Panasonic Lumix DMC-LX3

Panasonic Lumix DMC-LX3

Panasonic Lumix DMC-LX3
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Panasonic
Lumix DMC-LX3
 
แม้โลกของการ ถ่ายภาพในยุคดิจิตอลนี้จะมีบิ๊กเนมอยู่ไม่กี่แบรนด์ แต่การสร้างความแตกต่างก็ยังถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อ สร้างจุดแข็งให้กับตัวเองอยู่เสมอ Panasonic เองก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สามารถสร้างเอกลักษณ์สำหรับโปรดักต์ของตัวเองได้ อย่างชัดเจน แบรนด์ Lumix นั้นเป็นที่รู้จักและยอมรับในประสิทธิภาพซึ่งมีให้เลือกใช้ทั้งกล้องดิจิตอล แบบ DSLR รวมทั้ง Compact ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงโมเดล Lumix DMC-LX3 กล้องคอมแพ็คดิจิตอลรุ่นล่าสุดที่เราได้รับมาทดลองใช้งานในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
 
 
 
 
เริ่มแรกกันก่อนที่ดีไซน์สุดคลาสสิก ของกล้องตัวนี้ ถึงแม้จะเป็นกล้องดิจิตอล แต่รูปลักษณ์ของ Lumix DMC-LX3 นั้นให้ความรู้สึกย้อนยุคเหมือนกล้องฟิล์ม ตัวเครื่องสีดำนอกจากดูภูมิฐานแล้วยังให้สัมผัสที่แข็งแกร่งจับกระชับมั่น มือ จุดแข็งอย่างหนึ่งของกล้องตระกูล Lumix ก็คือเลนส์ครับ เป็นที่ทราบกันดีว่า Lumix เปรียบเสมือนเป็นเวอร์ชั่นรุ่นสบายกระเป๋าของแบรนด์กล้องระดับตำนานในวงการ ถ่ายภาพอย่าง Leica และแน่นอนว่าสิ่งหนึ่งที่กล้องทั้งสองแบรนด์เลือกใช้เหมือนกันก็คือเลนส์ นั่นเอง สำหรับตัว Lumix DMC-LX3 ก็จะใช้เลนส์ LEICA DC VARIO-SUMMICRON Lens ทางยาวโฟกัสที่ 24-60 มิลลิเมตร (เมื่อเทียบเท่ากับกล้องฟิล์ม 35 มิลลิเมตร) เรียกว่าครอบคลุมการใช้งานได้ในทุกลักษณะ ระยะเริ่มต้นที่ 24 มิลลิเมตรนั้นจะให้มุมมองภาพที่ค่อนข้างกว้างนะครับ และยิ่งบวกกับ ขนาดรูรับแสงที่เปิดได้กว้างสุดถึง f2.0 นี่เรียกว่าไม่ธรรมดา นอกจากจะช่วยให้เปิดรับแสงในที่มืดได้ค่อนข้างดีแล้วยังช่วยให้สามารถสร้าง สรรค์ภาพถ่ายในลักษณะชัดตื้นชัดลึกได้อย่างยืดหยุ่น รวมทั้งหากซูมไปที่ระยะเทเล 60 มิลลิเมตรก็ยังสามารถเปิดรูรับแสงได้กว้างสุดถึง f2.8 ไม่ธรรมดาจริงๆ
 
ระบบโฟกัสนี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน Lumix DMC-LX3 มีให้เลือกใช้อยู่ 3 แบบคือ MF แมนวลโฟกัสแบบที่ผู้ใช้สามารถเลือกโฟกัสได้เอง AF ออโตโฟกัสทำงานโดยอัตโนมัติแม่นยำรวดเร็ว รวมทั้งมีเทคโนโลยี Face Detection ที่จะช่วยจับโฟกัสตรงบริเวณใบหน้าของคนที่เราจะถ่าย ไม่ต้องกลัวว่าจะหลุดโฟกัส ตลอดจนทั้ง AF Macro ซึ่งจะทำงานโดยอัตโนมัติเช่นกันแต่จะเน้นสำหรับการถ่ายภาพมาโคร เช่นสิ่งของเล็กๆ แมลง ดอกไม้ ฯลฯ โดยมีคุณสมบัติที่สุดยอดมากๆ คือสามารถจับโฟกัสโดยระยะห่างระหว่างกล้องกับตัวแบบนั้นใกล้กันได้สุดๆ ถึง 1 เซนติเมตร
 
เทรนด์หนึ่งที่กำลังมาแรงในโลกของกล้อง ดิจิตอลก็คือการทำให้เซ็นเซอร์ของกล้องมีเรโซลูชั่นที่สูงขึ้น หรืออธิบายง่ายๆ ก็คือทำให้มีพิกเซลที่สูงขึ้นนั่นเอง ในทางตรงกันข้าม Panasonic กลับเลือกที่จะ ‘คิดต่าง’ เดินสวนกระแสพัฒนาเซ็นเซอร์โดยเน้นให้ขนาด (dimension) ของเซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยเซ็นเซอร์ความละเอียด 10.1 ล้านพิกเซลของกล้องรุ่นนี้มีขนาด 1/1.63 นิ้ว ซึ่งทาง Panasonic บอกว่าสามารถเพิ่มความไวในการรับแสง (sensitivity) และความอิ่มตัวของสี (saturation) ได้มากกว่าเดิม รวมทั้งยังก่อให้เกิดสัญญาณรบกวน (noise) ที่น้อยกว่าอีกด้วย
 
.......................................................................
 
• ถ่ายทอดสีสันได้สดใสมีชีวิตชีวา
 
 
 
 
• ถ่ายภาพมาโครได้ใกล้สุดถึง 1 เซนติเมตร
 
.......................................................................
 
 
ลูกเล่นอย่างการปรับเปลี่ยนอัตราส่วนภาพ (aspect ratio) ก็น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน โดย Lumix ตัวนี้จะมีให้เลือกใช้ถึงสามโหมดทีเดียวได้แก่ โหมดแรก 4:3 ให้อัตราส่วนภาพแบบทีวี Standard Definition ทั่วไป โหมดที่สอง 3:2 อันนี้จะให้อัตราส่วนของภาพที่เทียบเท่ากับฟิล์ม 35 มิลลิเมตร และแบบที่สาม 16:9 จะให้อัตราส่วนภาพแบบไวด์สกรีนเหมือนสัญญาณทีวี High Definition
 
อีกจุดขายหนึ่งของกล้องตัวนี้ก็คือระบบ Image Stabilizer หรือที่เรียกกันว่าระบบกันสั่นนั่นเอง โดย Lumix DMC-LX3 มาพร้อมกับ MEGA O.I.S เทคโนโลยีของทาง Panasonic ที่มีอยู่ในกล้อง Lumix ทุกตัว ประโยชน์คือช่วยป้องกันภาพเบลอสั่นไหวไม่คมชัด ยกตัวอย่างกรณีถ่ายภาพในที่ซึ่งมีแสดงน้อยแล้วต้องใช้สปีดชัตเตอร์ต่ำ ระบบนี้ก็จะทำการตรวจจับการสั่นไหวหากผู้ใช้ถือกล้องไม่นิ่งแล้วจึงชดเชยโดย อาศัยการขยับเลื่อนชิ้นเลนส์ในตัวกล้องให้สัมพันธ์กับการสั่นไหวที่ตรวจพบ ฟังก์ชันนี้จะถูกควบคุมด้วยเทคโนโลยีประมวลผลสัญญาณอย่าง Venus Engine IV ซึ่งยังทำหน้าที่เป็นหัวใจหลักในการประมวลผลต่างๆ ของตัวกล้องด้วยเช่นกัน
 
ด้านหน่วยความจำในการเก็บข้อมูลนั้น Lumix DMC-LX3 จะรองรับเมโมรี่การ์ดอยู่สามลักษณะได้แก่ SD Card แบบที่สอง SDHC Card และแบบที่สาม MultiMedia Card แต่แบบสุดท้ายนี่จะรองรับเฉพาะการถ่ายภาพนิ่งเท่านั้น สิ่งที่พิเศษสำหรับการบันทึกข้อมูลของ Lumix DMC-LX3 ก็คือตัวกล้องจะมีหน่วยความจำฝังอยู่ในตัว (built-in memory) อธิบายง่ายๆ คือคุณสามารถถ่ายรูปโดยไม่ต้องใส่เมโมรี่การ์ดหรือในกรณีที่ถ่ายรูปไปจนเมโม รี่การ์ดเต็มแล้ว ก็ยังสามารถถ่ายต่อไปโดยกล้องจะบันทึกข้อมูลลงในหน่วยความจำในตัวดังกล่าว ซึ่งมีอยู่ประมาณ 50 MB และสามารถก๊อบปี้ข้อมูลดังกล่าวมาเก็บไว้ในเมโมรี่การ์ดได้อีกด้วย
 
ส่วนฟอร์แมตของภาพที่ถ่ายออกมาจากกล้อง ตัวนี้ สำหรับภาพนิ่งก็เลือกได้ระหว่าง RAW และ JPEG ส่วนภาพเคลื่อนไหวนั้นจะเป็น QuickTime โดยสามารถบันทึกได้ละเอียดสูงสุดถึงระดับ High Definition ที่ 1,280 x 720 พิกเซล 24 เฟรมต่อวินาที เวลาที่ถ่ายภาพวิดีโอฟีเจอร์ MEGA O.I.S. มีส่วนเป็นอย่างมากที่ช่วยให้ภาพออกมาไม่สั่นไหว
 
ทดลองใช้งาน ตัวเครื่องของ Lumix DMC-LX3 นั้นผลิตได้แน่นหนาดี น้ำหนักก็กำลังเหมาะมือไม่เบาจนเกินไป สัมผัสที่รับรู้ได้จากกล้องตัวนี้คืออารมณ์ในสองลักษณะ ด้านหน้าของตัวกล้องนั้นดูคลาสสิกมากๆ กระบอกเลนส์ที่ยื่นออกมาจากตัวกล้องให้อารมณ์เหมือนกล้อง Rangefinder เวลาใช้ต้องเปิดฝาปิดเลนส์ออกก่อนทำให้รู้สึกเหมือนกำลังจับกล้องฟิล์มอยู่ แต่พอยกกล้องขึ้นมาจะถ่าย ด้านหลังกล้องกลับให้ความรู้สึกที่เป็นดิจิตอลเต็มรูปแบบ จอแอลซีดีด้านหลังขนาด 3 นิ้วแสดงข้อมูลต่างๆ ได้ชัดเจนและยังสามารถปรับความสว่างของหน้าจอให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้โดย อัตโนมัติ รวมทั้งมีปุ่มช็อตคัต มากมายเพื่อเรียกใช้ฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างสะดวก และที่พิเศษก็คือปุ่มจอยสติ๊กเพิ่มความยืดหยุ่นในการควบคุมใช้งาน
 
Lumix DMC-LX3  มีโหมดการทำงานให้เลือกใช้มากมายทั้งแบบออโตและแมนวล โดยเริ่มแรกขอทดลองใช้งานในโหมด iA หรือ intelligent Auto เป็นโหมดที่กล้องจะคำนวณทุกอย่างอัตโนมัติ อาศัยฟังก์ชันเทคโนโลยีการทำงาน 6 ลักษณะเพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดโดยแบ่งออกเป็น

• Shake Detection–MEGA O.I.S. กล้องจะทำการตรวจจับการสั่นไหวหากผู้ใช้ถือกล้องไม่นิ่ง แล้วจึงชดเชยโดยทำการขยับชิ้นเลนส์ให้สัมพันธ์กันเพื่อป้องกันไม่ให้ภาพที่ ถ่ายออกมาเบลอ

• Motion Detection–Intelligent ISO Control ฟังก์ชันนี้จะตรวจจับการเคลื่อนไหวของตัวแบบที่เราจะถ่าย จากนั้นถึงปรับค่าความไวแสง (ISO Sensitivity) รวมทั้งความเร็วของชัตเตอร์ให้เหมาะสมที่สุดกับสภาพแสงและการเคลื่อนไหวที่ ตรวจพบ

• Face Detection–Face Detection AF/AE ช่วยจับโฟกัสบริเวณใบหน้า ป้องกันการโฟกัสหลุดรวมทั้งคำนวณการเปิดรับแสงเพื่อให้เหมาะสมในสภาพแสง ต่างๆ สามารถตรวจจับใบหน้าของตัวแบบได้พร้อมกันสูงสุดถึง 15 คน

• Scene Detection–Intelligent Scene Selector ระหว่างที่กำลังใช้งานโหมด iA กล้องจะทำการเลือกโหมดการถ่ายภาพจาก Scenery, Portrait, Macro, Night Portrait หรือ Night Scenery เพื่อให้ตรงและเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมอย่างเหมาะสมที่สุดโดยอัตโนมัติ

• Light Detection–Intelligent Selector ตัวกล้องจะทำการวิเคราะห์สภาพแสงโดยรวมของภาพและปรับความสว่างในส่วนที่มืด เกินไป เพื่อปรับสมดุลให้เท่ากันทั้งภาพโดยอัตโนมัติ รวมทั้งสามารถเลือกปรับระดับได้ตามที่คุณต้องการ

• Subject Detection–AF Tracking ฟีเจอร์ ในการตรวจจับโฟกัสของวัตถุที่เคลื่อนไหว ยกตัวอย่างเช่น การถ่ายภาพกีฬา ภาพเด็กที่วิ่งล่น หรือภาพการแข่งรถ สามารถตามจับโฟกัสได้โดยอัตโนมัติไม่ต้องกังวลว่าภาพจะหลุดโฟกัส
 
ผลลัพธ์ที่ได้ จากการใช้งานโหมดนี้ค่อนข้างน่าพอใจครับ โดยเฉพาะการวัดแสงที่ค่อนข้างแม่นยำไว้ใจได้ ระบบ Face Detection ช่วยให้โฟกัสไม่หลุด รวมทั้งช่วยคำนวณการเปิดรับแสงที่เหมาะสม นอกจากนั้นยังสามารถปรับเปลี่ยนการโฟกัสเป็นแบบมาโครได้โดยอัตโนมัติเมื่อ ต้องการถ่ายภาพระยะใกล้
 
ลองเปลี่ยนมาทดลองใช้งานโหมด Scene กันบ้าง Lumix DMC-LX3 มีให้เลือกใช้อยู่ประมาณ 24 โหมดครอบคลุมการใช้งานทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการถ่ายภาพบุคคล ภาพวิวทิวทัศน์ ภาพกีฬา ภาพพลุ ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีโหมดแปลกๆ ที่น่าสนใจให้ใช้งานอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นโหมด Pin Hole อันนี้จะจำลองภาพให้เหมือนกับการถ่ายรูปด้วยกล้องรูเข็ม บริเวณรอบๆ จะมืดและตรงกลางภาพจะสว่างดูสวยดีไปอีกแบบ อีกโหมดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ โหมด Film Grain ภาพจะถูกจำลองเป็นภาพขาวดำรวมทั้งมีเกรน (Grain) แบบเวลาที่ถ่ายด้วยฟิล์ม ให้เสน่ห์ของการถ่ายภาพขาวดำที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
 
สำหรับลูกเล่นในการถ่ายภาพนั้นการเลือก ปรับเปลี่ยนอัตราส่วนของภาพก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบโหมด 16:9 เป็นพิเศษ เพราะให้มุมมองที่กว้างแปลกตาดีครับ ยิ่งใช้งานกับฟีเจอร์ Film Mode จำลองสีสันภาพถ่ายเหมือนเวลาเลือกใช้ฟิล์มแบบต่างๆ ซึ่งมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปก็ยิ่งดูน่าสนใจมากขึ้นไปอีก ลองเลือกเป็นแบบ Nostalgic จะให้อารมณ์แบบภาพถ่ายเก่าๆ สวยดี หรือ Dynamic B&W ก็น่าสนใจ จำลองภาพขาวดำที่คอนทราสต์ค่อนข้างจัด โหมด Multi Exposure ก็สนุกดีครับ โดยสามารถถ่ายภาพซ้อนกันซ้ำกันได้ถึง 3 ครั้งในเฟรมเดียวกัน จำลองการใช้งานมาเหมือนกล้องฟิล์มเลย
 
.......................................................................
 
• โหมดสร้างสรรค์ภาพถ่ายหลากหลายรูปแบบ
 
 
 
 
• ถ่ายภาพซ้อนด้วยโหมด Multi Exposure
 
.......................................................................
 
 
ระบบโฟกัสของ Lumix DMC-LX3 ก็ถือว่าสุดยอดเหมือนกัน นอกจากฟีเจอร์ Face Detection และ AF tracking ที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว Lumix ตัวนี้ยังสามารถเลือกจุดออโตโฟกัสได้เองตามที่คุณต้องการทั้งในแบบ Selectable AF ใช้จอยสติ๊กเลื่อนเอาได้เลยว่าอยากจะให้โฟกัสตรงไหนของภาพ หรือจะใช้งาน 11-point Selectable AF Area เพื่อเลือกพื้นที่โฟกัสเป็นกลุ่มๆ จากทั้งหมด 11 รวมทั้งสามารถเลือกเน้นโฟกัสเพียงจุดเดียวก็สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังมีโหมดโฟกัสแบบแมนวลที่เราสามารถเลือกโฟกัสได้เองโดยจะมีตัว ช่วย MF Assist ขยายภาพให้ดูอย่างละเอียดว่าโฟกัสได้ถูกต้องหรือไม่ หยืดหยุ่นมากทีเดียว
 
สรุป แม้ว่า Lumix DMC-LX3 จะเป็นกล้องคอมแพ็คที่ไม่สามารถเลือกเปลี่ยนเลนส์ได้เช่นกล้อง DSLR ทั่วไป แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งคุณสมบัติเด่นที่มากมายพร้อมด้วยข้อดีที่ได้เปรียบกล้อง DSLR ในด้านของความสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่จำเป็นต้องมีความรู้เชิงลึกก็สามารถใช้งานได้แล้วด้วย โหมดการทำงานที่พร้อมตอบรับความต้องการได้ทุกรูปแบบ ในขณะเดียวกันก็มีฟีเจอร์ที่รองรับงานซึ่งต้องอาศัยการปรับแต่งกล้องขั้นสูง ด้วยเช่นกัน เลนส์คุณภาพสูง LEICA DC VARIO-SUMMICRON Lens ก็เป็นอีกจุดแข็งของกล้องตัวนี้ซึ่งรวมไปถึงคุณสมบัติอย่างทางยาวโฟกัสที่ 24-60 มิลลิเมตร พร้อมรูรับแสง f 2.0-2.8 ยิ่งช่วยให้สร้างสรรค์ภาพถ่ายทำได้อย่างไร้ขีดจำกัด ดีไซน์สุดคลาสสิกให้อารมณ์เหมือนกำลังถือกล้องฟิล์ม แต่ขณะเดียวกันกลับแฝงไว้ด้วยเทคโนโลยีดิจิตอลอันล้ำหน้า ต้องบอกว่าฟีเจอร์ของ Lumix DMC-LX3 นี่แพ็คใส่มาจนเต็มกำลัง หรือถ้าพูดว่ามีฟังก์ชันการใช้งานคับจนล้นก็คงไม่ผิดเท่าใดนัก
 
ตัวแทนจำหน่าย : บริษัท  พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด                          
โทร.0-2731-8888
ราคา : 21,990 บาท
.......................................................................

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook