[รีวิว] Meizu M2 Note มือถือแดนมังกรที่ทำตัวเป็น iOS ในคราบ Android ในราคาไม่เกิน 6 พัน

[รีวิว] Meizu M2 Note มือถือแดนมังกรที่ทำตัวเป็น iOS ในคราบ Android ในราคาไม่เกิน 6 พัน

[รีวิว] Meizu M2 Note มือถือแดนมังกรที่ทำตัวเป็น iOS ในคราบ Android ในราคาไม่เกิน 6 พัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     ช่วงนี้จะว่าไปแล้วมือถือจากประเทศจีนก็บุกตลาดหลายค่ายแบบหน้ากลัวพอสมควร จนเรียกว่าเจ้าตลาดหลาย ๆ Brand หนาวสั่นกันไปตาม ๆ กัน และแน่นอนว่ามือถือที่จะรีวิวต่อไปนี้ก็ทำให้ตลาดระดับไม่เกิน 6,000 บาท เดือดได้อีก Brand หนึ่ง และใครอยากได้ก็เข้าไปสั่งออนไลน์ผ่านเว็บ Shopping Online อย่าง Lazada นั่นคือ Meizu M2 Note

รายละเอียดของ Meizu M2 Note

- ขนาดตัวเครื่อง 150.9 x 75.2 x 8.7 มิลลิเมตร
- สีตัวเครื่องในไทยจะมีให้เลือกสีเทา และ สีขาว
- น้ำหนัก 149 กรัม
- CPU Mediatek MT6753 Octa Core 1.3GHz
- GPU Mali T720
- RAM 2 GB
- ความจุในตัว 16 GB
- เพิ่มได้ด้วย Micro SD 128 GB
- 3G 900 / 1900 / 2100 HSDPA 42.2 Mbps
- 4G LTE 1800/2100/2600 Cat 4 150/50
- WiFi 802.11 b/g/n, Bluetooth V4.0
- หน้าจอ 5.5 นิ้ว IGZO LCD ความละเอียด 1080 x 1920
- กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล | กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล, Auto Focus, LED Flash คู่
- แบตเตอรี่ 3,100  mAh
- ระบบปฏิบัติการ Flyme OS 4.5 พื้นฐาน Android 5.1

รูปร่าง Meizu M2 Note


    หน้าจอของ Meizu M2 Note นั้นเลือกใช้ของ Sharp แบบ IGZO LCD ขนาด 5.5 นิ้วพร้อมความละเอียด 1920x1080 (Full HD) จุดเด่นของหน้าจอแบบนี้คือ ความคมชัดไม่ว่าจะสภาพแสงแบบใดก็ตามและแน่นอนว่าการตอบสนองมันก็ทันใจพอสมควร ถือว่ามีความโดดเด่นพอสมควร

    ส่วนบนมีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมกับ หูฟังและไฟแจ้งเตือนแบบ LED

    ส่วนล่างมีปุ่มสั่งงานที่เป็นเอกลักษณ์ในชื่อ M Back ทำงานง่ายคือ แตะเท่ากับกลับ 1 หน้า และกด เท่ากับกลับหน้าหลัก

    ด้านข้างซ้าย มีปุ่มปรับระดับเสียงและ Power ของเครื่องเป็นอะลุมิเนียม

    ด้านข้างขวามีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano Sim 2 ช่อง และช่องหนึ่งสามารถเปลี่ยนเป็น Micro SD ได้ด้วย

ด้านบนมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

    ด้านล่างมีช่องเสียบ Micro USB พร้อมกับไมโครโฟนและลำโพงเครื่อง การวางเหมือน iPhone เลย

    ด้านหลังจะมีกล้องหล้งความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมกับ Auto Focus และ LED Flash แบบคู่ และมี Logo Meizu แบบชัดเจนอยู่ด้านล่าง นอกจากนี้ การตกแต่งที่ต้องพูดเลยว่าเหมือน iPhone เกินไปหน่อย แต่มันยังดีที่สามารถจับเครื่องได้ถนัดมือดี และกล้องมันเรียบกับเครื่องทำให้เสี่ยงจะเป็นรอยง่าย

    ภาพรวมแล้วถือว่ามันเป็นเครื่องที่ออกแบบได้ดี ยกเว้น ปุ่ม M Back อาจจะทำให้คนที่ใช้แรก ๆ จะงงกับการใช้งานของเครื่องนี้

ประสิทธิภาพของ Meizu M2 Note


    จากที่ได้ลองวัดด้วย Antutu Benchmark คะแนนจะได้สูงสุดแถว 31635 และ Nenamark 2 วัดการตอบสนองหน้าจอที่ 56.5 FPS และรองรับมัลติทัช 9 จุด เรียกได้ว่าคะแนนไม่ได้แตกต่างจากมือถือในระดับเดียวกันสักเท่าไหร่ แต่ที่เห็นนี้ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมหรือการใช้งานทั่วไปก็ดี ถือว่านี่ก็เป็นอีกมือถือที่คนระดับที่ไม่ได้มีเงินมากนักน่าจะจับจองเป็นที่สุด

    ส่วนแบตเตอร์รี่นั้น ให้มา 3,100 mAh ถือว่าเป็นมือถือที่ให้แบตเตอร์รี่ขนาดกำลังเหมาะสม แต่สิ่งที่ MediaTEK ทำให้แปลกใจกับมือถือรุ่นนี้คือ การ Standby ได้ยาวนานระดับเกินกว่า 9 ชั่วโมง ในการทดสอบ และใช้งานจริงระหว่างวันไม่ต้องชาร์จแบตฯระหว่างวัน เหตุผลเกิดจากระบบจัดการพลังงานที่มีให้เลือก 3 รูปแบบทั้ง Power Saver, Balance และ Performance Mode มาให้ครบขนาดนี้แต่ผมแนะนำว่า Balance Mode ก็เพียงพอแล้วครับ

คุณสมบัติลูกเล่นที่น่าสนใจ


    ระบบปฏิบัติการของ Meizu M2 Note นั้นแตกต่างจากมือถือรุ่นอื่น ๆ ที่เป็น Android เหมือนกันนิดหน่อย คือการใช้ Flyme OS เวอร์ชั่น 4.5 แม้จะตามหลังรุ่นใหม่อย่าง Meizu 5 Pro ที่ได้ Android 5.1 เหมือนกันก็ตาม แต่มันก็ใช้งานง่ายและมี Apps โหลดได้เฉพาะตัว แต่ถ้าสำหรับคนที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกับ Google จะยุ่งยากกว่านิดหน่อย แนะนำแค่อัพเกรดเป็น 4.5.3 ดีกว่า

    ความบันเทิงที่จัดมาให้ของ Meizu M2 Note ถือว่าจัดให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นระบบการปรับเสียงระหว่างการฟังเพลงของ Dirac HD และระบบ EQ ที่มีให้เลือกมากมาย นอกจากนี้ยังให้ Video Player มาอีกด้วย

    ส่วนเครื่องมือต่าง ๆ ยังคงมีทั้ง Flyme Store สำหรับโหลด Application รวมถึงการเชื่อมต่อกับ Google Play Store ด้วย, เครื่องคิดเลข ที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงรวมมาด้วย, เครื่องอัดเสียง, ปฏิทิน เรียกว่ามาปกติเหมือนกับมือถือ Android ทั่วไป

    สำหรับกล้องของ Meizu M2 Note นั้น ให้กล้องหลังขนาด 13 ล้านพิกเซล พร้อมกับ LED Flash แบบคู่ True Tone ให้โทนสีที่กำลังดี และให้ระบบ Auto Focus ที่ทำงานได้ไวใช้ได้ จากที่ได้ลองถ่ายรูปภาพว่าการทำงานถือว่าทำได้ดี เสียดายที่ไม่สามารถปรับภาพให้เป็นแบบ 16:9 ได้ ส่วนการถ่ายวีดีโอความละเอียด 1080P (Full HD)

    ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และสามารถปรับ Beauty Mode ได้

(ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Meizu M2 Note)

สรุปในภาพรวมของ Meizu M2 Note


    เรียกว่ามาเกินความคาดหมายไปสักหน่อยกับมือถือน้องใหม่ที่พึ่งมาขายในไทย แต่เชื่อว่าหลายคนพร้อมจะรออย่าง Meizu M2 Note ตัวนี้ เพราะเอกลักษณ์ที่เหมือนกับ iPhone 5c ในเรื่องของสีสันที่ขายในประเทศจีนและฟีเจอร์ที่โดดเด่นและการทำงานที่ไวใช้ได้ แต่ยังติดเรื่องของระบบปฏิบัติการที่แม้จะเป็นพื้นฐาน Android แต่จะต้องสมัครบริการอะไรนิดหน่อย รวมทั้งปุ่ม M Back ที่ต้องอาศัยความเข้าใจนิดหน่อยในการใช้เครื่อง

    เห็นเท่านี้อยากรู้สิว่าราคาเท่าไหร่ คำตอบคือ 5,990 บาท ครับ ถือว่าไม่ได้แพงมากและก็ไม่ได้ถูกจนเกินไปอยู่ในตำแหน่งที่พอดีและมีคู่แข่งเยอะพอสมควร แต่น่าเสียดายที่ประเทศไทยจำหน่ายแค่ 2 สีคือ ขาวกับเทา แต่คุ้มค่ากว่าเพราะจะมีโปรโมชั่นร่วมกับ Operator เช่นกัน และจำหน่ายเฉพาะ Lazada เท่านั้นในวันที่ 29 กันยายนในเวลา 10 โมงเช้า ถึง เที่ยง เท่านั้น หลังจากนี้ต้องมาดูกันต่อไปว่า จะมีมาขายอีกหรือไม่นะครับ แต่นี่ก็เป็นอีกความพยายามของ เหม่ยซู ที่จะขายของในไทยนะครับ

ข้อดี

- เครื่องออกแบบให้เป็นมิตรต่อการใช้งานพอสมควร
- แบตฯทนมาก
- ราคาเครื่องจัดว่าคุ้มค่า
- หน้าจอเครื่องคมชัดและใหญ่ ทั้ง ๆ ที่เครื่องน้ำหนักเบา

ข้อควรปรับปรุง

- ไม่มีอะไรปกป้องเลนส์กล้องหลัง
- M Back ต้องทำความเข้าใจกับมันสักหน่อย
- การเชื่อมต่อกับ Google Account ยุ่งยากกว่าที่คิด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook