เสริมความรู้เรื่องระบบปฏิบัติการ ก่อนช็อปสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต ในงาน TME 2011 Hi-End

เสริมความรู้เรื่องระบบปฏิบัติการ ก่อนช็อปสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต ในงาน TME 2011 Hi-End

เสริมความรู้เรื่องระบบปฏิบัติการ ก่อนช็อปสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต ในงาน TME 2011 Hi-End
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เสริมความรู้เรื่องระบบปฏิบัติการ ก่อนช็อปสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ต ในงาน Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End

Smartphone OS ต่างๆ ที่กำลังมาแรงสำหรับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนในตลาดวันนี้

คราวนี้จะมาคุยกันเรื่องของ ระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์สมาร์ทโฟน (Smartphone OS) ซึ่งในเดือนนี้ 2 - 5 มิถุนายน งานใหญ่ Thailand Mobile Expo 2011 Hi-End จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก็เลยอยากจะแนะนำเรื่องของ Smartphone OS ต่างๆ ที่กำลังมาแรงสำหรับโทรศัพท์สมาร์ทโฟนในตลาดวันนี้ เผื่อจะใช้ประกอบความต้องการในการตัดสินใจในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนตัวต่อไป ของคุณว่าจะเลือก Smartphone แบบไหน บนระบบปฏิบัติการไหนกันดี

Android OS มาทีหลังแต่ดังกว่า แรงแซงทุกโค้ง

หลังจากที่ Google ได้ทำการเข้าซื้อบริษัท Android Inc. ในปี 2005 และมาเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับ โทรศัพท์มือถือ Smartphone ที่ใช้ชื่อว่า Android หรือเจ้าหุ่นยนต์กระป๋องตัวเขียวพร้อมโทรศัพท์ Android Smartphone ตัวแรกในปี 2009 ที่ผลิตโดย HTC หลังจากนั้นมาจนถึงวันนี้กระแส Android ก็แรงแบบไม่มีตกเนื่องด้วยความยืดหยุ่นในการที่นักพัฒนาสามารถเข้าถึง Source Code ทำให้นักพัฒนาสามารถทำแอพพลิเคชั่นได้หลากหลายมากมายรูปแบบให้ผู้ใช้ได้ใช้ กัน ขณะที่ผู้ผลิตมือถือสารพัดยี่ห้อในตลาด ก็สามารถบรรจงสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลาย เพื่อทำให้โทรศัพท์ Smartphone มีขีดความสามารถที่เต็มความสามารถให้แข่งขันกันในตลาด รวมถึงแข่งขันกับ Smartphone OS อื่นๆ ได้ยิ่งขึ้นไป ส่วนในเรื่อง Hardware ก็มีการพัฒนาไปอีกระดับเหนือ Smartphone ใดๆ โดยล่าสุดมีการนำเอา CPU ที่เป็น Dual Core CPU หรือ CPU สองแกนสมอง มาใช้กับ Android Smartphone รุ่นใหม่ล่าสุดในปีนี้เพื่อ ให้การประมวลผลเร็วกันแบบสุดๆ ไปเลย รวมถึงมี GPU หรือหน่วยประมวลผลด้าน Graphic เข้ามาช่วยให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้นในการทำงานกับแอพพลิเคชั่นประเภทเกมส์ระดับ 3D ต่างๆ การถ่ายภาพแบบสามมิติ หรือการเล่นไฟล์หนังสามมิติที่กำลังจะออกเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในเร็วๆ นี้ (ตัวอย่างเช่น LG Optimus 3D, HTC EVO 3D) หรือการเล่นไฟล์ภาพยนตร์ระดับ Hi-Def เป็นต้น

การพัฒนาการของ Android OS ก็มีมาหลายเวอร์ชั่นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกเป็นต้นมา เพื่อให้สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้นไป โดย Android OS ที่ใช้กับ Smartphone มีการพัฒนามาตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกสุดที่ทำเป็นโทรศัพท์ออกมาก็คือเวอร์ชั่น 1.5 (Cupcake) เรื่อยมาเป็น 1.6 (Donut) 2.0/2.1 (Éclair), 2.2 (Froyo), 2.3 (Gingerbread) ส่วนเวอร์ชั่นที่เป็น Tablet ก็คือเวอร์ชั่น 3.0 (Honeycomb) ที่กำลังเริ่มทยอยเปิดตัวสินค้ากันมามากมาย และมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะในเรื่องผู้ผลิตที่มีตั้งแต่ยี่ห้อ Samsung, HTC, LG, Sony Ericsson, Acer, Dell, Lenovo, Pantech, Huawei, ZTE และอื่นๆ อีกมากมายในฐานะที่เป็นโรงงานผลิตใหญ่อย่างในจีน ไต้หวัน เกาหลี ที่รับผลิตให้กับ House Brand อย่าง Wellcom, i-mobile เป็นต้น รวมถึงระดับราคาก็มีในทุกๆ ตลาด ตั้งแต่ 3,900 - 5,000 กว่า (เช่น Acer beTouch E130, Acer beTouch E140, LG Optimus Me, Samsung Galaxy mini,) 7,000 กว่าถึง 10,000 (เช่น Acer liquid mini, HTC Wildfire S, LG Optimus One, Samsung Galaxy Cooper) ระดับ 10,000 กว่าขึ้นไป (เช่น Acer liquid metal, HTC Desire S, HTC Incredible S, LG Optimus Black, Motorola Defy, Samsung Galaxy SL, Samsung Galaxy S Plus) จนไปถึงระดับ Superphone ที่ใช้ CPU Dual Core 20,000 กว่าบาทขึ้นไป (เช่น HTC Sensation, Samsung Galaxy S II, LG Optimus 2X) สรุปแล้วมีให้เลือกมากมายทุกระดับราคา แล้วแต่ ว่าชอบยี่ห้อไหน สเปคขนาดไหน งบประมาณเท่าไร อันนี้สำคัญ ดูตามงบประมาณในกระเป๋านะครับ ไม่ต้องไปโหนกระแสจนเกินเงินในกระเป๋าล่ะ

อย่างหนึ่งที่ควรดูก็คือเรื่องของ Android OS ที่มากับเครื่อง อย่างน้อยควรจะเป็นเวอร์ชั่น 2.1 ขึ้นไปนะครับ ถ้าเป็น 2.2 ขึ้นไปยิ่งดีใหญ่เพราะจะมีฟีเจอร์อย่าง Wi-Fi Hotspot ให้ใช้ได้ด้วย ส่วนจะอัปเกรดเป็นเวอร์ชั่นต่อๆ ไปได้หรือไม่ อันนี้ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตยี่ห้อนั้นๆ นะครับ ว่าจะดูแลเราได้ดีต่อเนื่องแค่ไหน ถ้าถามว่าใครบ้างที่เหมาะจะใช้ Android Smartphone ก็ต้องบอกว่าได้ทุกเพศ ทุกวัยเลย เพราะว่าไปแล้วการใช้งานก็ง่าย ระบบเมนูแต่ละยี่ห้อก็ไม่ต่างกันมากนัก อยู่ที่ว่าแต่ละยี่ห้อนั้นจะมีลูกเล่นในเรื่องของระบบเมนู (User Interface) ที่สร้างเฉพาะกันไป เช่น Acer ก็มี Acer UI มาในรูปแบบที่แปลกตาเฉพาะตัวใช้ง่าย, HTC ก็มี HTC Sense UI ใช้งานได้หลากหลายเฉพาะทางลูกเล่นเยอะ และง่ายมากๆ, Samsung ก็มี Samsung Touch Wiz UI ที่ให้ความง่ายในการเข้าถึงเมนูต่างๆ รวมถึงวิดเจ็ท, Motorola ก็มี Moto Blur, LG ก็มี LG UI เฉพาะตัวเช่นกัน

นอกจากนี้ในเรื่องของ Application ก็มีมากมายให้เลือกดาวน์โหลดซึ่งตอนนี้บน Android Market ก็มีมากถึง 300,000 แอพฯ แล้วมีทั้งฟรีและที่ต้องเสียเงิน (ฟรีประมาณกว่า 50%) ล่าสุดผู้ใช้ในไทยสามารถซื้อแอพฯบน Android Market ได้แล้วโดยจ่ายเงินทางบัตรเครดิตกันเลย สำหรับผู้ใช้ Android Smartphone ผมอยากแนะนำเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น นั่นก็คือ http://market.android.com เว็บไซต์ของ Android Market ที่รวบรวมแอพฯทุกตัวในตลาดให้เราเลือกดาวน์โหลดได้เลย เพียงคลิ๊ก “Install” หรือ “Buy” (กรณีแอพฯ นั้นต้องเสียเงินซื้อ) หลังจากนั้นแอพพลิเคชั่นจะถูก “Push” ผ่านจากระบบอินเตอร์เนตเข้ามาที่มือถือโดยตรง โดยไม่ต้องต่อสาย USB ใดๆ เลย ง่ายมากใช่ไหมครับ นี่คือหนึ่งเสน่ห์ของการใช้ Android ยังมีอีกมากมายหลายเหตุผลว่าทำไมวันนี้มีแต่คนหันมาใช้ Android Phone กันอย่างมากมายทั่วโลก จนกลายเป็น Smartphone ที่ฮิตที่สุดไปแล้ว สำหรับ Android 3.0 Honeycomb ที่มีการนำมาใช้กับ Android Tablet กันแล้วก็กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากกับผู้ที่กำลังมองหาคอมพิวเตอร์พกพาขนาด เล็กที่สะดวก คล่องตัวในการใช้งาน ก็เริ่มมีตัวเลือกให้ผู้ใช้กันแล้วอย่างเช่น Acer Iconia A100, Acer Iconia A500, Samsung Galaxy Tab 10.1, Samsung Galaxy Tab 8.9, LG Optimus Pad 3D, Motorola Xoom ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในอนาคต ที่พูดอย่างนี้เพราะว่าปัจจุบันนั้นยังมีแอพพลิเคชั่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อ Android 3.0 Honeycomb บน Android Tablet อยู่น้อยแค่หลักพันเท่านั้นเอง

ถามว่าใช้แอพฯ ที่ออกแบบมาสำหรับ Android เวอร์ชั่น 2.X ได้หรือไม่ ก็ตอบว่าได้ แต่ความเข้ากันได้กับ Android 3.0 Honeycomb ซึ่งส่วนใหญ่หน้าจอจะใหญ่ระดับ 8-10 นิ้วนั้นไม่ค่อยดีเท่าไร เป็นเหตุผลว่าวันนี้ก็ยังมีความนิยมกับ Android Tablet เวอร์ชั่น 7 นิ้วที่ใช้ Android เวอร์ชั่น 2.2-2.3 กันอย่างมากมาย เพราะสามารถหาแอพฯ ใช้งานได้ทันที เพราะมีให้เลือกกว่า 300,000 แอพฯ ตัวอย่างเช่น Samsung Galaxy Tab ที่ฮิตมากๆ ขายดีกันถล่มทลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาที่ลงมาจนเอื้อมถึงได้ไม่ยาก หรือตัวใหม่อย่าง HTC Flyer ที่มีปากกาพิเศษให้ใช้งานได้อย่างสะดวกมากกว่าใครๆ หรือถ้าจะเป็น House Brand ก็มี Wellcom A800 หรือจะเป็น i-mobile iNote ที่ราคาก็จะย่อมเยาลงมาอีก อันนี้ก็เลือกพิจารณากันดูนะครับ ว่าจะเอาตัวใหม่เผื่ออนาคต หรือตัวปัจจุบันที่พร้อมใช้งานได้ทันที อันนี้แต่ใจผู้ใช้เลย

iPhone iOS Smartphone สุดฮิตที่ถูกบันทึกเป็นสถิติในทุกๆ ด้าน

iPhone ชื่อนี้คงไม่มีใครที่ใช้โทรศัพท์มือถือวันนี้ไม่รู้จัก กระแสความฮิตของ iPhone โดย Apple เกิดขึ้นแทบทุกประเทศทั่วโลก สร้างวัฒนธรรมการต่อคิวเพื่อจับจองเป็นเจ้าของสินค้ายอดฮิตตัวนี้ให้ได้เห็น จนชินตาไป แทบทุกครั้งที่มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ทุกๆ ปี ไล่กันมาตั้ง iPhone รุ่นแรกเมื่อปี 2007 และมีรุ่นใหม่มาเรื่อยๆ ปีละหนึ่งครั้ง โดยตัวที่สองก็มาเป็น iPhone 3G ที่เข้าประเทศไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกโดย True Move ต่อมาก็เป็นรุ่น iPhone 3Gs ที่มี DTAC เข้าร่วมวงในการขายอีกแรง และปี 2010 กับ iPhone 4 ที่ขายกันทุกรายรวมถึง AIS ด้วย ซึ่งขายกันอย่างถล่มทลายกว่า iPhone รุ่นไหนๆ ที่ผ่านมาเลยถึงขนาดต้องต่อคิวซื้อกันไปกว่า 6 เดือนเลยทีเดียว จนล่าสุด iPhone 4 สีขาวที่เพิ่งเปิดตัวมาก็ยังคงมีความต้องการ และจับจองเป็นเจ้าของกันอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะล่วงเลยมาจนถึงกลางปีแล้วก็ตาม iPhone 4 ได้สร้างสถิติใหม่มากมายจนบันทึกกันไม่หมด ทั้งในเรื่องยอดขาย ในเรื่องความนิยม เรื่องของแอพพลิเคชั่นที่มีให้เลือกใช้มากที่สุดวันนี้ก็มีกว่า 400,000 แอพฯ แล้ว ซึ่งมีทั้งแบบฟรี และเก็บเงิน จุดเด่นจุดขายคงไม่ต้องสาธยายกันแล้วสำหรับ iPhone 4

แต่ถ้าถามว่า iPhone 4 เหมาะกับใครบ้างก็ต้องบอกว่าได้หมดทุกเพศทุกวัย ที่พร้อมที่จะปรับตัวมาใช้ Smartphone ที่บอกอย่างนี้เพราะว่าบางคนยังใช้โทรศัพท์กดปุ่มอยู่เลย แต่พอมาเป็น Smartphone วันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบจอสัมผัสกันแล้ว ถ้าปรับตัวได้สักพักก็จะคุ้นชินไปเองว่าใช้ง่ายกว่าโทรศัพท์แบบเดิมๆ เสียอีก สิ่งหนึ่งที่อาจจะต้องคำนึงถึงก็คงเป็นเรื่องงบประมาณที่ต้องเข้าใจกันล่ะ iPhone 4 ก็มีให้เลือกแค่สองรุ่นสองสี คือความจุ 16 GB และ 32 GB โดยราคาก็เริ่มกันที่สองหมื่นกว่าบาท ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณก็เดินหน้ากันไปเลย ยิ่งวันนี้มีผ่อน 0% 10 เดือนกันอีก ก็คงทำให้หลายๆ คนที่ลังเลในการจ่ายทีเดียวก้อนโตๆ ก็คงสบายกระเป๋ากันไปบ้างนะครับ

BlackBerry กระแสนิยมที่ยังคงมีไปเรื่อยๆ ดังคลื่นกระทบฝั่งที่ไม่มีหมด

สำหรับ BlackBerry วันนี้ก็ยังมีความนิยมกันอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นนักธุรกิจ พนักงานองค์กร ที่เลือกเอา BlackBerry เพื่อใช้ในการทำงานบนอีเมล์ที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดในบรรดา Smartphone ทุกๆ OS หรือการใช้งานในเรื่องงานต่างๆ อย่างการเปิดไฟล์เอกสารที่แนบมากับอีเมล์เป็นต้น จนมาถึงคนรุ่นใหม่ที่นิยมจะเอาไว้แชตคุยกับเพื่อนกันแบบส่วนตั๊วส่วนตัว ผ่านบนบริการ BBM (BlackBerry Messenger) การใช้งานกับบริการ Social Networking ยอดฮิตอย่าง Facebook หรือ Twitter นั้นก็ทำได้อย่างดี และสะดวกมากๆ ราคาเครื่องวันนี้ก็ลงมาต่ำกว่า 7,000 บาทแล้ว อย่างรุ่น 8520 ทำให้ความนิยม BlackBerry นั้นยังคงโตอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้หวือหวากว่าเมื่อก่อนนัก ส่วนคนที่มองหาแบบจอสัมผัสก็ต้องลองดู Torch 9800 ที่มีแป้นพิมพ์ซ่อนอยู่ และสไลด์ออกมาใช้ได้ยามต้องการ แต่ถ้าต้องการแบบคลาสิค และรองรับ 3G ได้ก็มี Curve 9300 และ Bold 9780 เป็นทางเลือกหลักยอดนิยมอยู่แล้ว ส่วนใหญ่คนที่ใช้ BlackBerry นั้นก็จะยังคงถือไม่เปลี่ยน ถ้าเครื่องเก่าเสียแล้วก็ยังคงซื้อรุ่นใหม่มาทดแทน และใช้ต่อไปอย่างที่ไม่ทิ้งขว้างกัน เพราะสิ่งสำคัญก็คือรายชื่อเพื่อนที่ติดอยู่ใน BBM นั่นเอง ยังคงเป็นตัวยึดเหนี่ยวให้คอยที่จะต้องสาน Connection กับเพื่อนๆ ต่อไป

ปัจจุบันก็ได้มีกระแสของ WhatsApp เข้ามาเพื่อทำให้คนใช้ BlackBerry นั้นสามารถแชตกับเพื่อนๆ ข้ามไปยังผู้ใช้ Smartphone อื่นๆ ได้อย่างสะดวกมากขึ้นกับโทรศัพท์อย่าง iPhone, Android, Symbian ได้ในที่สุด ถ้าถามว่า BlackBerry เหมาะกับใครก็ต้องบอกว่าสำหรับคนที่ต้องการใช้งานการสื่อสารที่ครบในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นอีเมล์ การแชต (สื่อสารเป็นตัวหนังสือ) การใช้ Facebook, Twitter ซึ่งถือว่า BlackBerry ทำได้ดีรอบตัวเลยทีเดียว รวมถึงการใช้แป้นปุ่มกดแบบ QWERTY นั้นก็สะดวก และคล่องในการใช้งานทำให้เราป้อนข้อมูลได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าถามเรื่องการหาแอพพลิคชั่นมาใช้ใน อันนี้ยังเป็นรอง iPhone และ Android phone อยู่มาก

Symbian และ Windows Phone 7 ทางเลือกที่กำลังจะบรรจบกัน

สำหรับใครที่เป็นแฟน Nokia Symbian^3 หรือ Symbian S60 ก็ยังคงเป็นทางเลือกให้กับแฟนผู้จงรักภักดีกับยี่ห้อนี้ต่อไป ล่าสุดเตรียมเปิดตัว Nokia X7 โทรศัพท์จอสัมผัสที่เน้นด้านมัลติมีเดียมาพร้อมกับ Symbian Anna เวอร์ชั่นล่าสุดที่ดูสวยงามขึ้น Nokia E6 E-Series ยอดนิยมที่มาพร้อมแป้นปุ่มกด QWERTY และจอสัมผัสในตัวเดียวกันที่ดูแล้วน่าจะถูกใจกับคนที่ใช้ Nokia E-Series อยู่ และมองหาตัวใหม่มาทดแทน ขณะที่ Nokia กำลังเร่งพัฒนา Windows Phone 7 ใหม่ที่คาดหวังจะมาภายในสิ้นปีนี้ แต่คนที่มองหา Windows Phone 7 มาใช้ก่อนวันนี้ก็มี HTC HD7 และ HTC 7 Mozart ซึ่งราคาลงมาเหลือแค่แปดพันกว่าๆ เท่านั้นก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ชอบลองของใหม่

 
ที่มาบทความ.....นิตยสาร What’s Phone
โดย.....ปีเตอร์กวงควงมือถือ

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook