5 ความเชื่อแบบผิดๆ เกี่ยวกับการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ บนแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/hi/0/ud/280/1400329/1.jpg5 ความเชื่อแบบผิดๆ เกี่ยวกับการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ บนแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน

    5 ความเชื่อแบบผิดๆ เกี่ยวกับการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ บนแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน

    2015-10-30T14:56:16+07:00
    แชร์เรื่องนี้

            กลับมาอีกครั้ง กับบทความดีๆ มีประโยชน์ โดยทีมงานเว็บไซต์เทคโมบล็อค ในสัปดาห์นี้ครับ โดยในครั้งนี้ ขอนำเสนอวิธีการช่วยประหยัดพลังงานของแบตเตอรี่ บนอุปกรณ์ไฮเทค อย่างสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตกันบ้าง แน่นอนว่า

            หลายๆ ท่านคงจะเคยได้ยินเทคนิค หรือวิธีการช่วยยืดอายุของแบตเตอรี่กันมาบ้างแล้ว รวมไปถึงสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่ลดฮวบๆ ซึ่งได้แก่ การเปิด Wi-Fi บ้าง เปิด 3G บ้าง หรือการเปิดหน้าจอที่สว่างมากเกินไป เป็นต้น


            แต่เมื่อขึ้นชื่อว่า สมาร์ทโฟน การที่เราจะมานั่งประหยัดแบตเตอรี่ ด้วยการปิดการรองรับเครือข่าย 3G ขอแนะนำว่า ให้ไปใช้ ฟีเจอร์โฟน (Feature phone) จะดีกว่าครับ เพราะเมื่อใช้สมาร์ทโฟนแล้ว เราควรจะใช้งานกันอย่างเต็มที่ตามความสามารถของมัน

            โดยที่ไม่ต้องกลัวว่า แบตเตอรี่จะหมดลงแต่อย่างใด อยากเล่นเกม เล่นอินเทอร์เน็ต แชท ดู Facebook ก็ทำได้ตามใจชอบ ดีกว่าซื้อสมาร์ทโฟนมา แล้วใช้แค่รับสาย กับโทรออก เพราะกลัวแบตจะหมด แบบนี้ก็ดูไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่ครับ มาดูกันว่า วิธีการที่ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ทั้ง 5 ข้อนี้ สามารถช่วยได้จริงหรือไม่

    1) การปิด Wi-Fi, 3G, GPS และ Bluetooth จะทำให้ตัวเครื่องใช้พลังงานน้อยลง

           จริงๆ แล้ว ความเชื่อนี้เป็นความเชื่อที่ผิดนะครับ เพราะสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่มีระดับที่ลดลงขณะใช้งานนั้น ไม่ได้อยู่ที่การเปิด Wi-Fi หรือ 3G แต่อยู่ที่การเปิดแอพพลิเคชั่นที่กำลังใช้งานอยู่ใน backgroud mode นั่นเอง ฉะนั้น แทนที่จะประหยัดแบตเตอรี่ด้วยการปิด Wi-Fi หรือ 3G ให้หันมาเช็คที่ตัวแอพพลิเคชั่นแทนครับ พยายามเลือกลงแอพพลิเคชั่นที่จำเป็นต่อการใช้งานจะดีกว่า

          2) ใช้โปรแกรม Task manager ปิดแอพพลิเคชั่นที่ไม่ต้องการ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

          ไม่ว่าจะเป็นระบบปฏิบัติการ iOS, Android หรือ Windows Phone ต่างก็ถูกออกแบบให้มีระบบการจัดการในตัวเองอยู่แล้ว ฉะนั้น เราไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรม task manager เพื่อปิดแอพพลิเคชั่น ที่จะเป็นการสูบแบตเตอรี่ให้หมดไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ การใช้ task manager เพื่อเพิ่มอายุของแบตเตอรี่ จึงเป็นความคิดที่ผิดครับ

    3) การใช้ Live Wallpapers เป็นสาเหตุทำให้แบตเตอรี่ลดฮวบฮาบ

           สำหรับท่านที่ใช้อุปกรณ์ Android จงภูมิใจเถิดครับ ที่ระบบปฏิบัติการ Android นั้น มี Live Wallpaper สวยๆ ให้ใช้ ในขณะที่ OS อื่นๆ ไม่มี เพราะจากการคำนวณ การใช้ Live Wallpaper นั้น ทำให้แบตเตอรี่ลดลงแค่ 2% เท่านั้น มีของดีอยู่ในมือ ควรใช้ให้คุ้มนะครับ

    4) ปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงไปก่อน แล้วค่อยชาร์ต

            จริงๆ แล้ว หลักการที่ว่า ก่อนที่จะชาร์ตแบตเตอรี่ ควรจะใช้ให้หมดเกลี้ยงไปก่อนแล้วค่อยชาร์ตนั้น ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแบตเตอรี่แต่ละเจ้าครับ ถามว่า จำเป็นต้องทำทุกครั้งหรือไม่ คำตอบคือ ไม่จำเป็น "แต่" มีคำแนะนำว่า ควรจะทำแบบนี้ซักเดือนละหน เพื่อช่วยยืดอายุของแบตเตอรี่ครับ

    5) การเปิดระบบปรับความสว่างของหน้าจอแบบอัตโนมัติ จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่

           ถามว่าวิธีการนี้ ช่วยทำให้ประหยัดแบตเตอรี่ได้หรือไม่ คำตอบคือ ช่วยได้ครับแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทางที่ดีก็คือ ปรับความสว่างของหน้าจอแบบ manual ให้เหมาะสมกับการใช้งานจะดีกว่า แล้วค่อยเปลี่ยนมาใช้แบบ auto กรณีที่ต้องอยู่ในที่แสงจ้า เพราะระบบปรับความสว่างของหน้าจอแบบอัตโนมัติ จะช่วยปรับระดับความสว่าง ให้เหมาะกับการใช้งานมากที่สุดนั่นเองครับ มืดไปก็ไม่ดี สว่างไปก็ไม่ดี สายตาเสียนะครับ

            อย่างไรก็ดี บทความนี้ อาจจะไม่เป็นความจริงเสมอไปก็ได้ครับ โดยเฉพาะการปิดเครือข่าย 3G ซึ่งจากความเห็นส่วนตัว หลังจากที่ได้ทดลองแล้วพบว่า 3G เป็นตัวทำให้แบตเตอรี่ลดลงจริง รวมไปถึงการปิด Location service ทำให้ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ไปได้อีกมาก ซึ่งท่านใดจะลองนำไปปรับใช้ดู แล้วเปรียบเทียบกับการใช้งานปัจจุบัน ก็ไม่ว่ากันครับ :)

    รายละเอียดเพิ่มเติม : phonearena.com

    สนับสนุนเนื้อหา: www.techmoblog.com