ตรวจแถวตลาดสมาร์ทโฟน ก่อน "ไอโฟน" รุ่นใหม่ลงตลาด

ตรวจแถวตลาดสมาร์ทโฟน ก่อน "ไอโฟน" รุ่นใหม่ลงตลาด

ตรวจแถวตลาดสมาร์ทโฟน ก่อน "ไอโฟน" รุ่นใหม่ลงตลาด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตรวจแถวตลาดสมาร์ทโฟน ก่อน "ไอโฟน" รุ่นใหม่ลงตลาด

ช่วงนี้บรรดาคอ "ไฮเทค" ต่างเฝ้ารอการมาถึงของ "ไอโฟน" รุ่นใหม่ที่ไม่เพียงการคาดการณ์กันไปต่าง ๆ นานา แต่ยังมีข้อมูลที่ว่ากันว่า "วงใน" (มาก) แพร่สะพัดในโลกออนไลน์ เพราะมีทั้งสเป็กเครื่อง และระดับราคาออกมาก่อนล่วงหน้า ที่ฮือฮามากเป็นพิเศษเห็นจะเป็น "ไอโฟน" รุ่นราคาถูก จะมีกี่รุ่นใหม่ และราคาจะถูกแค่ไหนคงไม่มีใครคอนเฟิร์มได้ดีเท่ากับ "แอปเปิล" ต้นสังกัด


ปกติคิวเปิดตัวสินค้าใหม่ของ "แอปเปิล" จะอยู่ในช่วงเดือน ก.ย. เหมือนทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา หนนี้จึงเป็นอีกครั้งที่ต้องอดใจรอ ระหว่างนี้ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะบรรดาสาวก "แอปเปิล" รอลุ้นด้วยใจระทึกพลัน แต่จะส่งผลถึงขั้นทำให้เกิดการชะลอซื้อหรือไม่ น่าคิด

"ประชาชาติธุรกิจ" อาสาไปเดินสำรวจร้านค้าในมาบุญครอง แหล่งซื้อขายโทรศัพท์มือถืออันดับต้น ๆ ของเมืองไทย บรรดาร้านค้าหลายรายให้ความเห็นไปในทางเดียวกันว่า ถึงไอโฟนรุ่นใหม่จะเปิดตัวแต่เชื่อว่าจะไม่มีสินค้าใหม่วางจำหน่ายในเดือนหน้าอย่างแน่นอน และถึงจะมีรุ่นใหม่ก็เชื่อว่าจะไม่ถูกกว่า 15,000 บาท สำหรับรุ่นราคาถูกแม้จะลดสเป็กและวัสดุต่าง ๆ ลงก็ตาม พร้อมกับให้เหตุผลว่าทำให้คนที่มีงบประมาณจำกัดหันไปซื้อสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์อยู่ดี

"ลูกค้าไม่ได้สอบถามเรื่องนี้มากนัก เพราะข่าวลือก็คือข่าวลือ และไม่ได้ทำให้ยอดขายไอโฟนรุ่นต่าง ๆ ตกลงแต่อย่างใด เพราะปัจจุบันมีสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์เข้ามาในตลาดหลายรุ่น บางตัวสเป็กดีกว่ามาก แต่ความต้องการและความคิดของลูกค้ายังคงเลือกไอโฟน เพราะรูปลักษณ์และการใช้งานง่าย" ร้านค้าแห่งหนึ่งกล่าว

สำหรับราคาไอโฟนรุ่นต่าง ๆ มีดังนี้ ไอโฟน 5 เครื่องศูนย์ ความจุ 16 GB ราคา 22,900 บาท ความจุ 32 GB ราคา 26,500 บาท ความจุ 64 GB ราคา 29,900 บาท

ถ้าเป็นเครื่องหิ้วจากต่างประเทศราคาจะอยู่ที่ 20,000 บาท, 22,000 บาท และ 24,000 บาทตามลำดับ หากมีปัญหาไม่สามารถส่งซ่อมกับศูนย์ประจำประเทศได้ ต้องซ่อมกับร้านค้าต่าง ๆ เท่านั้น

ส่วนไอโฟน 4S เครื่องศูนย์ราคาอยู่ที่ 19,500 บาท มีแค่รุ่นความจุ 16 GB เท่านั้น เครื่องหิ้วราคาถูกกว่า 3-5 พันบาท ขณะที่ไอโฟน 4 เครื่องศูนย์ราคา 14,500 บาท มีเฉพาะรุ่นความจุ 8 GB ราคา

เครื่องหิ้วถูกกว่า 2-3 พันบาท

อย่างไรก็ตาม การหิ้วเครื่องไอโฟนเข้ามาจำหน่ายอาจไม่มากเหมือนช่วงที่เพิ่งเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เพราะต้นทุนและการหาซื้อของลูกค้าง่ายขึ้นเมื่อโอเปอเรเตอร์ทุกรายได้รับอนุญาตจากแอปเปิล ที่ยังมีการจำหน่ายเครื่องหิ้วอยู่บ้างนั้น เนื่องจากเรื่องกำไรต่อเครื่องมากกว่าการขายสินค้าของโอเปอเรเตอร์ ทำให้ไม่ต้องดิ้นรนขายอุปกรณ์เสริมเพื่อหารายได้เพิ่ม โดยเครื่องส่วนใหญ่หิ้วเข้ามาจากสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ทุกร้านจะอันล็อกให้สามารถใช้งานในประเทศไทยได้ทันที

นอกจาก "ไอโฟน" แล้ว อีกแบรนด์ที่เคยมาแรง แต่ปัจจุบันแผ่วลงไปมาก คือ "แบล็คเบอร์รี่"เท่าที่เดินสำรวจในมาบุญครอง พบว่าแทบทุกร้านค้ามีแต่แบล็คเบอร์รี่ "มือสอง" วางจำหน่าย แต่รุ่นใหม่มีเพียงการวางกล่องโชว์ไว้เท่านั้น ที่สำคัญเครื่องที่วางขาย

ส่วนใหญ่เป็นเครื่องหิ้ว เพราะราคาเครื่องที่จำหน่ายในประเทศไทยค่อนข้างสูง เช่น รุ่น Q10 (มีคีย์บอร์ดพร้อมหน้าทัชสกรีน) ราคา 22,900 บาท และ Z10 ฟูลทัชสกรีน ราคาที่ 15,900 บาท ถ้าเครื่องหิ้วรุ่น Q10 เหลือ 1.7 หมื่นบาท และ Z10 อยู่ที่ 1.3 หมื่นบาท รวมถึงมีรุ่น Q5 ที่ยังไม่มีการนำเข้ามาในไทย ราคาราว 1.2 หมื่นบาท

ร้านค้าแห่งหนึ่งกล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ยังพอมีลูกค้ามาซื้อสมาร์ทโฟน แบล็คเบอร์รี่อยู่บ้าง ส่วนใหญ่ซื้อเครื่องหิ้ว แม้คีย์บอร์ดบนเครื่องจะเป็นภาษาอังกฤษ และหาเปลี่ยนเป็นภาษาไทยค่อนข้างลำบาก ไม่เหมือนในอดีตที่มีแผงคีย์บอร์ดภาษาไทยวางขายกันเกลื่อน เพราะการใช้งานหลัก ๆ บนแบล็คเบอร์รี่ คือ อีเมล์ และการคุยงาน ดังนั้นภาษาจึงไม่น่าเป็นเรื่องสำคัญ

นอกจากนี้ที่ลูกค้าหันมานิยมซื้อเครื่องหิ้วน่าจะมาจากราคาเครื่องศูนย์ในไทยค่อนข้างสูง ซึ่งกลุ่มที่ซื้อเครื่องหิ้วต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เครื่องที่ซื้อไปจะประกันกับร้านจำหน่ายเท่านั้น

กลับมาที่ (อดีต) บิ๊กบราเทอร์แห่งวงการมือถือ "โนเกีย" บ้าง ร้านค้าต่าง ๆ มีสินค้าโนเกียวางจำหน่าย ส่วนใหญ่เน้นไปที่เครื่องรุ่นที่มีราคาไม่แพง เช่น ซีรีส์ "อาช่า" โดยรุ่นอาช่า 501 ขายได้ดีเกินคาด ทำให้ "ราคา" ขึ้นลงเป็นว่าเล่น เพราะสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ หลังจากวางตลาดไปเพียง 2 เดือนเศษเท่านั้น ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 2,990 บาท ว่ากันว่า ช่วงสินค้าขาดตลาด ราคาพุ่งขึ้นไปที่ 3,500 บาท ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 3,200 บาท

จากการสอบถามร้านค้าต่าง ๆ พบว่า "โนเกีย" ยังขาย "ฟีเจอร์โฟน" ทั้งรุ่นหน้าจอขาวดำ และสีได้เรื่อย ๆ เพราะผู้บริโภคมองว่าสินค้าแบรนด์โนเกียทนทานกว่าเครื่องยี่ห้ออื่น

ส่วน "ไฮเอนด์" เช่น ซีรีส์ ลูเมีย รุ่น 925 ขยับราคาลง 2,000 บาท เหลือ16,500 บาท ขณะที่ลูเมีย 920 เหลือ 12,000 บาท หลังเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้วที่ 21,500 บาท

อย่างไรก็ตาม รุ่นที่ขายดีสำหรับโนเกียใน "ซีรีส์ลูเมีย" คือรุ่น 720 เนื่องจากราคาไม่สูงเกินไปนัก จุดเด่นเครื่องรุ่นนี้อยู่ที่กล้องความคมชัดสูง พร้อมแอปพลิเคชั่นที่ทำให้การถ่ายภาพสวยมากขึ้น

"ลูกค้าที่มาซื้อโนเกียจะหารุ่นอาช่า 501 จากการโฆษณาที่ใช้แอปพลิเคชั่นได้เหมือนแอนดรอยด์ ในราคาไม่ถึง 3,000 ช่วงนั้นยังไม่มีสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นใด ยี่ห้อใดราคาต่ำขนาดนั้น ทำให้มีลูกค้าเข้ามาซื้อจนสินค้าไม่พอขายถึงกับมีการขึ้นราคา"

สำหรับแอนดรอยด์รุ่นราคาถูก หลัง "ซัมซุง" ครองตลาดมาตลอด หลายแห่งเริ่มเปลี่ยนมาขาย "เลอโนโว" รุ่น A390 (ราคา 2,990 บาท) เป็นสมาร์ทโฟนราคาถูกที่ร้อนแรงมากในมาบุญครองขณะนี้

โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าที่อยากใช้สมาร์ทโฟน "แอนดรอยด์"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook