"ปูเป้ ศักรัช" บล็อกเกอร์ความงาม

"ปูเป้ ศักรัช" บล็อกเกอร์ความงาม

"ปูเป้ ศักรัช" บล็อกเกอร์ความงาม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากใครเป็นแฟนห้องโต๊ะเครื่องแป้งของเว็บไซต์พันทิพ คงคุ้นเคยกับชื่อ ปูเป้ หรือ pupe_so_sweet และถ้าถึงขั้นเป็นแฟนบล็อก เดาได้เลยว่าคุณต้องใส่ใจเรื่องการดูแลรักษาผิวหน้าแน่นอน เพราะเขาเป็นบล็อกเกอร์ด้านความงามที่ได้รับการยอมรับอันดับต้นของ Bloggang ซึ่งตั้งแต่เริ่มเปิดบล็อกเมื่อพฤศจิกายน 2551 จนถึงตอนนี้มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมสูงถึง 7.4 แสนกว่าเพจวิว

ตอนแรกปูเป้เข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อต้องการอัพเดตข่าวสารเหมือนคนทั่วไป แต่หลังจากเกิดปัญหากับผิวหน้าอย่างรุนแรงจากการแพ้เครื่องสำอาง ทำให้เริ่มใช้อินเทอร์เน็ตศึกษาในการหาวิธีการดูแลรักษาหน้าอย่างจริงจัง จากเมื่อก่อนเลือกซื้อเครื่องสำอางเพราะคำโฆษณา ความเชื่อ และความไว้ใจในชื่อเสียงของแบรนด์นั้นๆ
ตอนนี้จึงเริ่มตั้งกระทู้บนเว็บบอร์ดห้องโต๊ะเครื่องแป้ง เช่น การเลือกใช้เครื่องสำอางชนิดนี้แล้วได้รับผลที่ดีกับผิวหน้าอย่างไรบ้าง หลังจากการตั้งกระทู้ในแนวการดูแลรักษาผิวหน้าไประยะหนึ่งปรากฏว่าผลตอบรับกลับมาค่อนข้างดี จนกระทั่งคนที่ตามอ่านกระทู้บอกว่าทำไมไม่รวบรวมไปเขียนไว้บนบล็อก เนื่องจากมีกระทู้เข้ามาเยอะมากในแต่ละวันทำให้ค้นหายากและที่สำคัญคอนเทนต์มีอายุสั้น เมื่อกระทู้ใหม่มากระทู้เก่าจะถอดออกไปนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการเขียนบล็อกขึ้น

เรื่องราวจากประสบการณ์
เนื้อหาของบล็อกนำเสนอวิธี แนวทางต่างๆ ที่ใช้เวลาค้นคว้ามากับประสบการณ์ต่างๆ ที่เจอมาตลอดมากกว่า 10 ปี มาเล่าในมุมมองของผู้บริโภคหรือผู้ซื้อเครื่องสำอางคนหนึ่งที่เข้าใจผิดในการเลือกซื้อเครื่องสำอางมาโดยตลอด
ดังนั้น เนื้อหาที่เขียนจะไม่ใช่การขายสินค้าหรือเชียร์ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวใดตัวหนึ่ง แต่เป็นการเขียนจากมุมมองของคนที่เจอปัญหาเรื่องการเลือกเครื่องสำอางดูแลผิวหน้าและการเจอวิธีการแก้ปัญหาที่สามารถทำให้ผิวหน้ากลับมามีสุขภาพดีและมีความสุขกับชีวิตเหมือนเดิม ซึ่งใครมีปัญหามาอ่านก็จะได้รับความรู้และความสุขในการมีผิวหน้าที่ดีขึ้น
ปูเป้ เผยว่า ตอนเขียนบล็อกครั้งแรกไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนมาคอยตามอ่านมากเท่าไร เพียงแค่อยากเขียนเล่าประสบการณ์เรื่องการดูแลผิวหน้าเท่านั้น คนที่เข้ามาอ่านบล็อกส่วนใหญ่จะเน้นถาม-ตอบมากกว่า ซึ่งจะพยายามตอบทุกคำตอบ ถ้าไม่รู้ตอนนั้นและรู้สึกน่าสนใจจะบอกว่าขอไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและจะนำมาเล่าภายในบล็อกครั้งหน้า

คอนเทนต์พิเศษสำหรับบล็อก
ความสนใจจากฝั่งของแฟนบล็อกที่มีคำถามเข้ามาตลอดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ 3 อย่างคือ ครีมกันแดด เซรั่มวิตามินซี และบีบีครีม ว่าแบรนด์ไหนดี ทำให้เกิดเป็นโปรเจ็กต์ขึ้นในปีนี้ เพราะต้องการให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ครอบคลุมเพื่อตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ ให้เหมาะกับตัวเองอย่างแท้จริง จึงได้คิดทำเป็นฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดโดยรวบรวมทุกแบรนด์ที่มีวางขายในประเทศไทย เช่น ราคา ข้อดี ข้อเสีย เป็นต้น และให้ผู้อ่านไปเลือกเองว่าเขาเหมาะกับครีมกันแดดชนิดไหน อย่างน้อยจะได้ลดระยะเวลาในการซื้อมาทดลองใช้หลายแบรนด์
ปูเป้ เล่าว่า ในการทำโปรเจ็กต์ครั้งนี้ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับแบรนด์สินค้า แต่ในแง่ของการติดต่อขอสินค้ามาทดสอบเพื่อนำข้อมูลมาเขียนลงในฐานข้อมูลอาจขอสปอนเซอร์กับแบรนด์ที่รู้จัก ซึ่งจะเข้าใจกันอยู่แล้วว่าไม่สามารถควบคุมการเขียนคอนเทนต์ได้ เพราะเมื่อทดลองใช้สินค้าแล้วพบว่ามีข้อดีและข้อเสียอย่างไร ในฐานะบล็อกเกอร์ต้องเขียนรีวิวไปตามความจริงให้แก่ผู้บริโภคให้ได้รับประโยชน์สูงสุด

เปิดตัวด้วยช่องทางใหม่
ปูเป้ เผยความรู้สึกว่า ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าการไม่สนใจว่าใครคิดอย่างไรกับเราไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไร เพราะจากบทความที่เขียนออกไปค่อนข้างตรงไปตรงมามากในการเขียนรีวิวผลิตภัณฑ์ ทำให้บางคนอาจมองว่าเป็นคนก้าวร้าว รุนแรง และค่อนข้างจริงจังกับชีวิต
ดังนั้น การแก้ปัญหาที่ทำให้เราสบายใจและแฟนบล็อกได้รู้จักเรามากยิ่งขึ้นว่า โดยนิสัยที่แท้จริงแล้วเราเป็นคนอย่างไรกันแน่ จึงตัดสินใจสร้าง Chanel บน YouTube เป็นของตัวเองขึ้น โดยถ่ายคลิปวิดีโอในรูปแบบเพื่อนนั่งคุยกับเพื่อน ซึ่งจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตประจำวันว่าไปทำอะไร ที่ไหน มีอะไรมาแชร์ หรืออัพเดตบ้าง บางครั้งก็ถ่ายในบ้าน หรือนอกบ้านบ้างตอนไปเที่ยว ไปช้อปปิ้งกับเพื่อนๆ โดยจะมีเนื้อหาในแบบตัวตนที่แท้จริงเพื่อให้เห็นถึงมุมสนุกสนาน มุมบ้าบอให้คนที่ติดตามรู้จักมากยิ่งขึ้น ซึ่งในแต่ละคลิปจะมีเนื้อหาแทรกอยู่เสมอเกี่ยวกับการดูแลผิว การช้อปปิ้ง หรือการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ยังใช้ Facebook ติดต่อสื่อสารแฟนบล็อกเพิ่มอีกช่องทาง ซึ่งเมื่อก่อนทุกอย่างจะอยู่ในบล็อกอย่างเดียว หลังจากที่เริ่มมีคอนเทนต์ภายในบล็อกเพิ่มขึ้น ทำให้เข้าไปตอบคำถามในแต่ละเรื่องค่อนข้างลำบาก ตอบไม่ทันเพราะคนสนใจเข้ามาถามเยอะมาก ดังนั้น จึงแก้ปัญหาโดยเปิด Facebook เพื่อให้แฟนบล็อกที่มีข้อสงสัยหรือมีปัญหาเรื่องการดูแลผิวหน้ามาโพสต์และตอบคำถามในช่องทางนี้ ทำให้ปูเป้สามารถตอบคำถามได้เร็วและทุกคำถาม แฟนบล็อกเข้ามาได้ง่ายและเป็นเว็บฯ ที่เข้ามาประจำอยู่แล้ว
ปูเป้ เล่าถึงความต่างระหว่างช่องทางที่สร้างขึ้นว่า "สำหรับ Facebook จะเป็นคอนเทนต์เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของตนเอง เช่น ไปกินอะไรมา สถานที่ใดน่าสนใจ ความรู้สึกในเวลาต่างๆ เป็นต้น สำหรับบล็อกจะเป็นคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาจริงจัง ให้ข้อมูลตรงไปตรงมาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ และ Chanel YouTube เป็นคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาสบายสบาย ดูเพลินๆ มากกว่า
ซึ่งผลตอบรับกลับมาค่อนข้างดีมาก แฟนบล็อกได้คอมเม้นท์กลับมาว่าเขาไม่คิดว่าเราจะเป็นคนสนุกสนาน เป็นกันเอง และตลกๆ ทำให้กล้าที่จะเข้ามาพูดคุยมากขึ้น และบางคนถึงกับมาถามว่าเมื่อไหร่จะมีคลิปออกมาด้วย

คอนเทนต์ทำให้บล็อกมีพลัง
ปูเป้ แสดงความคิดเห็นว่า คนเปลี่ยนมาบริโภคข้อมูลผ่านเว็บไซต์และบล็อกมากขึ้น ในการช่วยตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ เครื่องสำอางเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนเริ่มเข้ามาศึกษาหาข้อมูลบนบล็อกมากขึ้น เพราะเข้าถึงง่าย ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง แต่เหนือสิ่งอื่นใดบล็อกเกอร์ต้องทำคอนเทนต์ให้น่าติดตามด้วย
ปูเป้ เล่าว่า การเป็นบล็อกเกอร์ทำให้ได้เรียนรู้เครื่องมือในการสร้างคอนเทนต์หลากหลายมากขึ้น ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดี เพราะทำให้เราสามารถถ่ายภาพและตัดต่อคลิปวิดีโอได้ด้วยตัวเอง จากตอนทำบล็อกช่วงแรกภาพถ่ายรูปแสงและองค์ประกอบต่างๆ ดูไม่ได้ มองแล้วไม่ดึงดูดให้เข้าไปอ่านเท่าไร

โอกาสดีๆ ที่ไม่คาดว่าจะได้
ปูเป้ ยอมรับว่า หากไม่ได้การยอมรับจากคนในสังคมออนไลน์ให้กลายเป็น Professional Beauty Blogger แล้ว คงไม่ได้รับโอกาสให้เขียนรีวิวโปรดักส์ เป็นวิทยากรเรื่องการดูแลรักษาผิวพรรณให้กับลูกค้าของแบรนด์สินค้าด้านความงาม รวมถึงการเป็นเทรนเนอร์เรื่องของการทำบล็อกให้กับพนักงานแบรนด์สินค้าด้วย เพราะแบรนด์ใหญ่ต้องการให้พนักงานเข้าใจเรื่องของบล็อกว่ามีหน้าที่อะไรสามารถต่อยอดอะไรได้บ้าง
นอกจากนี้ ยังได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการให้คำปรึกษาด้านการตลาดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งต้องการให้ยิ่งแชร์ในมุมของผู้บริโภคว่าแท้จริงแล้วผู้บริโภคต้องการอะไร เพื่อที่แบรนด์จะได้ส่งข้อมูลที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคออกไป
ปูเป้ แสดงความรู้สึกว่า ไม่คิดว่าความชอบส่วนตัวจะทำให้ก้าวมาถึงวันนี้ได้ เพราะถ้าไม่ได้มาเป็นบล็อกเกอร์ยังนึกไม่ออกว่าจะเข้าไปนั่งและแสดงความคิดเห็นในบริษัทผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้อย่างไร แต่ตอนนี้เมื่อได้รับโอกาสตรงนี้ทำให้ต้องรีบคว้าไว้และทำให้ดีที่สุด
"โอกาสที่ได้รับจะนำมาต่อยอดความฝันที่เป็นแรงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศไทยให้มีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น โดยจะเร่งพัฒนาคอนเทนต์และให้ความรู้แก่ผู้บริโภคชาวไทยเกี่ยวกับการเลือกซื้อเครื่องสำอาง เพราะต้องการให้ผู้บริโภคมีข้อมูลที่เพียงพอในการมีเหตุผลที่ดีในการเลือกซื้อสินค้ามากยิ่งขึ้น เชื่อว่าผู้บริโภคเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นให้ผู้ผลิตผลิตสินค้าที่มีคุณภาพออกมา"

 

 

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook