างๆ นั้นทำได้ทั้งผ่านทางสายดาต้าลิงค์ USB ซึ่งเชื่อมต่อได้แบบอัตโนมัติไม่ต้องลงโปรแกรม Driver กับแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth เวอร์ชัน 2.0 พร้อมรองรับเทคโนโลยี A2DP ที่สามารถฟังเพลงผ่านชุดหูฟังไร้สายแบบ Stereo Bluetooth นอกจากนี้ยังใช้เป็นกล้อง WEB Cam และโมเด็มในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางสายดาต้าลิงค์ได้อีกด้วย ด้านคุณสมบัติพิเศษ นอกจากฟังก์ชัน Analog TV ที่เป็นจุดเด่นของเครื่องรุ่นนี้แล้ว ตัวเครื่องยังรองรับการใช้งานแบบ 2 SIM ในเครื่องเดียวแบบ Real Time เปิดสแตนด์บายรอรับสายไดอมกันทั้ง 2 เบอร์ โดยตัวเครื่องรองรับคลื่นความถี่ 900 และ 1800 MHz ซิมการ์ดที่นำมาใส่ต้องเลือกว่าจะใส่ที่ SIM1 หรือ SIM2 หากเป็นคนละเครือข่ายสามารถดูได้จากหน้าจอ ซึ่งจะขึ้นชื่อผู้ให้บริการคนละชื่อว่าซิมการ์ดไหนคือซิมการ์ดเบอร์ใด ส่วนการโทรออกก็ทำได้ง่ายโดยกดหมายเลขโทรศัพท์ แล้วเลือกกดปุ่มโทรออกหมายเลขนั้น ในขณะที่กำลังสนทนา หากมีสายเข้าตัวเครื่องจะสั่นเตือนพร้อมกับหน้าจอแสดงหมายเลขผู้โทรเข้าสามารถกดรับสายเพื่อสนทนากับอีกสายได้ทันที โดยสายก่อนหน้านี้จะถูกพักสายโดยอัตโนมัติ เมื่อสนทนาเสร็จก็กลับไปคุยกับสายแรกได้ นอกจากนี้ยังเลือกปิดสัญญาณ SIM2 เพื่อใช้งานสัญญาณเดียวได้อีกด้วย

เชิงเทคนิค การทดสอบฟังก์ชันพิเศษในเครื่อง การทดสอบฟังก์ชันพิเศษในเครื่อง GNet G522 ได้ทำการทดสอบถ่ายภาพจากกล้องดิจิทัลความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล เริ่มจากการถ่ายภาพนิ่งในโหมด Normal เลือกขนาดของภาพสูงสุดในขนาด 1280 x 960 พิกเซล และคุณภาพของภาพสูงสุดในระดับ High โดยถ่ายในระยะใกล้ที่สุดในการ Focus กับวัตถุที่ถ่ายประมาณ 0.6 เมตร ผลปรากฏว่าภาพที่ถ่ายมามีความชัดเจนดีมาก ส่วนการถ่ายภาพทั่วไปโดยรวมแล้วภาพที่ถ่ายมาอยู่ในเกณฑ์ดีมากเช่นกัน ส่วนโหมดวิดีโอนั้น ได้ทำการทดสอบโดยเลือกรูปแบบ MP4 และคุณภาพของภาพสูงสุดในระดับ High ผลการทดสอบปรากฏว่าความสามารถในการบันทึกวิดีโออยู่ในระดับดี ระยะเวลาในการเปิดเครื่อง ตามสเปกที่ให้มาระบุไว้ว่าเครื่อง GNet G522 สามารถเปิดเครื่องรอรับสายได้นานสูงสุด 500 ชั่วโมง และสนทนาได้นานต่อเนื่องสูงสุด 5 ชั่วโมง ตลอด 1 สัปดาห์ในการทดสอบ ได้ทดลองใช้งานดูด้วยแบตเตอรี่แบบ Li-ion ขนาด 1,450 mAh ที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง โดยใช้งานพูดคุย ถ่ายรูป และฟังเพลง ปรากฏว่าสามารถใช้งานได้ประมาณ 2-3 วัน แต่ถ้าเปิดใช้งานรับชมทีวีอย่างเดียวก็จะรับชมได้นานต่อเนื่องประมาณ 3-4 ชั่วโมง โดยรวมถือเป็นที่น่าพอใจ อุปกรณ์เสริม

อุปกรณ์ในกล่องของเครื่อง GNet G522 ประกอบด้วยตัวเครื่อง, แบตเตอรี่ Li-ion ขนาด 1,450 mAh จำนวน 1 ก้อน, สายชาร์จพร้อมแท่นชาร์จ, ชุดหูฟังสเตอริโอ, ชุดหูฟัง Stereo Bluetooth, การ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card, สายดาต้าลิงค์แบบ USB และคู่มือการใช้งาน จุดเด่นของ GNet G522 ก็คือ เป็นโทรศัพท์มือถือแบบมัลติฟังก์ชันที่ครบเครื่องทั้งเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานโทรศัพท์และฟังก์ชันมัลติมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้องดิจิทัล หรือเครื่องเล่นเพลง MP3 รวมทั้งยังรองรับการใช้งาน 2 SIM แบบ Real Time และมีฟังก์ชัน Analog TV สำหรับรับชมฟรีทีวีโดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ด้วยระบบรับสัญญาณแบบใหม่ทำให้สามารถรับชมได้ชัดขึ้น บวกกับราคาที่สุดคุ้มอีกด้วย G-Net G522 G-Net G522


สนับสนุนเนื้อหาโดย
นิตยสาร First Mobile
G-Net G522

 

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ

อัลบั้มภาพ 5 ภาพ ของ พรีวิว G-Net G522

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook