สรุปปิดท้ายงาน WWDC 2012

สรุปปิดท้ายงาน WWDC 2012

สรุปปิดท้ายงาน WWDC 2012
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สรุปงาน WWDC 2012 : Apple เปิดตัว MacBook Pro ตัวใหม่ หน้าจอ Retina Display บางเท่า MacBook Air ส่วน iOS 6 ไม่รองรับบน iPad 1 ตามคาด และ Siri ใช้งานบน The New iPad (iPad 3) ได้แล้ว

[12-มิถุนายน-2555] เปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับงาน World Wide Developers Conference 2012 หรือ WWDC 2012 กับอีเวนท์ที่สำคัญที่สุดของงาน ในช่วง Keynote ที่เป็นช่วงเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ของ Apple นั่นเอง โดยในงานนี้ ได้มีผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากครับ ดังที่จะเห็นได้จากข่าวบัตรเข้าชมงาน ที่ถูกจำหน่ายหมดลงอย่างรวดเร็ว ในเวลาแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น แสดงให้เห็นว่า งานนี้ เป็นงานที่มีคนให้ความสนใจมากเป็นพิเศษนั่นเอง

ก่อนที่เราจะมาเริ่มสรุปหัวข้อสำคัญในงาน WWDC 2012 นั้น มาดูบรรยากาศก่อนงานเริ่มกันครับ

สถานที่จัดงาน Moscone Center

หัวข้อหลักๆ ที่จะมาพูดคุย และเปิดตัวในงานครับ ได้แก่ iOS 6, OS X Mountain Lion และ iCloud

ผู้เข้าชมงาน คับคั่งเลยทีเดียว

บรรยากาศภายใน เต็มไปด้วยบรรดานักพัฒนา และผู้สื่อข่าว

ไฮไลท์สำคัญของงาน WWDC 2012 นั้น อยู่ที่การเปิดตัวสินค้าใหม่ครับ รวมไปถึงนวัตกรรมต่างๆ ของ Apple ทั้ง iOS 6 และ OS X Mountain Lion นอกจากนี้ ยังมีการสรุปผลงานในช่วงที่ผ่านมาด้วย ไปดูกันว่า ในช่วงเวลา 2 ชั่วโมงนั้น มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

App Store มีแอพพลิเคชั่นรวมทั้งหมด 650,000 แอพพลิเคชั่นแล้ว

สำหรับจำนวนแอพพลิเคชั่นบน App Store นั้น มีทั้งหมด 650,000 แอพพลิเคชั่นแล้วครับ โดย แบ่งเป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับ iPad ที่ 225,000 แอพพลิเคชั่นเลยทีเดียว รวมจำนวนดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นทั่วโลกที่ 3 หมื่นล้านดาวน์โหลดครับ

ซึ่งในตอนนี้ App Store มีแล้วใน 120 ประเทศ และกำลังจะมีเพิ่มอีก 32 ประเทศครับ ซึ่งจากที่เห็นในภาพ สีขาวของแผนที่ คือประเทศที่ยังไม่มี App Store นะครับ รวมถึงประเทศไทย ที่ยังไม่มี App Store อย่างเป็นทางการ (ถ้าหากมีเป็นทางการแล้ว เวลาเราคลิ๊กเพื่อซื้อแอพพลิเคชั่น จะต้องเปลี่ยนเป็นค่าเงินบาท เหมือนอย่าง Play Store ครับ แต่ App Store ของเรา ยังเป็นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่)

New MacBook Air และ New MacBook Pro ปรับสเปคใหม่ ดีไซน์เดิม ปรับราคาลงเล็กน้อย ขายแล้ววันนี้

สำหรับท่านที่รอการอัพเกรดทั้ง MacBook Air และ MacBook Pro นั้น ต้องขอบอกว่า สมใจอยากครับ เนื่องจากทั้ง 2 รุ่น ได้มีการปรับสเปคใหม่ทั้งคู่ โดยได้ใช้ชิปเซ็ทแบบ Ivy Bridge ซึ่งเป็นชิปเซ็ทตัวใหม่ล่าสุดนั่นเอง ทั้งนี้เพื่อมาต่อกรกับตลาดโน๊ตบุ๊ค และอัลตร้าบุ๊ค ที่กำลังมาแรงในปัจจุบันครับ

ออปชั่นเสริมที่เพิ่มเข้ามาใหม่บน New MacBook Air มีดังนี้

- ชิปเซ็ทแบบ Ivy Bridge
- ระบบประมวลผลแบบ Dual-core i7 ความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.0GHz (turbo boost up to 3.2GHz)
- หน่วยความจำ RAM สูงสุดที่ 8GB 1600MHz
- ประมวลผลภาพเร็วขึ้น 60%

- SSD สูงสุดที่ 512GB
- รองรับ USB 3.0
- FaceTime ความละเอียดสูงสุดแบบ HD 720p

สเปค New MacBook Air ทั้งรุ่น 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว เป็นดังนี้

ส่วน MacBook Pro นั้น มีการอัพเกรดสเปคเช่นเดียวกับ MacBook Air ครับ โดยมีออปชั่นเสริมดังนี้

- ชิปเซ็ทแบบ Ivy Bridge
- ระบบประมวลผลแบบ Quad-core i7 ความเร็วในการประมวลผลสูงสุด 2.7GHz (turbo boost up to 3.7GHz)
- หน่วยความจำ RAM สูงสุดที่ 8GB 1600MHz
- ประมวลผลภาพเร็วขึ้น 60%
- การ์ดจอ Nvidia GeForce GT 650M ประมวลผลสูงสุดที่ 1GHz เร็วขึ้น 60%
- รองรับ USB 3.0

สเปค MacBook Pro ทั้งรุ่น 13 นิ้ว และ 15 นิ้ว เป็นดังนี้

ทั้ง New MacBook Air และ New MacBook Pro ขายแล้ววันนี้ครับ

ตามคาด Apple เปิดตัว Next Generation MacBook Pro ใช้หน้าจอแบบ Retina display ตัวเครื่องบางลงเท่า MacBook Air ราคา $2,199 ขายแล้ววันนี้

เกิดข่าวลือกันมาหลายเดือน กับ MacBook Pro รุ่นพิเศษ ที่คาดว่า จะใช้หน้าจอแบบ Retina display และจะมีการออกแบบใหม่ ที่ว่ากันว่า น่าจะบางเท่า MacBook Air นั้น ในที่สุด ก็ได้เปิดตัวแล้วในงานนี้ครับ กับชื่อว่า Next Generation MacBook Pro กับดีไซน์ที่บอกได้เลยว่า บางลงกว่าเดิมจริงๆ ครับ นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่โดดเด่นอีกด้วย สรุปได้ดังนี้ครับ

- จอแสดงผลขนาด 15.4 นิ้ว แบบ Retina display ความละเอียด 2880 x 1800 พิกเซล
- ระบบประมวลผลแบบ Quad-core i7 Processor ความเร็ว 2.3 GHz
- RAM 8 GB อัพเกรดสูงสุด 16GB 1600MHz
- การ์ดจอ Nvidia GeForce 650M ความเร็ว 1GB
- ความจุในตัวเครื่องขนาด 256GB แบบ SSD อัพเกรดได้สูงสุด 768GB แบบ SSD
- แบตเตอรี่ใช้งานสูงสุด 7 ชั่วโมง
- พอร์ตการเชื่อมต่อ ประกอบด้วย SD card, HDMI, USB 3.0 สองพอร์ต, MagSafe 2, Thunderbolt 2 พอร์ต และช่องเสียบหูฟัง
- Multi-touch trackpad
- Backlit keyboard
- ไมโครโฟน 2 ตัว (Dual mics)
- รองรับ Wi-Fi และ Bluetooth 4.0
- ตัวเครื่องหนาเพียง 0.7 นิ้ว เท่ากับส่วนที่หนาที่สุดของ MacBook Air
- ราคา $2199 คิดเป็นเงินไทยประมาณ 66,000 บาท

Next Generation MacBook Pro

สรุปเรื่อง MacBook Air และ MacBook Pro ครับ

- MacBook Air และ MacBook Pro ดีไซน์เก่า มีการปรับสเปค ให้ใช้ชิปเซ็ทแบบ Ivy Bridge และเปลี่ยนความละเอียดของกล้องหน้า FaceTime เป็นแบบ HD (MacBook Air)
- MacBook Air และ MacBook Pro ดีไซน์เก่า ได้เพิ่มออปชั่นเสริม เช่น เพิ่ม RAM สูงสุดที่ 8GB
- Apple เปิดตัว MacBook Pro ตัวใหม่อีกรุ่น ที่มีชื่อว่า Next Generation MacBook Pro ที่มีจุดเด่นตรงที่ ความบางของตัวเครื่อง เท่ากับส่วนที่หนาที่สุดของ MacBook Air และใช้หน้าจอแบบ Retina display

OS X Mountain Lion เชื่อมต่อ iOS กับ OS X เข้าด้วยกัน เปิดให้ดาวน์โหลดกรกฏาคมนี้ ราคา $19.99

สำหรับ OS X Mountain Lion เคยเปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านั้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาครับ โดย OS X Mountain Lion ได้มีการปรับการใช้งานแทบจะทุกส่วนเลยก็ว่าได้ แต่ที่เน้นก็คือ การเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งาน โดยเป็นการเชื่อมต่อ OS X กับ iOS เข้าด้วยกันนั่นเอง โดย OS X Mountain Lion นั้น มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ดังนี้ครับ

iCloud

ในทุกๆ ครั้งที่เราได้ทำการแก้ไขไฟล์ที่อยู่บน iCloud ไม่ว่าจะเป็น Mail, Contacts, Bookmarks, Reminders, Photo Stream หรืออื่นๆ การแก้ไข หรือเพิ่มข้อมูลดังกล่าว จะปรากฎบนอุปกรณ์ iOS อื่นๆ ด้วย ทั้ง iPhone, iPad และ iPod Touch ครับ

Message

ลักษณะการทำงานของ Message บน Mac นั้น จะคล้ายกับ iMessage บน iOS ครับ ที่ผู้ใช้งานสามารถส่งข้อความแบบไม่จำกัดตัวอักษร, รูปภาพ, คลิปวิดีโอ, ไฟล์เอกสาร และรายชื่อผู้ติดต่อ ไปยังผู้ใช้งานทั้งบน Mac, ไอแพด (iPad), iPod Touch และไอโฟน (iPhone) ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องเสียค่าบริการเพิ่มแต่อย่างใด 

Reminders

คุณสมบัตินี้ ผู้ใช้งานสามารถสร้างรายการแบบ To-do-List บนอุปกรณ์เพียงอย่างเดียว แต่สามารถทำการแจ้งเตือนไปยังทุกอุปกรณ์ได้ ยกตัวอย่างเช่น สร้างรายการแจ้งเตือนมีนัดประชุมเวลา 9.00น. บน MacBook Air ซึ่งรายการดังกล่าว จะปรากฎไปยัง iPhone, iPod Touch หรือ iPad โดยที่เราไม่จำเป็นต้องสร้างรายการซ้ำ

Notes

กระดาษจดโน้ตบน iOS ได้มาเยี่ยมเยียน OS X เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ โดยแอพพลิเคชั่น Notes นี้ ไม่เพียงจะสามารถบันทึกข้อความเป็นตัวอักษรได้เท่านั้น แต่ยังสามารถแทรกรูปภาพ ได้อีกด้วย และเหมือนเช่นเคยครับ ทุกๆ ครั้งที่มีการจดโน้ต จะถูกแสดงบน iPhone, iPod Touch และ iPad เช่นเดียวกัน

Notification Center

ต่อจากนี้ไป ระบบแจ้งเตือน หรือ Notification Center นั้น จะไม่ถูกจำกัดเฉพาะบน iOS อีกต่อไปแล้วครับ โดย Notification Center นั้น จะทำการแจ้งเตือนเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อีเมลใหม่ๆ, ข้อความใหม่, FaceTime ที่ไม่ได้รับสาย, แจ้งเตือนตารางนัดหมาย และที่สำคัญคือ สามารถแจ้งเตือนเรื่องราวต่างๆ บน Twitter ได้อีกด้วย เนื่องจาก Twitter เป็นแอพพลิเคชั่นที่ถูก integration ให้เข้ารวมกับ OS X Mountain Lion เรียบร้อยแล้ว

Dictation

Dictation หรือระบบพิมพ์ตามคำบอก สามารถใช้งานบน OS X Mountain Lion ได้เช่นกันครับ ซึ่งการใช้งานก็คือ พูดสิ่งที่อยากจะให้ Dictation พิมพ์ตาม จากนั้น Dictation จะประมวลผลคำพูดของเรา ออกมาเป็นตัวอักษร โดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์นั่นเอง ที่สำคัญ Dictation ยังสามารถใช้งานได้กับ Microsoft Word ได้อีกด้วยครับ

Share Sheets

ฟีเจอร์ของคนชอบแชร์ กับ Share Sheets คุณสมบัติใหม่บน OS X Mountain Lion ไม่ว่าจะเป็นลิงค์เว็บที่น่าสนใจบน Safari, รูปภาพ, คลิปวิดีโอ หรือแม้แต่การส่ง Notes ผ่านอีเมล และเมสเสจ โดยสามารถเลือกเครือข่ายการแชร์ได้หลายประเภท เช่น Twitter, Flickr, AirDrop, Message รวมไปถึงอีเมล

Safari ใหม่

สำหรับ Safari บน OS X Mountain Lion นี้ ได้มีการเพิ่มไอคอน iCloud เข้ามาครับ โดย iCloud บน Safari จะเป็นการรวบรวม Bookmarks ทั้งจากบน iPhone, iPad หรือ iPod Touch มาแสดงบน OS X ด้วย เหมือนเป็นการซิงค์ Bookmarks มานั่นเอง

Twitter สามารถโต้ตอบตรง Notification Center ได้เลย

ข้อดีของการ integration แอพพลิเคชั่น Twitter ให้มา เป็นหนึ่งเดียวกับ OS X Mountain Lion นั้น ก็คือ สามารถโต้ตอบได้เลยทันที โดยไม่ต้องเข้าเว็บไซต์ Twitter ให้เสียเวลาครับ ซึ่งความสะดวกของการใช้งาน Twitter นั้น อยู่ที่ ถ้าหากมีการแจ้งเตือนจาก Twitter ปรากฎในส่่วนของ Notification Center ผู้ใช้งานสามารถเข้าโต้ตอบได้เลยทันที อีกทั้ง ยังสามารถใช้ Dictation สั่งให้พิมพ์ได้อีกด้วย

Power Nap

Power Nap เป็นเทคโนโลยีใหม่บน OS X ครับ โดย Power Nap นั้น จะคอยอัพเดทเครื่อง Mac หรือแบ็คอัพข้อมูลให้ แม้กระทั่งอยู่ในโหมด sleep ครับ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ มีเฉพาะบน MacBook Air Gen 2 ขึ้นไป และ Next Generation MacBook Pro (รุ่นที่ใช้หน้าจอ Retina display) เท่านั้น คาดว่าเป็นเพราะทั้ง 2 รุ่นนี้ ใช้ความจุในตัวเครื่องแบบ SSD นั่นเองครับ

AirPlay Mirroring

ดึงคอนเทนต์บน Mac มาเล่นบนอุปกรณ์อื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น เว็บเพจ, รูปภาพ, วิดีโอ, แชร์บทเรียน หรือเล่นไฟล์ภาพยนตร์ความละเอียดสูง ผ่านทาง Apple TV ได้อีกด้วย

Game Center

ศูนย์รวมเกมบน iOS ทั้ง ไอแพด (iPad), iPod Touch และ ไอโฟน (iPhone)) ตอนนี้ มาโลดแล่นอยู่บน OS X Mountain Lion เรียบร้อยแล้วครับ โดยผู้ใช้งานแค่ทำการลงทะเบียน แล้วลงชื่อเข้าใช้งาน เพียงแค่นี้ก็สามารถเลือกเกมมาเล่นได้แล้วล่ะครับ

ฟีเจอร์พิเศษ สำหรับคนจีน

Apple บุกตลาดแดนมังกรเต็มพิกัดครับ ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับชาวจีนโดยเฉพาะ ด้วยการปรับปรุงวิธีการพิมพ์ภาษาจีนแบบใหม่, เพิ่ม Dictionary ส่วนบน Safari นั้น รองรับ Baidu ครับ

สำหรับราคาของ OS X Mountain Lion อยู่ที่ $19.99 หรือประมาณ 600 บาท เปิดให้ดาวน์โหลดเดือนกรกฏาคมนี้ ส่วนนักพัฒนา เปิดให้ดาวน์โหลดแล้ววันนี้ครับ

iOS 6 : เพิ่มคำสั่งให้ Siri เปิดตัว Apple Maps และแอพพลิเคชั่นใหม่ Passbook

ปิดท้ายงานกันที่ iOS 6 ครับ ซึ่ง iOS 6 นั้น ได้เพิ่มการใช้งานในหลายๆ ด้าน รวมไปถึงเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน สรุปได้ดังนี้ครับ

Siri รองรับคำสั่งเพิ่มมากขึ้น รองรับภาษาเพิ่มขึ้น และมีให้ใช้งานบน The new iPad (iPad 3) แล้ว

สำหรับผู้ช่วยอัจฉริยะบน ไอโฟน 4S (iPhone 4S) อย่าง Siri บน iOS 6 นั้น รองรับคำสั่งเพิ่มมากขึ้น 3 อย่างด้วยกัน ซึ่งได้แก่

- สอบถามด้านการกีฬา : ยกตัวอย่างเช่น ถาม Siri ว่า แมตช์การแข่งขันบาสเกตบอลนัดนี้ ใครชนะ คะแนนเท่าไหร่ หรือสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนักกีฬา เป็นต้น
- สอบถามด้านร้านอาหาร : โดย Siri จะทำการเลือกตำแหน่งร้านที่ใกล้เคียงผู้ใช้งานมากที่สุด ซึ่งเลือกตามอันดับ rating ด้วย ไม่เพียงเท่านี้ Siri ยังสามารถหาข้อมูลของร้านอาหารได้ เช่น เวลาเปิด-ปิดร้าน, เบอร์โทรศัพท์, ตำแหน่งที่ตั้ง, เว็บไซต์ รวมไปถึง จองโต๊ะได้อีกด้วย
- สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์ : ยกตัวอย่างเช่น ถามรอบหนัง, หาภาพยนตร์ที่นักแสดงคนโปรดแสดง เป็นต้น

Eyes Free

นอกจากนี้ Siri ยังมีฟีเจอร์เพิ่มขึ้นมาใหม่ ที่เรียกว่า Eyes Free ครับ โดยฟีเจอร์นี้ เป็นฟีเจอร์ที่ถูกฝังเข้ากับรถยนต์บางรุ่น เช่น โตโยต้า, ฮอนด้า, เบนซ์, บีเอ็มดับเบิ้ลยู และอื่นๆ ซึ่งเป็นปุ่มกดที่พวงมาลัยรถ เพื่อเปิดการใช้งาน Siri นั่นเอง โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องหยิบ iPhone เพื่อกดปุ่ม Home เพื่อใช้งาน Siri ครับ ซึ่งถือว่า เป็นความปลอดภัยในการขับขี่ได้ส่วนหนึ่งด้วย

ส่วนยี่ห้อรถยนต์ที่จะมีปุ่มกดใช้งาน Siri นั้น ได้แก่ BMW, GM, Mercedes, Land Rover, Jaguar, Audi, Toyota, Chrysler และ Honda กว่าเราจะได้เห็นตัวจริง คงต้องรอไปอีกปีครับ

รองรับภาษาเพิ่มขึ้น

Siri ใช้งานบน The new iPad (iPad 3) ได้แล้ว

ปิดท้ายฟีเจอร์บน Siri ด้วยการเพิ่มการรองรับภาษาเพิ่มขึ้นอีก หลักๆ คือ ภาษาเกาหลี ภาษาจีน (ทั้งจีนกลาง และกวางตุ้ง) ภาษาสเปน ภาษาอิตาลี ซึ่งทำให้ Siri รองรับภาษารวมทั้งหมด 8 ภาษา 19 สำเนียง ยังไม่รองรับภาษาไทย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งาน Siri บน The new iPad (iPad 3) ได้อีกด้วย

iOS 6 รวมเป็นหนึ่งเดียวกับ Facebook

เชื่อมต่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook ได้ง่ายขึ้น โดยที่ไม่ต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติม เนื่องจาก iOS 6 นั้น ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับ Facebook เรียบร้อยแล้วครับ ไม่ว่าผู้ใช้งานอยากจะแชร์รูป, ข้อความ, คลิปวิดีโอ หรือเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ สามารถทำได้เลยทันทีจากหน้านั้น เรียกได้ว่า สะดวก และรวดเร็วต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี

หมดกังวลเรื่องรับสายไม่ได้ ด้วยการส่งข้อความกลับไป หรือแจ้งเตือนในภายหลัง

ตอบกลับด้วยข้อความ

จากการรับสายแบบเดิมๆ ในกรณีที่ไม่สะดวกรับสายในช่วงเวลานั้น ด้วยการตัดสายทิ้งเพียงอย่างเดียว กลายเป็นการส่งข้อความไปบอกแทนครับว่า ตอนนี้ไม่ว่างรับจริงๆ จะโทรกลับในภายหลัง ซึ่งใน iPhone นั้น จะมีข้อความแบบ default 3 อย่างก็คือ I'll call you later, I'm on my way และ What's up? แต่เราสามารถสร้างข้อความส่วนตัวเพิ่มเติมได้ ด้วยการเข้าไปที่ Custom... ครับ

แจ้งเตือนให้โทรกลับหมายเลขที่ไม่ได้รับสาย

นอกจากการส่งเมสเสจไปบอกแล้ว ยังสามารถตั้งการแจ้งเตือนได้อีกด้วยว่า จะให้โทรกลับเมื่อใด

ฟีเจอร์ Do Not Disturb

เพิ่มเติมอีกนิด กับหมวดโทรศัพท์ ด้วยฟีเจอร์ Do Not Disturb กันการรบกวนในช่วงกลางคืน ทั้งข้อความเมสเสจ, สายเรียกเข้า และการแจ้งเตือนต่างๆ ซึ่งถ้าหากผู้ใช้งาน ตั้งสเตตัสว่า Do Not Disturb เวลามีสายเข้า หน้าจอจะไม่สว่างขึ้น หรือไม่มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นนั่นเองครับ อย่างไรก็ดี Do Not Disturb ยังสามารถกำหนดเบอร์เฉพาะ ให้โทรเข้าได้ในเวลากลางคืนอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังสามารถกำหนดเวลาได้ว่า จะตั้งค่าโทรศัพท์ให้เป็น Do Not Disturb ได้เมื่อไหร่

ใช้งาน FaceTime ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือได้แล้ว

เป็นปัญหากันอยู่พักใหญ่ กับข้อจำกัดในการใช้งาน FaceTime ที่สามารถใช้งานได้เฉพาะ Wi-Fi เท่านั้น แต่ล่าสุดบน iOS 6 สามารถใช้งาน FaceTime ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ทั้ง 3G และ 4G ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แชร์ภาพจาก Photo Streams ได้

ลักษณะแบบนี้ คล้ายกับว่า Apple มี Social network ส่วนตัวเลยก็ว่าได้ครับ เพราะการแชร์ภาพจาก Photo Streams นั้น คล้ายกับเราโพสภาพลง Facebook นั่นเอง โดยสามารถ tag เพื่อนที่อยู่ในภาพได้ และคอมเมนต์ใต้ภาพได้อีกด้วย

Passbook รวม boarding pass, store cards และ ticket ไว้ที่เดียวกัน

หมดปัญหาเรื่องการลืม boarding pass หรือทำตั๋วหนังหล่นหาย ด้วยแอพพลิเคชั่น Passbook ครับ โดย Passbook นี้ สามารถนำไปใช้งานได้จริง อย่างเช่น การสแกน boarding pass ตอนเช็คอิน หรือใช้คูปองส่วนลด เป็นต้น นอกจากนี้ ยังปรากฎรายละเอียดของตั๋วชนิดต่างๆ เช่น วันหมดอายุ, ยอดเงินที่เหลือ และอื่นๆ อีกมากมาย

iOS 6 ใช้ Apple Maps แทน Google Maps

Turn-by-turn navigation

ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน Google ได้ทำการเปิดตัว Google Maps โฉมใหม่ ที่มีฟีเจอร์การใช้งานเพิ่มขึ้นมากมาย ส่วนทาง Apple นั้น ก็มีข่าวว่า จะเลิกใช้ Google Maps บน iOS 6 แล้ว เนื่องจากสามารถพัฒนา Apple Maps ได้เป็นของตัวเองครับ ซึ่ง Apple Maps นั้น มีฟีเจอร์การใช้งานที่น่าสนใจ ดังนี้ครับ

- การออกแบบตามแบบฉบับของ Apple ให้รายละเอียดของแต่ละจุดได้ดี
- ฟีเจอร์ Flyover มุมมองในแนวสูงแบบ 3 มิติ ให้ความสมจริง
- ระบบนำทาง navigation แบบ Turn-by-turn ที่มีลักษณะการใช้งานเหมือน GPS อย่างเช่น อีก 100 เมตร เลี้ยวขวา เป็นต้นครับ
- รองรับการแสดงแผนที่แบบ 3 มิติ
- สามารถแสดงสภาพการจราจรแบบ Real-time ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางรถติด

Traffic แสดงสภาพการจราจรแบบเรียล-ไทม์

Flyover ภาพมุมสูงแบบ 3 มิติ

iOS 6 ไม่สามารถใช้งานบน iPad 1 ได้

ข่าวร้ายสำหรับผู้ใช้งาน iPad รุ่นแรก หรือ iPad 1 ที่ไม่สามารถอัพเดท iOS 6 มาใช้งานได้ครับ โดย iOS 6 นั้น รองรับเฉพาะ iPhone 3GS, iPhone 4, iPhone 4S, iPad 2, The new iPad (iPad 3) และ iPod Touch Gen 4 เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ ยังเป็นเวอร์ชั่น beta อยู่ ใช้งานได้เฉพาะนักพัฒนาครับ

บทสรุป สิ่งที่น่าสนใจ ในงาน WWDC 2012

1. Next Generation MacBook Pro

สำหรับใครที่รอ MacBook Pro ดีไซน์ใหม่ ต้องบอกว่า งานนี้สมใจอยากแน่นอน เพราะในงาน WWDC 2012 ได้เปิดตัว Next Generation MacBook Pro เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ซึ่งความหนาของ Next Generation MacBook Pro นั้น เท่ากับส่วนที่บางที่สุดบน MacBook Air เลยทีเดียว นอกจากนี้ Next Generation MacBook Pro ยังใช้หน้าจอแบบ Retina display ความละเอียดสูง และมีสเปคบางส่วน ที่ถึงเอาจุดเด่นของ MacBook Air มาใช้ เช่น ใช้ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD แทนฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็ก ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิมในตระกูล MacBook Pro เป็นต้น

2. เปลี่ยนจาก Google Maps มาใช้ Apple Maps ที่พัฒนาขึ้นเอง (iOS 6)

จากข่าวคราวที่ว่า Apple จะเลิกใช้ Google Maps แล้วเปลี่ยนมาใช้ Apple Maps ที่ทาง Apple พัฒนาขึ้นมาเองนั้น ทำให้เกิดความน่าสนใจตรงที่ว่า ถ้าหาก Apple เลิกใช้ Google Maps จริง แสดงว่า Apple Maps จะต้องมีการใช้งานที่เทียบเท่า หรือมากกว่าอย่างแน่นอน ซึ่ง Apple Maps นั้น มีฟีเจอร์การใช้งานที่ถือว่า น่าสนใจมากครับ โดยเฉพาะ Turn-by-turn Navigation หรือระบบการนำทางด้วยเสียง ซึ่งสามารถใช้ได้จริงในประเทศไทยด้วยครับ ในขณะที่ฟีเจอร์บางอย่างเช่น Flyover แบบ 3 มิติ ถึงแม้จะยังไม่สามารถใช้งานในไทยได้ก็ตาม แต่ก็ถือว่า ทดแทนการใช้งาน Google Maps ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ Apple Maps ยังมี User Interface ที่คล้ายกับ Google Maps อีกด้วย ใช้งานได้ไม่ยากครับ

3. ฟังก์ชั่นการใช้งานโทรศัพท์ เพิ่มปุ่มส่งข้อความ ในกรณีที่ไม่สามารถรับสายได้ (iOS 6)

จากการใช้งานแบบก่อน เวลามีสายเรียกเข้า แต่ไม่สะดวกรับสาย ต้องปล่อยให้สายตัดไปเอง หรือกดตัดสาย ตอนนี้ iOS 6 ได้เพิ่มปุ่มสำหรับส่งข้อความ หรือแจ้งเตือนให้โทรกลับเข้ามาแล้ว ถือว่า มีประโยชน์ต่อการใช้งานมากเลยทีเดียว

4. Siri สามารถใช้งานบน The new iPad (iPad 3) ได้แล้ว (iOS 6)

Siri ไม่ได้ถูกจำกัดความสามารถบน iPhone 4S อีกต่อไป เพราะในตอนนี้ Siri สามารถใช้งานบน The new iPad (iPad 3) ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ อีกทั้งยังรองรับภาษาเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ใครใช้ iPhone 4S หรือ The new iPad (iPad 3) สามารถทดสอบความสามารถของ Siri กันได้เลย

5. iOS 6 ไม่รองรับบน iPad 1

ข่าวดีของผู้ใช้งาน iPhone 3GS แต่กลับเป็นข่าวร้ายของผู้ใช้งาน iPad รุ่นแรก หรือ iPad 1 ที่ไม่สามารถอัพเดท iOS 6 ได้ ทั้งๆ ที่ iPad 1 มีสเปคที่ใหม่กว่ามาก ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะฟีเจอร์ที่เพิ่มมาใหม่บน iOS 6 นั้น ไม่สามารถใช้งานได้ครอบคลุมบน iPad 1 ได้นั่นเอง

6. OS X Mountain Lion เป็นหนึ่งเดียวกับ iOS

การเปิดตัว OS X Mountain Lion ในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่า การใช้งานแทบจะทุกอย่าง มีการนำจุดเด่นของ iOS เข้ามาใช้เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่น Messages, Notes หรือ Reminder รวมถึง Game Center ที่ผู้ใช้งาน OS X สามารถเล่นเกมบน iOS ได้แล้ว นอกจากนี้ ยังสะดวกสบายด้วย iCloud กับการใช้งานในทุกๆ ที่ ทุกอุปกรณ์อีกด้วยครับ

7. ความหวังครั้งสุดท้าย iPhone 5 ไม่เปิดตัวในงานนี้

สำหรับใครที่เฝ้ารอ ไอโฟนรุ่นใหม่ หรือ ไอโฟน 5 (iPhone 5) คงต้องผิดหวังไปตามๆ กันครับ เนื่องจากในงาน WWDC 2012 ไม่มีการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ครับ แต่คาดว่า ประมาณเดือนกันยายน - ตุลาคม น่าจะมีการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) พร้อมกับเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไป ดาวน์โหลด iOS 6 ด้วย ต้องคอยติดตามครับ

รายละเอียดเพิ่มเติม : apple.com , engadget.com , theverge.com

ขอบคุณเนื้อหา และภาพประกอบ จาก techmoblog.com 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook