Notion Ink แท็บเล็ต"เพชรฆาตไอแพด"

Notion Ink แท็บเล็ต"เพชรฆาตไอแพด"

Notion Ink แท็บเล็ต"เพชรฆาตไอแพด"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

          Notion Ink Adam แท็บเล็ตที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนเป็นแค่ข่าวลือ แต่ล่าสุดมันได้เผยต้นแบบออกมาแล้ว พร้อมด้วยสเป็กที่น่าประทับใจในงาน Mobile World Congress 2010 ตามรายงานข่าวอ้างว่า มันเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับไอแพด (iPad) ของแอปเปิล (Apple) เลยก็ว่าได้

          ผู้เชี่ยวชาญจาก Notion Ink กล่าวว่า จากคอนเซปต์ที่ได้มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ ทางบริษัทพร้อมแล้วที่จะนำเสนอเครื่องต้นแบบที่มีฟังก์ชันการทำงานค่อนข้าง สมบูรณ์แบบ และเชื่อว่า มันจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของไอแพด โดยสเป็กที่มีการเปิดเผยออกมาแล้วก็คือ ภายในใช้โพรเซสเซอร์ Arm Cortex A9 Dual Core CPU ส่วนกราฟิกจะเป็น nVidia Tegra 2 และจุดเด่นที่แตกต่างจากทั่วไปก็คือ การเลือกใช้หน้าจอแอลซีดีระบบมัลติทัช PixelQi Transflective ความละเอียดของการแสดงผล 1024 x 600 ซึ่งสามารถแสดงผลให้เห็นได้ทั้งในห้องมึด หรือทีมีแสงสว่างจากธรรมชาติ (แม้แต่ภายใต้แสงแดด) ซึ่งนั่นหมายความว่า จอของมันสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับเทคโนโลยีอีอีิงค์ 

          ใน ส่วนของอายุการใช้งานแบตเตอรี่ หากใช้ในที่มึด (ต้องการแสงสว่างจากด้านหลังจอ หรือ backlight) จะสามารถใช้งานได้นานต่อเนื่อง 16 ชั่วโมง แต่ถ้าปิด backlight เวลาในการใช้งานจะนานได้ถึง 160 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งทำให้มันสามารถสู้รบปรบมือกับเครื่องอ่านอีบุ๊กที่เป็นผู้นำในตลาดอย่าง Kindle และ Nook ได้อีกด้วย Notion Ink Adam จึงเป็นแท็บเล็ตที่ไฮบริดฟังก์ชันระหว่าง iPad กับ e-Reader นั่นเอง ข้างล่างนี้เป็นสเป็กเปรียบเทียบระหว่าง Apple iPad กับ Notion Ink Adam

แม้ ว่าเครื่องต้นแบบจะไม่บางเท่าไอแพด แต่ทาง Notion Ink อ้างว่า เวอร์ชันสมบูรณ์จะสามารถทำให้มีน้ำหนักแค่เพียง 1.7 ปอนด์ และหนาแค่ 14mm เท่านั้น ในขณะที่หน้าจอจะใหญ่กว่า iPad เล็กน้อย แต่ประเด็นคือ พลังประมวลผลที่อยู่ใน Adam จะเหนือกว่า iPad ค่อนข้างมาก นอกจากนี้มันยังสามารถใช้เล่นวิดีโอฟูลไฮเดฟฯ 1080p และแฟลช (Flash) ได้อีกด้วย ส่วนความสามารถในการเชื่อมต่อไร้สายจะสนับสนุน 3G บลูทูธ และ Wi-Fi (802.11b/g) พร้อมรองรับการใช้ระบบ A-GPS สำหรับโอเอสทีทำงานบนแท็บเล็ตจะมีให้เลือก 3 แพลตฟอร์มด้วยกันคือ Android, Unbuntu และ Chromium สนนราคาคาดว่าจะอยู่ที่ 327 เหรียญฯ หรือประมาณ 11,000 บาท

ข้อมูลจาก: gizmodo

อ่าน รวมข่าวเด็ด ประเด็นร้อนในรอบสัปดาห์

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook