วิธีอัพเดต iOS ให้ชัวร์ ข้อมูลไม่หาย และการแก้ปัญหาหน้าจอขึ้นให้เชื่อมต่อ iTunes

วิธีอัพเดต iOS ให้ชัวร์ ข้อมูลไม่หาย และการแก้ปัญหาหน้าจอขึ้นให้เชื่อมต่อ iTunes

วิธีอัพเดต iOS ให้ชัวร์ ข้อมูลไม่หาย และการแก้ปัญหาหน้าจอขึ้นให้เชื่อมต่อ iTunes
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วิธีอัพเดต iOS ให้ชัวร์ ข้อมูลไม่หาย และการแก้ปัญหาหน้าจอขึ้นให้เชื่อมต่อ iTunes

ในช่วงที่ผ่านมานี้ Apple ได้ปล่อย iOS 8 ให้ผู้ใช้ iPhone , iPad , iPod touch ได้ทำการอัพเกรดกันแล้ว ซึ่งล่าสุดก็มีการปล่อยเวอร์ชั่น 8.0.2 มาให้อัพเดตแก้บั๊กต่างๆ โดยผู้อุปกรณ์ที่รองรับการอัพเดตครั้งนี้ก็คงได้ทำการอัพเดตกันไปบ้าง แต่ก็ยังมีผู้ใช้หลายคนที่ยังไม่ได้อัพเดตเนื่องจากกังวล กลัวปัญหา “ข้อมูลหาย” ซึ่งเป็นปัญหาที่มีผู้ใช้หลายคนเจอหลังจากการอัพเดตเสร็จสิ้น และที่หนักไปกว่านั้น ผู้ ใช้บางรายอาจจะเจอปัญหาระหว่างการอัพเดตที่ไม่สมบูรณ์ทำให้ปรากฏหน้าจอขึ้น ให้เสียบกับ iTunes แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หากมีการอัพเดตที่ถูกต้อง และการป้องกันก่อนการอัพเดต

apple-ios-8

ปัญหาข้อมูลหายเป็นเรื่องที่พบบ่อยหลังจากผู้ใช้อุปกรณ์ Apple อัพเดตข้อมูลเสร็จสิ้น จนทำให้ผู้ใช้คนอื่นๆไม่กล้ากดอัพเดตตาม หรือบางรายอัพเดตไปเรื่อยๆ แต่เจอกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด อย่างการขึ้นหน้าจอให้เสียบกับ iTunes ซึ่งจริงๆแล้วปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากอุปกรณ์ที่ผิดพลาดเพียงอย่างเดียง แต่เกิดจากความประมาทจากผู้ใช้งานที่ไม่ระวัง ไม่ทำตามขั้นตอนในการอัพเดตที่ถูกต้อง หรืออาจไม่ใช้เทคโนโลยีที่อยู่แล้วอย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่าวิธีการอัพเดตที่ดีควรได้อย่างไรบ้าง

ขั้นตอนการอัพเดต iOS ที่ถูกต้อง อัพเดตอย่างไรให้สมบูรณ์?

1. ก่อนการอัพเดต ให้ทำการ Backup ข้อมูลทุกครั้งโดยวิธีการ back up มี 2 แบบ คือ Backup ผ่าน iTunes ในคอมพิวเตอร์ และ การ Backup ไว้บน iCloud

สำหรับบน iTunes นั้นเป็นวิธีที่สามารถใช้ได้กับ iOS ทุกรุ่น ซึ่งรองรับตั้งแต่ iPad2 ที่ไม่เคยอัพเดตระบบปฏิบัติการใหม่เลย (รุ่นที่มากับ iPad2 ตอนจำหน่ายครั้งแรกคือ iOS 4.3 )  จนถึง อุปกรณ์ iOS รุ่นล่าสุด  อย่างไรก็ตามแม้ไม่เคยอัพเดตมาก่อน ก็สามารถอัพเดตข้ามไปสู่ iOS8 ได้ โดยไม่ต้องอัพเดตทีละเวอร์ชั่น หลายๆรอบ เพียงแค่ดาวน์โหลดโปรแกรม itunes เวอร์ชั่นล่าสุดติดตั้งลงคอม แล้วเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ iOS ผ่านสายเคเบิล USB แล้วคลิกตามขั้นตอน ซึ่งรายละเอียดขั้นตอนการอัพเดตผ่าน iTunes มีดังนี้

รายชื่อรุ่นที่รองรับการอัพเดตสู่ iOS8 ได้ คือ 

  • iPhone ตั้งแต่รุ่นiPhone 4s ขึ้นไป
  • iPod Touch Gen 5
  • iPad ตั้งแต่รุ่น iPad 2 ขึ้นไป

2. จัดการพื้นที่บน อุปกรณ์ให้มีที่ว่างเพียงพอ โดยเตรียมพื้นที่ว่างบนอุปกรณ์ iOS ของคุณไม่ต่ำกว่า 5GB ขึ้นไป ทั้งนี้ขนาดไฟล์ติดตั้งในการดาวน์โหลด 850 MB – 1GB กว่าๆ ขึ้นอยู่กับชนิดของอุปกรณ์ iOS

3. ชาร์ตแบตเตอรี่ให้เต็ม หรือมีแบตเตอรี่เหลือมากกว่า 50% หาก ต่ำกว่าควรเสียบสายชาร์จระหว่างอัพเดต เพื่อป้องกันเครื่องดับระหว่างติดตั้ง

mavericks-itunes_11-encrypt

4. เลือกอัพเกรดผ่านทาง iTune บนคอมพิวเตอร์จะชัวร์กว่าการอัพเกรดผ่าน Wi-Fi เพราะมีระบบการ backup รองรับด้วย  ทั้งนี้ต้องมีอินเทอร์เน็ตติดตั้งสำหรับการดาวน์โหลดอัพเดตด้วย ตรวจสอบเน็ตให้พร้อมเพื่อป้องกันหลุดระหว่างการดาวน์โหลด ทั้งนี้แนะนำ backup ข้อมูลสำคัญต่างๆเช่นรูปภาพ ไฟล์งาน วีดีโอ รายชื่อเบอร์โทรศัพท์ ให้เรียบร้อย  โดยสามารถอ่านรายละเอียดขั้นตอนการ backup ลงคอมที่  การเตรียมความพร้อม ก่อนอัพเดตสู่ iOS8 ทั้ง นี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุไม่สามารถกู้ข้อมูลภายในตัวเครื่อง iOS ได้ ในกรณีอัพเดตไม่สมบูรณ์ เกิดปัญหาระหว่างการอัพ ก็จะมีข้อมูลสำคัญบนคอมไว้

อีกวิธีนึง คือสำรองข้อมูลด้วย iCloud  (ใช้ได้กับ เครื่อง iOS ระบบปฏิบัติการ iOS5 ขึ้นไป )  ซึ่งประโยชน์จากการเลือกเปิดการ backup ข้อมูลบนอุปกรณ์ผ่าน iCloud คือระบบจะเก็บข้อมูลทุกอย่างของอุปกรณ์คุณไว้ ทั้ง แอปพลิเคชัน, รายชื่อโทรศัพท์ , รูปภาพ , บันทึกข้อความ , การตั้งค่าต่างๆ ซึ่งบางฟีเจอร์จะมีการ backup โดยอัตโนมัติเพียงเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ซึ่งหากเกิดปัญหาบนอุปกรณ์ ก็จะสามารถเรียกข้อมูลเดิมที่ backup ไว้กลับคืนมาได้

แต่… มีข้อจำกัดคือพื้นที่ iCloud มีพื้นที่เพียง 5GฺB เท่านั้น ซึ่งหากมีไฟล์ภาพ วีดีโอเยอะๆ แนะนำให้ Backup พวกไฟล์ภาพและวีดีโอลงบนคอม หรือฝากที่ cloud storage รายอื่นๆที่ให้พื้นที่เยอะๆ เช่น Google Drive ,  และ One Drive  ซึ่งให้พื้นที่ฟรี 15 Gb  ฟรี  หรือถ้ายืนยันจะใช้ icloud ด้วยก็ซื้อพื้นที่เพิ่มเติมไป

ขั้นตอนการอัพเดตผ่านทาง iTunes

1. ดาวน์โหลดติดตั้ง iTunes ลงบนคอมพิวเตอร์     สำหรับผู้ที่มี iTunes อยู่แล้ว ให้ทำการอัพเดตให้เป็นล่าสุด  (ใช้ได้ทั้ง Windows และ Mac )

2. นำสายเคเบิล USB มาเสียบเชื่อมต่อกันระหว่าง อุปกรณ์ iOS ( iPhone , iPod Touch และ iPad ที่ตรงกับรายชื่อรุ่นที่สามารถอัพเดตสู่ iOS8 ได้


3. เปิดโปรแกรม iTune  แล้วคลิกที่ชื่ออุปกรณ์ iOS ของคุณ

update-ios8-b4. คลิก ปุ่ม “อัพเดต”  ระบบ ก็จะทำการดาวน์โหลดตัว iOS8 เวอร์ชั่นล่าสุดก่อน แล้วทำการติดตั้งให้ จนเสร็จสิ้นการติดตั้ง ระหว่างติดตั้งนั้นห้ามถอดสายเคเบิลเป็นอันขาด

5. ถ้าอัพเดตเรียบร้อยก็ตั้งค่าเครื่อง iOS8 บนเครื่อง iOS ของคุณ รายละเอียดคลิกที่นี่

 

ขั้นตอนการอัพเดตผ่านทาง Software Update ( Over The Air ) 

ios8-install-02วิธีอัพเดตสู่  iOS8 วิธีที่ 2 นั่นคือ อัพเดตด้วย Over The Air หรืออัพเดตผ่านทาง Software Update ของ iOS ใช้ได้ตั้งแต่ iOS5 ขึ้นไป ซึ่งสะดวกตรงสามารถอัพเดตได้ทุกที่ ที่มีอินเทอร์เน็ต Wi-Fi   โดยไม่ต้องต่อเชื่อมกับ iTunes แต่ก็มีข้อระวังคือ  หากอัพเดตทันทีโดยไม่มีการ backup  เมื่อกรณีเกิดปัญหาขึ้นระหว่างการอัพเดต อาจไม่สามารถกู้ข้อมูลไฟล์สำคัญได้ ดังนั้นควร backup ข้อมูล  ก่อนการอัพเดตด้วยอัพผ่าน Software Update นี้

โดยหลังจากคุณ Backup สำรองข้อมูลเรียบร้อยเสร็จแล้ว พร้อมอัพสู่ iOS8   ก็เข้าไปที่  Settings > เลือก General > เลือก Software Update แล้วแตะที่ Download and Install ซึ่งจะใช้เวลาดาวน์โหลดและติดตั้ง ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความเร็วเน็ตและอุปกรณ์ iOS ของคุณเอง ทั้งนี้ระหว่างการอัพเดตแบตควรจะต้องคงเหลือ 50% ขึ้นไป หากแบตไม่เต็มหรือน้อยกว่า 50% ควรเสียบปลั๊กชาร์จไว้ด้วยเพื่อป้องกันเครื่องดับระหว่างการอัพเดตซึ่งจะก่อ ความเสียหายแก่อุปกรณ์ iOS ด้วย หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

วิธีแก้ปัญหาหน้าจอขึ้นให้เสียบกับ iTunes

ปัญหานี้เกิดจากการอัพเดต iOS ผิดพลาดหรือไม่สมบูรณ์จากความผิดพลาดของอุปกรณ์หรือการไม่ทำตามขั้นตอนการอัพเกรดที่ถูกต้อง วิธีแก้คือให้เชื่อมต่ออุปกรณ์กับ iTunes บนคอมพิวเตอร์ เพื่อ Restore เครื่องใหม่

itunes_connect_diagram

1. อัพเดต iTunes เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดแล้วเชื่อมต่อกับอุปกรณ์

itunes_recovery_iphone

2. เมื่อเชื่อมต่อแล้วหาก iTunes ไม่สามารถอ่านอุปกรณ์ได้ ก็จะปรากฏหน้าต่างให้ restore เครื่องใหม่ ให้กดที่ restore iphone ซึ่งถ้าหากมีการ backup ข้อมูลเอาไว้ เมื่อทำการ restore แล้วข้อมูลในอุปกรณ์ดังกล่าวจะไม่หายไป แต่หากไม่มีการ backup ใดๆ อุปกรณ์จะกลับไปยังค่าเริ่มต้นบน iOS ล่าสุด

itunes11_restore

3. อุปกรณ์จะใช้เวลาในการ restore เมื่อเรียบร้อยหน้าจอบนอุปกรณ์จะกลับมา ให้ทำการขั้นตอนบนอุปกรณ์แล้วจะปรากฏต่างให้ Set up โดยเลือก Set up เป็นอุปกรณ์ให้หรือ restore จาก iCloud และ iTunes ซึ่งหากมีการ backup ไว้บนที่ใดที่หนึ่งให้กดเลือก

ios7-set_up-002

4. จากนี้อุปกรณ์ก็จะสามารถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม โดยหากมีการ backup ข้อมูลไว้ ข้อมูลเก่าก็จะไม่หายไป

การ backup ข้อมูลก่อนการอัพเดตคือเรื่องสำคัญที่สุด โดยที่ผู้ใช้งานไม่ต้องคอยลุ้นว่าอุปกรณ์จะเกิดความผิดพลาดจนข้อมูลหายหรือ ไม่ ซึ่ง Apple ได้ออกแบบเทคโนโลยีมาเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นอยู่แล้ว เช่น iCloud เป็นต้น ดังนั้นผู้ใช้จึงควรเลือกใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เต็มประสิทธิภาพและไม่ ประมาท

สนับสนุนเนื้อหา: www.it24hrs.com

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook