iCloud กับการเสนอตัวเป็น Digital Hub แห่งใหม่!

iCloud กับการเสนอตัวเป็น Digital Hub แห่งใหม่!

iCloud กับการเสนอตัวเป็น Digital Hub แห่งใหม่!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

icloud

พระเอกอีกคนที่โดดเด่นพอๆ กันกับ iOS 5 ในงาน WWDC 2011 ที่ผ่านมาคงหนีไม่พ้น iCloud บริการใหม่ล่าสุดที่ทาง Steve Jobs บอกว่านี่แหละ จะเข้ามาเป็นศูนย์รวมดิจิตอล (Digital Hub) ของทุกๆ สิ่งในชีวิตคุณ โดยเราอาจจะไม่ต้องพึ่งพาการเก็บไฟล์ใว้ที่ใดที่หนึ่งแบบเดิมเสมอไป อันที่จริงแล้วบริการแบบ Cloud Based นั้นก็มีมาได้ซักระยะแล้วแต่แน่นอนว่าด้วยความเป็น Apple ที่ยึดติดกับแนวคิดที่ว่าถ้าไม่ใช่เจ้าแรกก็ขอเป็นเจ้าที่ดีที่สุด ดังนั้นเราจึงจะมาดูกันว่า iCloud จาก Apple นั้นจะเจ๋งพอที่จะทำให้เราอยากใช้จนทนไม่ไหวได้หรือไม่

hub1

เกริ่นกันก่อนกับแนวคิดของ iCloud ว่าเป็นมาอย่างไร เป็นที่ทราบกันดีกว่าก่อนหน้านี้เวลาเราถ่ายรูปหรือสร้างไฟล์ใดๆ ขึ้นมาในอุปกรณ์หนึ่ง เราจำเป็นต้องเก็บใว้ในคอมพิวเตอร์ของเราเป็นที่สุดท้าย (หรือ External Harddisk) โดยเราจะเรียกคอมพิวเตอร์ที่เราใช้เก็บไฟล์ทุกอย่างของเราว่า Digital Hub ซึ่งจะเกิดความลำบากเวลาเราต้องการจะดึงรูปไปลงบนอุปกรณ์อื่นๆ และปวดหัวเวลาต้องมาไล่ Sync ไฟล์ให้ทุกๆ เครื่องมีข้อมูลตรงกัน

ดังนั้นแนวคิดที่จะสร้าง iCloud ก็ได้เกิดขึ้น โดยตัว iCloud จะทำหน้าที่เป็น Digital Hub แทนคอมพิวเตอร์ของคุณ และคอมพิวเตอร์เครื่องเดิมของคุณ ก็จะถือว่าเป็นแค่อุปกรณ์อีกหนึ่งชิ้นที่จะมาใช้งานระบบ iCloud ร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ เท่านั้น เมื่อมีการสร้างไฟล์ใดๆ บนอุปกรณ์หนึ่ง ระบบจะทำการส่งไฟล์นั้นไปยัง iCloud และตัว iCloud เองจะส่งไฟล์ที่เพิ่งเข้ามานั้นไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ของเราโดยอัตโนมัติ

การนำ iCloud ไปประยุกต์ใช้กับ App ต่างๆ ทำได้หลากหลาย โดยเบื้องต้น Apple ได้เปิดตัวแนะนำลูกเล่นต่างๆ มาพอประมาณ ดังนั้นเราจะลองไปดูกันว่าการนำ iCloud มาใช้ในรูปแบบต่างๆ นั้นจะเป็นยังไง

iTunes in the Cloud

itunes

หลักการง่ายๆ ของระบบ iCloud ที่นำมาใช้กับ iTunes ก็คือ เมื่อคุณใช้อุปกรณ์ใดๆ ก็ตามดาวน์โหลดหรือซื้อเพลงจาก iTunes แน่นอนว่าตัวเพลงนั้นจะถูกดาวน์โหลดเก็บใว้ในเครื่องที่คุณกำลังใช้งานอยู่ แต่ระบบจะทำการส่งเพลงนั้นไปยัง iCloud ด้วย และจากนั้นก็จะมีการส่งเพลงนั้นๆ ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ของคุณที่เชื่อมต่อกับ iCloud อยู่โดยอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาไป Sync ลงเครื่องหรือโอนถ่ายไฟล์ใดๆ เลย

itunes2

แน่นอนว่าเมื่อมีการเก็บเพลงลงในระบบ iCloud แล้ว หากเราได้ทำการลบเพลงบางเพลงออกไป แต่วันใดวันหนึ่งเราอยากจะดาวน์โหลดกลับลงเครื่อง เราก็ไม่จำเป็นต้องไปตามหาเพลงที่เราเคยซื้อจากคอมพิวเตอร์อีกต่อไปเพราะเรา สามารถเลือกดูเพลงที่เราเคยซื้อไปแล้วจาก iCloud แล้วดาวน์โหลดใหม่อีกครั้งได้ทันที

Photo Stream

pts

ระบบ Photo Stream เป็นเหมือนการนำเอารูปแบบการทำงานของ iCloud มาประยุกต์ใช้กับระบบรูปภาพ ซึ่งลักษณะก็จะคล้ายกันกับ iTunes in the Cloud โดยเมื่อเวลาเราทำการถ่ายภาพใหม่ๆ ลงบน iPhone ของเราระบบก็จะทำการส่งรูปนั้นไปยัง iCloud แล้วจากนั้นรูปที่เราเพิ่งถ่ายก็จะถูกส่งไปยัง MacBook และอุปกรณ์อื่นๆ ของเราที่เชื่อมต่อ iCloud โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะมีการเก็บรูปใว้บน iPhone ถึง 1,000 รูปล่าสุด ส่วนรูปที่จะเก็บลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านทาง iCloud จะไม่ถูกจำกัดจำนวน

atv

หรือแม้แต่การดู Photo Stream ผ่านทาง Apple TV บนจอขนาดใหญ่ยักษ์ ก็ทำได้!

Apps, Books, Documents in the Cloud!

abdb_apps

การนำ iCloud มาใช้กับระบบ App และ Book ก็จะมีรูปแบบคล้ายๆ กับการนำมาใช้กับ iTunes คือหนังสือหรือโปรแกรมใดๆ ที่เราเคยซื้อไปแล้วจะถูกเก็บใว้บน iCloud โดยเราสามารถเข้าไปดูรายการและเลือกที่จะดาวน์โหลดกลับลงมาบนเครื่องได้ตลอด เวลา และแน่นอนว่าหากเราเลือกซื้อ App ใหม่ เราก็จะสามารถให้ iCloud ทำการส่ง App ตัวนั้นไปยังอุปกรณ์ทั้งหมดที่เรามีได้โดยอัตโนมัติ (หนังสือก็เช่นกัน) ซึ่งตอนนี้เราสามารถทดลองใช้ระบบดังกล่าวได้แล้วบน iOS 4 ตัวอัพเดทล่าสุด

abdb_documents

ส่วนระบบ Documents in the Cloud นั้นเป็นการอัพเดทเอกสารทั้งหมดที่เราสร้างขึ้นมาเข้าสู่ iCloud และทำการส่งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ที่เรามีเช่นเคย

Backup

backup

iCloud ยังเป็นได้มากกว่าระบบการส่งไฟล์ไปมาระหว่างเครื่อง โดยเราสามารถใช้ iCloud เปนระบบ Backup ไร้สายของอุปกรณ์ต่างๆ ได้ ซึ่งระบบจะทำการบันทึกเฉพาะสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปและทำการจัดเก็บใว้ให้ ซึ่งเราสามารถเลือกที่จะ Restore ข้อมูลต่างๆ ลงบนอุปกรณืของเราทีหลังได้ด้วย

Contacts, Calendar, และ Mail

ccm_mail

อีกหนึ่งระบบที่น่าสนใจเมื่อนำมาใช้กับ iCloud นั่นก็คือ Mail โดยเราจะได้รับเมล์นามสกุล @me.com ฟรีๆ ซึ่งสามารถใช้อีเมล์ตัวนี้ผ่านระบบ iCloud ทำให้เวลาเราใช้อีเมล์นี้ที่เครื่องใดๆ ก็ตามเราก็จะได้ข้อมูลและทุกอย่างอัพเดทเหมือนกันหมดทุกความเคลื่อนไหว ซึ่งจริงๆ แล้วตัวนี้ก็ไม่ต่างกับระบบ Push Mail มากเท่าไหร่นัก เพียงแต่การดึงข้อมูลไปกระจายลงเครื่องต่างๆ จะทำได้เป็นรูปเป็นร่างและชัวร์กว่าเพราะไม่ต้องมาคอยกังวลตั้งค่าต่างๆ ให้มากความ

ccm_calendar

ส่วนระบบ Contacts กับ Calendar ก็ไม่มีอะไรมาก ก็คือเราจะสามารถใช้ iCloud ในการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ เช่นรายชื่อเพื่อน หรือนัดหมายประชุม และส่งไปยังอุปกรณ์ของเราทั้งหมดเช่นเดียวกัน

ทั้งหมดนี้ก็คือระบบ iCloud ที่ Apple ตั้งใจจะนำเสนอเพื่อเปิดมิติใหม่ในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ของพวกเขา โดยนี่อาจจะเป็นการเปรยๆ ใว้ว่าหากทุกอย่างที่คุณใช้เป็นสินค้าจาก Apple หมด คุณก็จะได้เปรียบเรื่องการใช้ iCloud ที่จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่ง Apple ได้ประกาศแล้วว่า iCloud จะเป็นบริการแบบ Free ที่มาแทน MobileMe โดยเราจะได้รับพื้นที่สำหรับอีเมล์ 5GB (@me.com) ส่วนในการจัดเก็บ Photo Stream, Apps, Songs, Books จะไม่ได้เก็บใว้ในพื้นที่ดังกล่าว นั่นหมายความว่าพื้นที่ 5GB น่าจะเหลือๆ สำหรับการใช้งานอีเมล์ทั่วไป และใช้้จัดเก็บไฟล์เอกสารต่างๆ ที่ส่งมาโดย iCloud นั่นเอง

iCloud มีกำหนดเปิดให้ใช้ได้ช่วงหน้าหนาวของปีนี้หรือราวๆ เดือนกันยายนเป็นต้นไป สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมติดตามได้ที่ http://www.apple.com/icloud/

Posted by pondkungz
ขอบคุณที่มาของบทความ : www.thaimacupdate.com

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเรา บน Facebook..ได้ที่นี่เลย!!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook