อัสซุส ปลื้มยอดขาย ฉลุย ยืนยันปี 53 พาเหรดขบวนสินค้าครบไลน์ มั่นใจเติบโต 35 เปอร์เซ็นต์

อัสซุส ปลื้มยอดขาย ฉลุย ยืนยันปี 53 พาเหรดขบวนสินค้าครบไลน์ มั่นใจเติบโต 35 เปอร์เซ็นต์

อัสซุส  ปลื้มยอดขาย ฉลุย  ยืนยันปี 53 พาเหรดขบวนสินค้าครบไลน์  มั่นใจเติบโต 35 เปอร์เซ็นต์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ยักษ์ใหญ่ "อัสซุส" สุดปลื้ม แชมป์ยอดขายอันดับ 1 ตลาดมาเธอร์บอร์ดในประเทศไทย บอสใหญ่มั่นใจตลาดไอทียังสดใส ตั้งเป้าปี 2553 เติบโต 35% แม้เศรษฐกิจโลกและการเมืองภายในอาจจะยังดูไม่ค่อยนิ่งก็ตาม

นายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ผลประกอบการในปี 2552 ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ มียอดจำหน่ายรวมประมาณ 3,700 ล้านบาท โดยเฉพาะโน้ตบุ๊กที่ยอดขายในไตรมาส 3 สูงกว่าไตรมาส 2 กว่า 100% อีกทั้ง อัสซุส มาเธอร์บอร์ดที่ยังคงเป็นเบอร์หนึ่ง สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 55 เปอร์เซ็นต์”

จากความสำเร็จดังกล่าว อัสซุส สำนักงานใหญ่ ได้มอบรางวัล “ไจแอนท์ ไลออน ทู” (Giant Lion II) ให้แก่อัสซุส ประเทศไทย ที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดมาเธอร์บอร์ดเป็นอันดับ 1 และส่วนแบ่งทางการตลาดนั้นมากกว่าอันดับ 2 ของประเทศนั้นๆ เป็น 2 เท่า โดยประเทศไทยเป็น 1 ใน 2 ประเทศจาก อัสซุสทั่วโลกที่ได้รับรางวัลนี้

“ด้านสัดส่วนรายได้แต่ละกลุ่มธุรกิจในปี 2552 นายพรเทพกล่าวว่า “กลุ่ม System Business Unit ประกอบด้วยโน้ตบุ๊กและอีพีซี มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 56% ของรายได้รวม รองลงมาคือกลุ่ม OP Business Unit ประกอบด้วย มาเธอร์บอร์ด วีจีเอ การ์ด จอแอลซีดี อุปกรณ์ไร้สาย และอุปกรณ์เครือข่าย สัดส่วนรายได้ประมาณ 42% ส่วนกลุ่มสุดท้ายเป็นกลุ่ม Handheld Business Unit มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 1% จากรายได้รวมของอัสซุสในปี 2552”


“จากสัดส่วนรายได้จะเห็นว่าสินค้าในกลุ่ม Handheld มี สัดส่วนน้อยที่สุด เหตุผลมาจากการที่อัสซุสมีการปรับโครงสร้างการดำเนินงานแบ่งออกเป็นกลุ่ม สินค้า รวมทั้งการรอปรับโฉม อัสซุส พีดีเอ โฟน เป็น การ์มิน อัสซุส เนวิเกเตอร์โฟน ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกไม่มีสินค้าออกสู่ตลาดเมืองไทย เพิ่งมีสินค้ารุ่นล่าสุดเปิดตัวไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้สัดส่วนรายได้ของกลุ่มสินค้า Handheld น้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น”

สำหรับเป้าหมายในปี 2553 นั้น นายพรเทพกล่าวว่า ”บริษัทตั้งเป้ารวมไว้ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่ม System Business Unit ประมาณ 60-65% Open Platform Business Unit อีกประมาณ 25-30% และส่วนที่เหลือเป็น Handheld Business Unit อีกประมาณ 5-10% โดยในปี 2553 นี้บริษัทฯ มีสินค้าใหม่ๆ ที่มีเทคโนโลยีหลากหลาย ในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์มาทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้นอย่างแน่นอน”

“หาก ประเมินถึงภาพรวมของตลาดปีหน้าแล้ว ผมเชื่อว่ากำลังซื้อจะดีขึ้น ตลาดมีเสถียรภาพมากขึ้น เนื่องจากความมั่นใจของผู้ซื้อมีมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงปีนี้ที่ผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจ สืบเนื่องจากผลกระทบของสภาวะเศรษฐกิจโลกและปัญหาการเมืองภายใน” นายพรเทพ กล่าวเสริมในช่วงท้าย





 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook